6 ส.ค. 2020 เวลา 17:56 • อสังหาริมทรัพย์
“ไมโคร คอนโด” เทรนด์ใหม่ของคอนโดในประเทศไทย
Credit : Curbed New York
หากใครที่เคยอาศัยอยู่คอนโดมิเนียมในสมัยก่อน แต่พอมาดูคอนโดสมัยนี้
เชื่อว่าหลายคนคงเกิดคำถามขึ้นในใจอย่างหนึ่ง
“คอนโดสมัยนี้ห้องมันจะเล็กไปไหน”
วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องราวของคอนโดมิเนียมว่าทำไมคอนโดสมัยใหม่ห้องถึงเล็กลง
มาดูกันครับ
ก่อนอื่นเพื่อให้เข้าใจง่ายจึงขอพูดถึงพัฒนาการของตลาดคอนโดในประเทศไทยกันก่อน
ที่อยู่อาศัยประเภทห้องชุดหรือที่เราเรียกกันว่า “คอนโดมิเนียม” เริ่มเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะในยุคนั้นถือว่าคอนโดเป็นเรื่องที่ใหม่มาก ประกอบกับสังคมไทยยังนิยมอยู่เป็นครอบครัวใหญ่มากกว่า
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2516 เมื่อกรมประชาสงเคราะห์ได้โอน “แฟลต” ในย่านชุมชนต่างๆ ให้กับการเคหะแห่งชาติ จึงเริ่มมีการผลักดันกฎหมายเพื่อรองรับกับการอยู่อาศัยในอาคารประเภทนี้
และในที่สุดเราก็มีพระราชบัญญัติอาคารชุดใช้เป็นฉบับแรกในปี พ.ศ. 2522
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บ้านเราก็เริ่มมีโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น โดยมีธนาคารอาคารสงเคราะห์เป็นสถาบันการเงินแห่งแรกที่ประเดิมการให้สินเชื่อสำหรับที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุด
คอนโดมิเนียมในยุคนี้มักออกแบบห้องให้มีขนาดใหญ่เหมือนอยู่บ้าน ส่วนมากจะมีพื้นที่ใช้สอยอย่างน้อย 50 ตารางเมตร แม้แต่ห้องขนาด 200 ตารางเมตร ก็ยังสร้างขายกัน และจะตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองหรือย่านธุรกิจ
จนมาถึงช่วงปี พ.ศ. 2530 เศรษฐกิจของประเทศไทยเข้าสู่ยุคเฟื่องฟูท่ามกลางกระแสที่ว่า “เราจะเป็นเสือตัวที่ห้าของเอเชีย” ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็เริ่มเบ่งบาน
คอนโดในกรุงเทพเพิ่มจำนวนเป็นดอกเห็ด จากที่มีเพียง 1 หมื่น ยูนิต กลายเป็นกว่า 9 หมื่นยูนิต มีทั้งคอนโดหรูห้องใหญ่ คอนโดระดับกลาง หรือแม้แต่คอนโดราคาประหยัดขนาดไม่เกิน 30 ตารางเมตร ก็เกิดขึ้นในสมัยนี้
จากสภาวะเศรษฐกิจที่บูมสุดขีดและจบลงด้วยวิกฤต “ต้มยำกุ้ง” ในปี พ.ศ. 2540 พร้อมกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ล้มไปจำนวนมาก
กว่าที่ตลาดคอนโดจะเริ่มกลับมาได้ก็ล่วงเลยมาถึงปี พ.ศ.2546 สาเหตุก็มาจากการที่สังคมบ้านเราเริ่มเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น คนรุ่นใหม่แต่งงานและย้ายออกจากบ้านไปซื้อที่พักอาศัยเป็นของตนเอง รวมไปถึงไลฟ์ไสตล์แบบคนเมือง
คอนโดมิเนียมก็กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งและเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะคอนโดแบบ 1 ห้องนอน (1 Bed) ขนาด 30 - 40 ตารางเมตร
แต่ในช่วงนี้เมืองมีการขยายตัว ราคาที่ดินในเมืองก็พุ่งสูงขึ้น การหาที่ดินแปลงสวยๆ ที่สามารถพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมได้ก็ทำได้ยากกว่าแต่ก่อน
นักพัฒนาจึงแก้ไขปัญหาด้วยการออกแบบห้องใหม่ให้มีลักษณะหน้าแคบและขนาดเล็กลง เพื่อให้มีจำนวนยูนิตขายมากขึ้นจะได้คุ้มค่ากับต้นทุนราคาที่ดิน นอกจากนี้ยังทำให้ราคาห้องก็ถูกลงด้วย
และจึงเป็นที่มาให้คอนโดขนาดเล็กถือกำเนิดขึ้นในบ้านเรา ซึ่งมีขนาดห้องแค่ 25 ตารางเมตร แต่มีฟังก์ชั่นครบครัน ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น ครัว ห้องน้ำ และระเบียง
ซึ่งคอนโดแบบนี้ในต่างประเทศจะเรียกว่า “ไมโคร ดอนโด” (Micro Condo)
ถ้าไปฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือเมืองใหญ่ๆ ในยุโรป เราอาจจะเห็นห้องพักอาศัยขนาดจิ๋วมากมาย มีขนาดห้องแค่ 10 - 15 ตารางเมตร หรือเล็กกว่านั้น แต่ก็อยู่อาศัยได้และมีเกือบครบทุกฟังก์ชั่น
ห้องขนาด 13 ตารางเมตร ในประเทศโปแลนด์ Credit : Contemporist
สาเหตุที่ประเทศเหล่านี้ต้องอยู่ในคอนโดที่เล็กเพราะว่ามีจำนวนประชากรมาก แต่มีที่ดินสำหรับการสร้างที่อยู่อาศัยจำกัด ราคาที่ดินจึงสูงมากและเป็นแรงกดดันให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องบีบขนาดห้องให้เล็กที่สุดเพื่อให้คนในเมืองมีที่อยู่อาศัยเพียงพอ
กลับมาดูที่บ้านเรากันต่อ
ทุกวันนี้เราจะเห็นคอนโดมิเนียมใหม่เปิดตัวด้วยห้องขนาดเพียง 21 ตารางเมตร กันมากขึ้น จนกลายเป็นเรื่องธรรมดา
แต่คงไม่สามารถทำห้องเล็กกว่านี้ได้แล้วเพราะกฎหมายกำหนดไว้ว่าคอนโดมิเนียมต้องมีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 20 ตารางเมตร
เมื่อย้อนกลับไปเปรียบเทียบกับคอนโดรุ่นเก่าจะเห็นได้เลยว่าขนาดห้องนั้นแตกต่างกันมากจริงๆ
จากนี้ไปเรามีโอกาสเห็นคอนโดมิเนียมรุ่นเก่าได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะอาจจะคุ้มค่ามากกว่าเมื่อเทียบกับราคาห้อง
แต่อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าความต้องการซื้อคอนโดใหม่ในบ้านเราก็จะยังคงอยู่เหมือนกับในเมืองอื่นๆ ทั่วโลก
ถ้าในอนาคตมีการแก้ไขข้อกำหนดต่างๆ ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจและตลาดที่อยู่อาศัย
เราคงได้เห็นคอนโดจิ๋วแบบในต่างประเทศเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่าในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีอพาร์ทเม้นท์ชื่อ Knightsbridge Flat ขนาดห้องแค่ 5.6 ตารางเมตร แต่มีราคาสูงถึง 330,000 USD หรือประมาณ 10 ล้านบาท เลยทีเดียว
โฆษณา