7 ส.ค. 2020 เวลา 11:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
ฮัลโล่ววว หายไปนานเลยทีเดียวกับการรีวิวภาพยนตร์
ถึงแม้โรงภาพยนตร์จะเปิดให้บริการแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้มีธุระที่ต้องออกจากบ้านไปไหนเลย จนกระทั่งวันพุธที่ผ่านมา ทำให้เพิ่งได้มีโอกาสดูหนังเรื่องแรกในรอบหลายเดือนมานี้
เรื่องที่ผมไปดูมานี้เป็นหนังเกี่ยวกับ"ซอมบี้" ที่ภาคแรกทำเอาไว้ได้ดีมากๆ ฮั่นแน่ หลายๆคนคงรู้แล้วสินะว่าเรื่องอะไร ใช่แล้วครับ
"Peninsula(Train to Busan 2) : ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง"
ผ่านไป 4 ปี เกาหลีกลายเป็นดินแดนคาบสมุทรที่เต็มไปด้วยซอมบี้ น่านน้ำต่างๆ ถูกปิดกั้นเพื่อมิให้ผู้ใดเข้าไป ผู้คนที่หนีรอดออกมาได้นั้นต่างถูกเหยียดหยามและดูถูกราวกับว่าพวกเขาไม่ใช่มนุษย์ แต่แล้วก็มีฝรั่งมาจ้างพวกรอดชีวิตเข้าไปเอาเงินจำนวนสิบล้านภายในเมืองซอมบี้และให้ผลตอบแทนอย่างงาม เงินจำนวนนั้นสามารถทำให้ผู้รอดชีวิตเหล่านั้นมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายได้ พวกเขาจึงเลือกที่จะเดินกลับเข้าไปเสี่ยงความตายในดงซอมบี้อีกครั้ง!!
เนื้อเรื่อง : 6.5/10
ตัวละคร : 6.5/10
ฉากแอคชั่น, ต่อสู้ : 8/10
คะแนนรวม = 7/10
เนื้อเรื่อง
ด้วยเนื้อหาที่เป็นเหตุการณ์หลังจาก 4 ปีก่อน ทำให้ไม่ต้องเล่าเรื่องอะไรเยอะแยะ พล้อตเรื่องค่อนข้างตรงไปตรงมา เดาได้เกือบทั้งหมด เปลี่ยนจากหนังเอาชีวิตรอดมาเป็นหนังแอคชั่นไปเสียแล้ว ลดทอนมิติของหนังลง ดรอปแบคกราวน์ของตัวละครลง แต่เพิ่มฉากยิงและฉากขับรถไล่ตะบันชนแหลกเข้าไปแทน ตอบโจทย์ความสนุกในฟิลหนัง"ซอมบี้" แต่ผิดหวังในความเป็น"Train to Busan"
ตัวละคร
พระเอกของเรื่องดูไม่ค่อยน่าเอาใจช่วยเท่าไรเลยอะ หนังไม่ได้ใส่ความ"ฉันต้องรอด"เอาไว้มากพอ อารมณ์ร่วมเลยหายไปส่วนนึง ส่วนตัวละครที่เหลือถือว่าโอเคอยู่นะ
แต่!!! ถ้าหากเอามาเทียบกับภาคแรกแล้วแหละก็...
ไม่ว่าจะเป็นพระเอก คู่หูพระเอก นางรอง และตัวร้ายหลักๆ เทียบกับคนต่อคน ภาค 2 สู้ภาค 1 ไม่ได้เลย!!! ทุกตำแหน่งดรอปลงหมดเลยจ้าาา เสียดายมาก
ฉากแอคชั่น, ต่อสู้
ส่วนนี้แหละคือจุดขายของหนังเรื่องนี้ Peninsula ได้เปลี่ยนตัวเองเป็นหนังแอคชั่นโดยสมบูรณ์แบบ การสู้กับซอมบี้ถือว่าทำได้ดีเลย และเสริมเข้าไปด้วยฉากขับรถสุดเร้าใจ ถ้าไม่เห็นหน้าคนขับนี่นึกว่า "โดมินิค" จาก Fast and Furious น้องแกขับรถได้ดิบเถื่อนดีจริงๆ
และนอกจากที่ต้องสู้กับซอมบี้แล้ว ยังต้องสู้กับมนุษย์ด้วยกันเองอีก ถือว่าศัตรูมีทั้ง 2 ฝั่งเลย ยิ่งลุ้นกันเข้าไปอีก
สรุป
หนังเรื่องนี้จริงๆมันสนุกนะ แต่ด้วยการที่ใช้ชื่อว่า "Train to Busan 2" มันทำให้คนเราเกิด"ความคาดหวัง"ขึ้นมา คาดหวังว่ามันจะต้องดีกว่าและสนุกกว่าภาคแรก และเกิดการเปรียบเทียบขึ้นระหว่างภาค 1 และภาค 2
สำหรับใครที่มีความเห็น หรือต้องการพูดคุย สามารถคอมเม้นมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ
ถ้าชอบก็กด Follow, Like, Share ให้ด้วยนะครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ
โฆษณา