9 ส.ค. 2020 เวลา 02:05 • ครอบครัว & เด็ก
ใกล้วันแม่ ก็จะคิดถึงแม่เป็นพิเศษ คิดถึงแม่ แล้วก็ คิดถึงชีวิตสมัยเด็กๆ
ผู้เขียนมีพี่น้องทั้งหมด 4 คน ผู้เขียนเป็นคนที่ 2
ครอบครัวฝั่งแม่นั้น แม่เป็นลูกสาวคนเล็ก มีพี่ทั้งหมด 5 คน ชาย 3 หญิง 2
ผู้เขียนจึงมีลุง 3 คน และ ป้า 2 คน
ส่วนครอบครัวฝั่งพ่อ พ่อเป็นลูกชายคนโต มีน้องทั้งหมด 7 คน ชาย 2 หญิง 5
น่ารักไหมคะ พ่อเป็นคนโต แม่เป็นคนสุดท้อง เหมาะกันมากๆ เลยใช่ไหมค่ะ
เล่าเรื่องครอบครัวแม่ก่อนนะคะ
สมัยก่อนนิยมให้ผู้ชายได้เรียนหนังสือ ส่วนผู้หญิงก็ทำงานบ้าน เย็บปักถักร้อย
คุณลุงของผู้เขียนจึงค่อนข้างมีการศึกษาสูงทุกท่าน ต่างประกอบอาชีพรับราชการตำแหน่งสำคัญๆ ส่วนแม่และป้านั้นก็อยู่บ้าน ช่วยงานตาและยาย (ผู้เขียนเรียกแม่เฒ่า และ ก๋ง)
ป้าและแม่จึงมีคุณสมบัติเพียบพร้อมมากสำหรับการงานของสตรียุคนั้น เช่น การเย็บผ้า งานบ้านงานครัว เสียดายที่ผู้เขียนไม่ได้เรียนรู้การทำอาหารต่างๆ แต่งานฝีมือก็คิดว่าน่าจะได้มาบ้างจากแม่
แม่ของผู้เขียนมีอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้า ขายผ้าสำหรับตัดเย็บ และ อุปกรณ์ตัดเย็บต่างๆ
แม่ทั้งเรียนเสริมสวย และ ตัดเย็บ จึงทำงานประเภทนี้เป็นแทบทั้งหมด
สมัยเด็กๆ พวกเรา 4 คนพี่น้อง แทบจะไม่ต้องซื้อเสื้อผ้ากันเท่าไหร่ ยกเว้นชุดนำสมัยที่ได้ซื้อ ส่วนเสื้อผ้าชุดนักเรียน กระโปรง หูกระต่าย ชุดยุว เนตรนารี ชุดใส่อยู่บ้าน ชุดนอน ชุดไปเที่ยว แม่จะตัดให้ทั้งหมด พวกเรามีชุดแฝดด้วยค่ะ เนื่องจากโตไล่เลี่ยกัน แม่ชอบตัดชุดที่เหมือนกันให้ค่ะ
เรื่องผมเผ้าก็เช่นกัน แม่ของผู้เขียนเหมาหมด ตัดให้ลุกๆ ทุกคนเอง ค่าใช้จ่ายส่วนนี้จึงไม่ใคร่จะสิ้นเปลืองมากนัก (แต่ผู้เขียนมีขั้นกว่านะคะเรื่องตัดผม ก็คือ สามารถตัดผมตัวเองได้ และตัดเองรวมๆ ก็ประมาณ 5- 6 ปีล่ะค่ะ ที่ไม่ได้เข้าร้านทำผม 55)
ว่ากันจริงๆ ครอบครัวของแม่นั้น เรียกว่ามีอันจะกินในสมัยก่อน แต่แม่ก็ยังประหยัดให้ลูกได้เห็นและถือเป็นแนวทางจนปัจจุบัน
คนในละแวกบ้านมาหยิบยืมเงินแม่ตั้งแต่ไหนแต่ไร แม่บอกว่าบางคนเค้าไม่มีจริงๆ แม่ก็ให้ไปไม่หวังจะได้คืน มาคืนก็รับ แต่ถ้าเค้าไม่คืนก็ไม่เป็นไร เพราะไม่ได้เป็นจำนวนเงินที่มากมาย ตอนให้ยืมก็ให้ยืมแบบไมได้เดือดร้อน ส่วนคนที่ไม่ตั้งใจทำงาน หากมาหยิบยืม แม่ก็จะดูก่อนว่าควรให้ไปไหม หรือให้ได้เท่าไหร่
แม่เล่าให้ฟังว่าก๋งเองก็ใจดีเช่นกัน (ก๋งเสียตั้งแต่แม่ยังสาวๆ อยู่เลย ตอนนั้นผู้เขียนยังไม่เกิด แต่แม่ก็เล่าเรื่องของก๋งให้ฟังหลายเรื่อง) ก๋งมาจากเมืองจีน มาแต่งงานกับยายของผู้เขียน ก๋งมีอาชีพค้าขาย ต้องออกเรือไปขายของ และ ซื้อของกลับมาขาย ก๋งเป็นคนขยัน ที่ทางทำกินที่ทิ้งไว้ให้ลูกหลานก็มาจากการที่ก๋งหักร้างถางพง แต่เสียดายที่ต้องเอาหลายๆ แปลงออกขายเพื่อให้ผู้เขียนและพี่น้องได้เรียนหนังสือค่ะ
แม่เล่าให้ฟังว่า ครั้งนึง ก๋งและเพื่อนโดนโจรปล้นขณะเดินทางออกไปซื้อของ แต่ก๋งไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เล่าต่อๆ กันมาว่าหนึ่งในโจรปล้นนั้น รู้จักก๋งและทราบเรื่องความใจดีของก๋ง จึงไม่ทำอะไร ได้แต่เอาทรัพย์สินไป ในขณะที่เพื่อนของก๋งที่ไปด้วยเสียชีวิตหนึ่งคน และ รอดชีวิตหนึ่งคน คนที่รอดชีวิตก็บาดเจ็บ
นอกจากแม่ที่เลี้ยงผู้เขียนมา ก็ยังมีคนอื่นๆ ที่ช่วยกันเลี้ยงมาจนโต นั่นก็คือ ป้าๆ ของผู้เขียน
ป้าของผู้เขียนทั้งสองคนล้วนมีลูกแค่คนเดียว และพี่ๆ ก็โตแล้ว ป้าจึงมีเวลาได้ช่วยแม่เลี้ยงพวกเรา 4 คนพีน้อง
ผู้เขียนชอบไปนอนบ้านป้า เพราะป้ามักจะเกาหลังให้ตอนนอน และผู้เขียนเองก็ติดยายด้วย ชอบเล่นนมยายตอนนอน ฮ่ะๆๆ
นอกจาก ยาย แม่ ป้าทั้งสอง ก็ยังมีญาติผู้ใหญ่คนอื่นๆ รอบบ้าน ที่ช่วยกันเลี้ยงพวกเราเติบโตมา
ชีวิตวัยเด็กช่างมีความสุข นึกถึงก็สุขใจ และรู้สึกทึ่งว่า เราใช้ชีวิตมานานขนาดนี้แล้วเหรอ ต่อไปจะเป็นอย่างไร ลูกเราล่ะจะมีอะไรไปบอกเล่ารุ่นต่อๆ ไปไหม จึงคิดว่าอยากจะเขียนอะไรๆ ไว้ให้ลูกได้อ่านบ้าง
เพราะคิดๆ ไป ผู้เขียนเองก็มีประสบการณ์มากมายที่อยากเล่า อยากสอนลูก หรือบอกเล่าใครๆ ที่อาจจะได้ประโยชน์จากการอ่านข้อเขียนของเราบ้าง
เขียนไปแม้คิดว่าคนที่จะผ่านมาอ่านอาจจะมีไม่มากมายนัก แต่เขียนไป ผู้เขียนเองก็มีความสุข และยังอยากจะเขียนไปเรื่อยๆค่ะ
ขอบคุณที่แวะมานะคะ
โฆษณา