8 ส.ค. 2020 เวลา 01:13 • ไลฟ์สไตล์
พิซซ่า - อาหารอเมริกัน?
เมื่อเอ่ยถึง “พิซซ่า” ใคร ๆ ก็รู้ว่าเป็นอาหารอิตาเลี่ยน แต่ทำไมผมถึงจั่วหัวว่าเป็นอาหารอเมริกัน?
ขอบคุณภาพประกอบจาก Pixabay
รู้ไหมครับว่า พิซซ่ามีต้นกำเนิดเป็นอาหารของคนจน เพราะไม่มีอะไรใส่นอกจากเป็นแป้งที่อบเหมือนขนมปัง แล้วก็มีน้ำมัน สมุนไพร เกลือ และหัวหอมใหญ่เท่านั้น มีลักษณะเป็น flat bread หรือขนมปังแบน ๆ เท่านั้น มีคนไปค้นดูในตำราอาหารเก่า ๆ ของอิตาลี ก็ไม่มีเล่มไหนเลยที่กล่าวถึงพิซซ่า
พิซซ่าเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปก็จากเมืองเนเปิลส์ ที่อยู่ทางฝั่งทะเลตะวันตกทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี เมื่อพระราชินี Margherita ของกษัตริย์ Umberto ที่ 1 ได้เสด็จประพาสเมืองเนเปิลส์ในปี 1889 พระราชินีทรงเบื่อหน่ายกับอาหารฝรั่งเศส(ซึ่งเป็นอาหารชาววังของกษัตริย์ในยุโรป) นาย Raffaele Esposito เจ้าของร้านอาหาร Pizzeria Brandi ซึ่งมีหน้าที่จัดเครื่องเสวยจึงได้ประดิษฐ์คิดค้นพิซซ่าชนิดใหม่ประกอบด้วยมะเขือเทศ เนยแข็ง mozzarella และใบโหระพาขึ้นถวาย ปรากฏว่าเป็นที่ชื่นชอบแก่พระราชินีอย่างยิ่ง พิซซ่าชนิดนี้ได้นามกรว่า Margherita มาตั้งแต่ครั้งนั้นหรืออีกนัยหนึ่งก็นับว่าเป็น Pizza of the Queen ทีเดียว
ในทุกวันนี้ ที่ร้าน Pizzeria Brandi ยังมีจดหมายที่หัวหน้าพ่อครัวในวังส่งมาส่งมาชมเชยและขอบคุณในนามของพระราชินีแขวนโชว์อยู่
พิซซ่า Margherita มีส่วนผสมอยู่ 3 อย่างดังที่กล่าวมาแล้ว ทำให้หน้าของพิซซ่านั้นประกอบด้วยสีแดง ขาว และเขียว ตรงกับธงชาติของประเทศอิตาลีพอดี
ขอบคุณภาพประกอบจาก www.alfaforni.com
แต่ถึงกระนั้นพิซซ่าก็ยังไม่ได้รับความนิยมมากนักจากประชาชนชาวอิตาลีแต่อย่างใด โดยมีข้อสังเกตว่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พรรค Fascist ซึ่งปกครองอิตาลีอยู่ได้จัดพิมพ์หนังสือแนะนำร้านอาหารต่าง ๆ ในอิตาลีขึ้น ในหนังสือนั้นก็แนะนำแต่ร้านพิซซ่าที่อยู่ในเมืองเนเปิลส์ แสดงว่านอกจากเมืองเนเปิลส์แล้วก็แทบจะไม่มีร้านพิซซ่าที่อื่นเลย
จวบจนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลงแล้ว ความนิยมในพิซซ่าจึงค่อย ๆได้เพิ่มขึ้นและแผ่ขยายไปทั่วประเทศอิตาลี มาภายหลังก็ขยายออกไปถึงประเทศต่าง ๆ ในยุโรป มีร้านพิซซ่าเปิดขึ้นตามเมืองใหญ่ ๆ ในยุโรปอย่างกว้างขวาง
มีพิซซ่าอยู่อย่างหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นมาภายหลังคือ Hawaiian Pizza ที่ใส่สับปะรดลงไปในหน้าพิซซ่าด้วย เชื่อว่าท่านผู้อ่านก็คงรู้จักกันดี พิซซ่าหน้า Hawaiian นี้เกิดขึ้นในประเทศแคนาดาเมื่อปี 1962 นี้เอง โดยนาย Sam Panopoulos ซึ่งเป็นชาวกรีกแต่อพยพไปอยู่แคนาดาคิดค้นขึ้นมาในร้านอาหารของเขาในเมืองออนตาริโอ แล้วตั้งชื่อว่า Hawaiin ตามชื่อของสับปะรดกระป๋องที่ใช้ทำขนมพาย
พิซซ่า Hawaiin นี้มีคนบอกว่า ชาวอิตาเลียนแท้ ๆ หลายคนจะไม่ยอมกินเลย โดยถือว่าการเอาผลไม้ไปใส่ในพิซซ่าเป็นการดัดแปลงอาหารดั้งเดิมของเขาให้ผิดเพี้ยนไป มีคนเปรียบเทียบว่าเหมือนกับเอาชมพู่ไปใส่ในแกงเขียวหวานยังไงยังงั้น
แต่พิซซ่าที่เรารู้จักกันดีกลับกลายเป็นพิซซ่าอเมริกัน จะต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่าพิซซ่าที่ขายในสหรัฐอเมริกานั้นเป็นพิซซ่าที่แปลงร่างแล้วไม่ใช่แบบดั้งเดิมในอิตาลี พิซซ่าในอเมริกาจะเป็นแป้งบางกว่า และมีหน้าต่าง ๆ อีกมากมายจนประเทศเจ้าของต้นตำรับจำไม่ได้
ประวัติของพิซซ่าในอเมริกาเริ่มจากการที่คนอิตาเลียนอพยพไปอยู่สหรัฐอเมริกาในตอนปลายของศตวรรษที่ 19 บวกกับความนิยมของทหารอเมริกันที่ไปประจำการอยู่ในทวีปยุโรปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ใครที่เคยไปกรุงนิวยอร์ก ก็คงจะเคยไปย่านของคนอิตาเลียนที่เรียกว่า Little Italy ตั้งอยู่ตรงข้ามกับ Chinatown มีถนน Canal คั่นอยู่ตรงกลาง Little Italy เป็นถิ่นที่อยู่และร้านค้าของคนอิตาเลียนเหมือนเยาวราชบ้านเรา ใครที่เคยดูหนังเรื่อง Godfather ก็คงจะนึกภาพของชุมชนชาวอิตาเลียนในนิวยอร์กออก
ในปี 1905 กระทาชายนาย Gennaro Lombardi เป็นชาวอิตาเลียนคนแรกที่ได้รับใบอนุญาตให้เปิดร้านขายพิซซ่าที่ถนน Spring Street ในนิวยอร์ก ร้าน Lombardi’s ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีดาราและคนดัง ๆ หลั่งไหลมาไม่ขาดสาย ในภายหลังลูกน้องของนาย Lombardi ก็แยกตัวไปเปิดร้านพิซซ่าของตนเองและมีชื่อเสียงไปตาม ๆ กันอีกหลายร้าน
ขอบคุณภาพประกอบจาก https://houston.culturemap.com/
ความนิยมในพิซซ่าของชาวอเมริกันมีเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย กิจการร้านขายพิซซ่าก็เลยเฟื่องฟู เกิดร้านแฟรนไชส์พิซซ่าอย่าง Pizza Hut หรือ Domino’s ขึ้นมานับร้อยยี่ห้อ ดูจากตัวเลขแฟรนไชส์ร้านพิซซ่าของปีที่แล้ว Domino’s มีสาขาอยู่ 15,914 สาขา ทำยอดขายได้ 13,545 ล้านดอลลาร์ Pizza Hut มีสาขา 18,431 สาขา และมียอดขาย 12,212 ล้านดอลลาร์ อย่างยี่ห้อที่คนไทยไม่ค่อยคุ้นชื่อเช่น Papa John’s ก็มีสาขาอยู่ถึง 5,345 สาขา ไม่นับพิซซ่าแช่แข็งที่มีขายอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตทุกแห่งที่มีมูลค่าตลาดรวม 4.4 พันล้านดอลลาร์ ประมาณกันว่าคนอเมริกันกินพิซซ่าเฉลี่ยคนละ 40 อันต่อปี เรียกว่าพิซซ่าในอเมริกาเติบโตกว่าพิซซ่าในอิตาลีหลายเท่า
อีกอย่างหนึ่งก็คือ บริการ delivery ส่งพิซซ่าถึงบ้าน ซึ่งบรรดาร้านพิซซ่านั้นทำมาก่อนใคร ๆ ก่อนยุค Covid-19 เสียด้วยซ้ำ ทำให้พิซซ่าเป็นอาหารที่สะดวกต่อการบริโภค อย่างใครที่ไม่มีเวลาหรือขี้เกียจทำกับข้าวก็มักจะสั่งพิซซ่าไปกินเสมอ Domino’s เคยมีบริการรับประกันการส่งพิซซ่าภายใน 30 นาทีนับจากเวลาที่สั่ง แต่ตอนหลังเลิกไปเพราะด้วยความเร่งรีบทำเวลาของคนส่งทำให้เกิดอุบัติเหตุและบริษัทถูกฟ้องร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายหลายครั้ง
ที่ผมชอบพิซซ่าที่ขายในสหรัฐอเมริกาอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ตามร้านเขาจะขายพิซซ่าเป็น slice หรือเป็นชิ้น ๆ เวลาจะรับประทานทีไม่ต้องสั่งมาเป็นถาดเหมือนที่ขายอยู่ในเมืองไทย พิซซ่าที่นั่นขายเป็นชิ้นและมีหน้าต่าง ๆ ให้เลือก ทานเป็นอาหารว่างได้
ความที่พิซซ่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนอเมริกันไปแล้ว พิซซ่าจึงมักจะปรากฏในภาพยนตร์อเมริกันอยู่เสมอ ในภาพยนต์เรื่อง "Eat, Pray, Love." นางเอกสาว Julia Roberts ก็ไปนั่งทาน pizza margherita กับเพื่อน ๆ อยู่ในเมืองเนเปิ้ลส์ หรือใน Spiderman 2 ก็มีฉากไอ้แมงมุมต้องไปส่งพิซซ่า
2
ขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube
ส่วนประวัติของพิซซ่าในเมืองไทยนั้นไม่แน่ชัด ว่ากันว่าพวกทหารอเมริกันเข้ามาตั้งฐานทัพในเมืองไทยในสมัยสงครามเวียดนามเป็นผู้เอามาเผยแพร่ แต่ก็ต้องไปกินตามโรงแรมหรือร้านอาหารอิตาเลียน เพราะในยุคนั้นคนไทยยังไม่ค่อยรู้จักพิซซ่า จนกระทั่งปี 2513 ร้าน Pizza Hut ได้เข้ามาเปิดในเมืองไทย เลยทำให้พิซซ่าเป็นที่รู้จักและแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ต่อมาในปี 2544 The Minor Group ซึ่งเป็นผู้รับแฟรนไชส์ Pizza Hut เกิดแตกคอกับ Pizza Hut ก็เลยแยกตัวออกมาและเปิดกิจการร้านพิซซ่าของตนเองชื่อ The Pizza Company เป็นแบรนด์พิซซ่าของไทยมาจนทุกวันนี้
พิซซ่าไปถึงที่ไหนก็จะปรับเปลี่ยนไปตามรสนิยมของท้องถิ่น เช่น พิซซ่าในอินเดียจะมีรสเผ็ดของเครื่องเทศ พิซซ่าในญี่ปุ่นจะใส่มายองเนส พิซซ่าในเกาหลีก็จะใส่เนื้อย่าง(bulgogi) ในประเทศไทยท่านผู้อ่านก็คงจะเคยเห็นพิซซ่าหน้าแกงเขียวหวาน
ความจริงพิซซ่านั้นทำได้ง่ายมากนะครับ เพราะแค่เอาแผ่นแป้งใส่หน้าที่ต้องการแล้วเอาเนยแข็งโปะ แล้วส่งเข้าเตาอบประมาณ 15-20 นาทีก็รับประทานได้แล้ว ผมเคยถามฝรั่งเจ้าของร้านอาหารในกรุงเทพฯว่าเคล็ดลับของการทำพิซซ่าให้อร่อยคืออะไร? เขาตอบว่าคือแผ่นแป้ง เพราะส่วนประกอบอย่างอื่นแค่เอามาโรยหน้าเท่านั้น แป้งนั้นจะต้องผสมและนวดให้ได้ที่แล้วทิ้งไว้ค้างคืนจึงจะใช้การได้
พิซซ่าที่เป็นของหวานก็พอมีให้เห็นอยู่บ้างในบ้านเรา พิซซ่าที่เป็นของหวานก็จะเป็นพิซซ่าที่ใส่ผลไม้เช่น มะม่วงสุก กล้วยหอม หรือสตรอเบอรี่ บางทีก็ใส่ช็อกโกแลตหรือ Nutella ผมว่าอร่อยดีนะ แต่ทำไมไม่ได้รับความนิยมก็ไม่ทราบ
1
ขอบคุณภาพประกอบจาก https://floridastrawberry.org/
Gourmet Story - เรื่องราวเกี่ยวกับอาหารที่เป็นความรู้ เล่าสู่กันฟัง
เพิ่มความอร่อยของอาหารที่คุณกิน ติดตามได้ที่
โฆษณา