แต่ถึงกระนั้นพิซซ่าก็ยังไม่ได้รับความนิยมมากนักจากประชาชนชาวอิตาลีแต่อย่างใด โดยมีข้อสังเกตว่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พรรค Fascist ซึ่งปกครองอิตาลีอยู่ได้จัดพิมพ์หนังสือแนะนำร้านอาหารต่าง ๆ ในอิตาลีขึ้น ในหนังสือนั้นก็แนะนำแต่ร้านพิซซ่าที่อยู่ในเมืองเนเปิลส์ แสดงว่านอกจากเมืองเนเปิลส์แล้วก็แทบจะไม่มีร้านพิซซ่าที่อื่นเลย
จวบจนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลงแล้ว ความนิยมในพิซซ่าจึงค่อย ๆได้เพิ่มขึ้นและแผ่ขยายไปทั่วประเทศอิตาลี มาภายหลังก็ขยายออกไปถึงประเทศต่าง ๆ ในยุโรป มีร้านพิซซ่าเปิดขึ้นตามเมืองใหญ่ ๆ ในยุโรปอย่างกว้างขวาง
มีพิซซ่าอยู่อย่างหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นมาภายหลังคือ Hawaiian Pizza ที่ใส่สับปะรดลงไปในหน้าพิซซ่าด้วย เชื่อว่าท่านผู้อ่านก็คงรู้จักกันดี พิซซ่าหน้า Hawaiian นี้เกิดขึ้นในประเทศแคนาดาเมื่อปี 1962 นี้เอง โดยนาย Sam Panopoulos ซึ่งเป็นชาวกรีกแต่อพยพไปอยู่แคนาดาคิดค้นขึ้นมาในร้านอาหารของเขาในเมืองออนตาริโอ แล้วตั้งชื่อว่า Hawaiin ตามชื่อของสับปะรดกระป๋องที่ใช้ทำขนมพาย
พิซซ่า Hawaiin นี้มีคนบอกว่า ชาวอิตาเลียนแท้ ๆ หลายคนจะไม่ยอมกินเลย โดยถือว่าการเอาผลไม้ไปใส่ในพิซซ่าเป็นการดัดแปลงอาหารดั้งเดิมของเขาให้ผิดเพี้ยนไป มีคนเปรียบเทียบว่าเหมือนกับเอาชมพู่ไปใส่ในแกงเขียวหวานยังไงยังงั้น
แต่พิซซ่าที่เรารู้จักกันดีกลับกลายเป็นพิซซ่าอเมริกัน จะต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่าพิซซ่าที่ขายในสหรัฐอเมริกานั้นเป็นพิซซ่าที่แปลงร่างแล้วไม่ใช่แบบดั้งเดิมในอิตาลี พิซซ่าในอเมริกาจะเป็นแป้งบางกว่า และมีหน้าต่าง ๆ อีกมากมายจนประเทศเจ้าของต้นตำรับจำไม่ได้
ประวัติของพิซซ่าในอเมริกาเริ่มจากการที่คนอิตาเลียนอพยพไปอยู่สหรัฐอเมริกาในตอนปลายของศตวรรษที่ 19 บวกกับความนิยมของทหารอเมริกันที่ไปประจำการอยู่ในทวีปยุโรปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ใครที่เคยไปกรุงนิวยอร์ก ก็คงจะเคยไปย่านของคนอิตาเลียนที่เรียกว่า Little Italy ตั้งอยู่ตรงข้ามกับ Chinatown มีถนน Canal คั่นอยู่ตรงกลาง Little Italy เป็นถิ่นที่อยู่และร้านค้าของคนอิตาเลียนเหมือนเยาวราชบ้านเรา ใครที่เคยดูหนังเรื่อง Godfather ก็คงจะนึกภาพของชุมชนชาวอิตาเลียนในนิวยอร์กออก
ในปี 1905 กระทาชายนาย Gennaro Lombardi เป็นชาวอิตาเลียนคนแรกที่ได้รับใบอนุญาตให้เปิดร้านขายพิซซ่าที่ถนน Spring Street ในนิวยอร์ก ร้าน Lombardi’s ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีดาราและคนดัง ๆ หลั่งไหลมาไม่ขาดสาย ในภายหลังลูกน้องของนาย Lombardi ก็แยกตัวไปเปิดร้านพิซซ่าของตนเองและมีชื่อเสียงไปตาม ๆ กันอีกหลายร้าน