29 ส.ค. 2020 เวลา 03:22 • ความคิดเห็น
ผมไม่เคยนึกชอบการวิ่งระยะไกลมาก่อน
เคยนึกว่ามันไม่ใช่ specie ของตัวเองด้วยซ้ำ
สมัยเด็ก ผมเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลโรงเรียน
ผมยังจำความรู้สึกที่ตัวเองวิ่งได้ช้าเป็นเต่ากว่าเพื่อนในทีมอยู่เลย
น่าจะเป็นช่วงปี คศ. 2014 ที่ผมเร่ิมย่างเข้าอายุ 40 และเริ่มออกวิ่งครั้งแรก
เป็นการวิ่งระยะยาวที่เหนื่อยแทบขาดใจที่สุดจนถึงเดี๋ยวนี้
รวมระยะทางทั้งสิ้น 0.6km
ผมนึกก่นด่าตัวเองทันทีว่าทำไมร่างกายถึงแก่เร็วแบบนี้
และปฏิญาณกับตัวเองว่า
"แต่นี้ต่อไป กูจะวิ่งทุกวัน!!!"
อีกวันต่อมาผมก็ไปหาซื้อรองเท้าวิ่งที่เซนทรัล และน่าจะจบวันนั้นด้วย ตัวเลข 1-2kg
เป็นน้ำหนักที่เพิ่มจากการไปกินบุพเฟ่ต์เนื้อย่างที่ห้างนั่นแหละ
ล้มเหลวไม่เป็นท่า ปฏิญาณบ้าๆแบบนี้
แต่ว่า เหมือนกฏแรงดึงดูดว่าเอาไว้ เมื่อเราเร่ิมสนใจสิ่งไหน ช้าหรือเร็วจะดึงดูดคนที่สนใจสิ่งนั้นเข้ามาหาตัวเรา
3 ปีก่อนผมสมัครลงระยะมาราธอนครั้งแรก ผมรู้ว่าเพื่อนนักวิ่งที่ท้าให้ผมลงนั้น เค้าแค่ต้องการป้ายยาเล่นๆ แต่ผมคงแค่ไม่มีภูมิคุ้มกัน และที่สำคัญ หน้าบางมากๆ
เลยมีเวลา 4 เดือนสำหรับลงบางแสน42
ถ้าผู้อ่านคิดว่าจะได้อะไรจากเกี่ยวกับเทคนิคการวิ่งจากเพจนี้ ผมขอแสดงความ
เสียใจด้วยนะครับ ผมเข้าเส้นชัยก่อน กลุ่มน้องๆลูกโป่ง cut-off สัก 5นาที
อันที่จริงผมสังเกตุได้ว่าน้องๆลูกโป่งจงใจไม่แซงผมนิดๆด้วยซ้ำ
Blog นี้จะออกแนวรวบรวมเกร็ดความคิด แรงกระตุ้นของการวิ่งที่มันมีความหมาย
ต่อผมในฐานะมนุษย์เงินเดือน ธรรมดาๆคนหนึ่ง และมันอาจจะทั้งเป็นหรือไม่เป็น
ประโยชน์แก่ผู้อ่าน, แม้ไม่เป็นประโยชน์ ผมก็หวังจะได้รับคำแนะนำ พูดคุยกันในช่อง comment ของ Blockdit เพราะนั่นคือวิธีที่มนุษย์ได้เรียนรู้กันและกันใช่มั๊ยครับ
ผมสะดวกที่จะวิ่งคนเดียว เพราะผมไม่มีเพื่อนที่วิ่งช้าได้เหมือนผมนั่นเอง
แต่ว่าการขาดเพื่อนร่วมวิ่ง มันทำให้เราต้องอยู่กับความคิดตัวเองนานๆ
จนเดี๋ยวนี้ ผมเร่ิมสนิทกับความคิดเหล่านั้น บางครั้งก็อยากคิดออกมาดังๆใน blog นี้งัยครับ
แล้วเจอกันนะ
โฆษณา