ซึ่งในช่วงแรก (ในตอนที่ยังเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น) ตอนนั้น
ก็มีความรู้สึกน้อยใจในตัวเองบ้างที่เราไม่ได้ไปต่อ
ในวงการ ได้ยินคำพูดจิกกัดมากมายจากคนรอบข้าง
“ดังเรื่องเดียวหรอวะ? ทำไมมึงไม่ดังแบบไอ้แจ๊ควะ?
มึงตกอับรึไงวะ?” บางคนเข้าขั้นล้อหรือเยาะเย้ยเลยก็มี
ผมต้องเจอกับคำพูดต่างๆที่ทิ่มแทงตัวเองในช่วงที่ยัง
อ่อนต่อโลก ซึ่งตัวผมเองก็ทำตัวปกติทั่วไปเหมือนคน
ธรรมดาๆคนนึง ก็โดนมองว่ากระจอก!ดาราอะไรไม่มี
รถขับว่ะ มันเลยเกิดคำถามขึ้นมาในใจของตัวเองว่า
“ดาราแม่งต้องรวยหรอวะ?” กูก็คนธรรมดาคนนึงที่ต้อง
หาเลี้ยงชีพเหมือนคนทั่วไป พอมาในยุคที่ไม่ได้เรียนและ
จริงจังกับแนวทางศิลปะกับงานฝีมือ ผมขายของข้างถนน
ซึ่งผมมองว่าผมทำอาชีพสุจริตมันผิดตรงไหน? ทำไมพวก
คุณไม่มองในสิ่งที่ผมทำล่ะ? พวกคุณยึดติดกับภาพลักษณ์
ที่ว่าดาราต้องรวย ต้องหรูดูไฮโซ บางคนอย่างเช่นตัว
ผมเองกลับชอบงานที่ทำในทางเดินของตัวเอง งานแสดง
คืองานเสริมเพราะเราไม่ได้ดังเหมือนเมื่อก่อน ตรงนี้เรา
ต้องปรับตัวเราเองด้วยยอมรับมันกับความเป็นจริงและ
อยู่กับมันให้ได้ บางคนกลับจมไม่ลงยังคงเพ้อว่าตัวเอง
ยังเป็นดาราอยู่ ซึ่งตัวผมเองตั้งแต่ยังเด็กก็ไม่เคยคิดว่า
ตัวเองเป็นดารา เราเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่ได้มีโอกาสเข้า
ไปทำงานในวงการบันเทิงก็เท่านั้นเอง ยังคงมีคนที่ชื่นชม
และเอ็นดูเราอยู่ คนที่ติดตามผลงานเราก็ยังคงมีอยู่เรื่อยมา
เราเองก็เดินทางของเราทำในสิ่งที่เรารักหาเลี้ยงตัวเอง สร้างสรรค์ผลงานให้กับผู้ที่ชื่นชอบและอุดหนุนเราก็เท่านั้น
หลังจากที่ใช้ชีวิตมามากมายประสบการณ์ที่ผ่านมามัน
สั่งสอนตัวเรา รวมทั้งคำแนะนำ คำสอนของผู้ใหญ่หรือครู
อาจารย์ก็ทำให้เรานำมาปรับและดำเนินชีวิตต่อไปอย่าง
มีสติและความคิดมากขึ้น