10 ส.ค. 2020 เวลา 09:58 • ท่องเที่ยว
ขอเวลา 27 ชั่วโมง 🚘 กรุงเทพ-นครนายก 🏋️‍♂️
เริ่มต้นออกเดินทางจากจุดนัดพบ “อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ” เวลา 10 โมงเช้า วันเสาร์ ที่ 8 สิงหาคม 2563 กับสมาชิกร่วมทางทั้งสิ้น 5 คน เป็นเพื่อนๆสมัยมัธยม บนรถดีเซลแก่ๆ และคนขับสายยู (ยูเทิร์นตลอด)
สถานที่ที่ไป พวกเราวางแผนว่าจะไม่เน้น “เดินเก่ง” เพราะเรามีสมาชิกตัวน้อยในท้องคุณแม่อีก 1คน ที่ต้องดูแล
แม้อายุอานามเราจะแค่ 30ต้นๆ แต่สไตล์การเที่ยวของเรานั้นใกล้ๆ 80เห็นจะได้ 🥰
เริ่มออกตัว กด map กันก่อนเลย
ภาพจำนครนายก เมื่อวัยแรกเริ่มมนุษย์เงินเดือนที่เคยไปเมื่อ 10ปีก่อน มันดูเหมือนใกล้ๆกรุงเทพ ขับรถแปบเดียวก็ถึง แต่เมื่อล้อหมุนไป จนถึงถนนทางหลวงหมายเลข 305 รังสิต-นครนายก ตามที่ google map แนะนำ มันช่างให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังขับรถไปขอนแก่นอย่างไงอย่างงั้น
คำแนะนำ : กรณีไปช่วงวันเสาร์ออกช่วงสาย ควรใช้ถนนรอง เป็นทางมุ่งหน้าตำบลบ้านนา ใช้ทางหลวงหมายเลข 3045 (( จะดีกว่าติดบนถนนรังสิต-นครนายก ที่ตอนนี้กำลังซ่อมบำรุงถนนอย่างหนักหน่วง ))
กว่าจะถึงจุดพักแรกก็เกือบบ่าย ทางขวามือจะเห็นตลาดโรงเกลือนครนายก ติดกับทางเข้าวัดหลวงพ่อปากแดง ฝั่งซ้ายเป็นฝั่งเข้าเมือง มีร้านไก่ย่างขุนศึก ตั้งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามตลาด และมีบริการที่จอดรถสำหรับผู้มาเดินหาซื้อของราคาขายส่งที่ตลาดโรงเกลื ด้วย....จุดนี้ขอแวะทานส้มตำ เติมพลังกันสักหน่อย
ภาพจากวงใน (( กินกันจนลืมถ่ายรูป ))
โดยรวมถือว่า ดีมาก คุ้มค่าราคาที่จ่ายไป แต่ดีที่สุดร้านนี้คือ “ข้าวเหนียวนุ่มมาก” ฟินมาก มีความสุขมาก
โบราณว่า “กินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่” เลยไปที่ต่อกันที่สถานีต่อไป
ภูอิงนาคาเฟ่
ร้านนี้มีทั้งคาวหวาน แต่เราเลือกมากินน้ำหวานดับร้อน พร้อมดูวิวธรรมชาติสวยๆ ที่มีทุ่งนาเป็น foreground และมีภูเขาเป็น background
ภาพถ่ายจากด้านหน้าร้าน
ภาพถ่ายจากด้านหลังร้าน (แอพแต่งสีภาพ : picnic)
“พรุ่งนี้ขอไม่กลับทางเดิม”
ถ่ายรูปกันจนเหงื่อตกลุกบ้างนั่งบ้างก็ไปกันต่อที่สถานีถัดไป... ไปหาความสงบในอีกรูปแบบนึงคือ “ สงบทางใจ “ คือ “วัดคีรีวัน”
อยู่ไม่ห่างจาก ภูอิงนาคาเฟ่มากนัก
พระแก้วมรกตองค์จำลองที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่บนเขา
วัดที่นี่เงียบสงบ ด้านหน้าเมื่อขับรถเข้ามาจะเห็นร้านค้าขายของในวัดค่อนข้างเงียบเหงา มีนักท่องเที่ยวชาวไทยสลับกันเข้ามาไหว้พระขอพร แต่ก็น้อยมากไม่ถึง 10 คน พวกเราเลือกวัดนี้เพราะอยากจะไปไหว้พระในวัดที่คนไม่เยอะมาก แต่ที่เห็นอยู่นี้ก็น้อยซะจน น่าตกใจ ยังไงก็อยากเชิญชวนทุกท่านแวะไป กระจายรายได้สู่พ่อค้าแม่ขายแถวนั้นบ้างก็จะดี
นี่ก็เกือบจะบ่ายสี่โมงแล้ว หลังจากไหว้พระเสร็จ ก็ได้เวลาพักผ่อนกายา เอนหลัง อังแอร์ กันบ้างแล้ว
เข้าที่พักที่เราจองกันไว้เถอะ
เราขอไม่เอ่ยชื่อสถานที่
หลังจากเก็บข้าวของสัมภาระของทุกคน ผลัดกันล้างหน้าล้างตา เอนหลังกันสักพัก ก็ถึงเวลาไปกันยังจุดเชคอินถัดไป
อ่างเก็บน้ำห้วยปรือ
น้ำในอ่างน้อยมาก มาช่วงเย็นคงอดหมอกเหมือนคนอื่นเขา
อ่างเก็บน้ำห้วยปรือ
ฝนทำท่าจะตกแล้ว รีบไปหาอะไรกินก่อนกลับห้องไปนอนกันเถอะ
เช็คอินมื้อค่ำกันที่ “ครัวสาริกา”
อิ่มมากๆ ที่นี่อาหารอร่อยทุกเมนู แต่ตัวต้มยำจะเผ็ดแบบแสบปากไปจนทานยากสักนิด นอกนั้นก็ขอให้ “สามผ่าน!”
ร้านนี้มีดนตรีสดให้ฟังกันเพลินๆด้วย แต่ตัวร้านจะอยู่ด้านหลังของอีกร้านอาหารหนึ่ง ในระหว่างขับรถต้องตั้งใจอ่านป้ายชื่อร้านขนาดใหญ่ด้านซ้ายมือ เจอชื่อร้านแล้วเลี้ยวเข้าไปในซอยทันที
กินเสร็จก็เกือบจะทุ่มแล้วแถมฝนยังตกหนักมาก เราคงมีทางให้เลือกแค่ 2 ทาง คือนั่งรอกินรอที่ร้านและสั่งเครื่องดื่มเพิ่ม หรือกลับไปนอนฟังเสียงฝนชุ่มฉ่ำที่รีสอร์ท และแน่นอนพวกเราเลือกอย่างหลัง
จบไป 1วัน
เช้าวันใหม่ ต่างที่นอน ต่างเพดาน ต่างจากวันเมื่อวาน เพราะวันนี้เราตื่นขึ้นมาได้สูดอากาศยามเช้าฟังเสียงน้ำตก มันก็จะดีกว่านิดนึง หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จยังไม่ทัน 8:00 น. พวกเราก็เก็บข้าวเก็บของบอกลาที่พักไปหากาแฟยามเช้ากินเพื่อให้สมองตื่นที่ สะพานทุ่งนามุ้ย
สะพานทุ่งนามุ้ย
มาถึงก็สั่งกาแฟกันก่อนเลย ชื่นใจ
ทริปนี้ดูไปวันละนาสองนา
เธอมากับฝน สวยตรงที่เดินตากฝน...เพลงของพวกเรา
จริงๆที่นี่มีตลาดขายของเล็กๆมีทั้งอาหารคาวหวานให้เลือกกินกันได้ทั้งมื้อหนักมื้อเบา เผื่อใครจะเข้าใจผิดคิดว่ามีแต่กาแฟ และหากยังไม่ได้ทานอาหารเช้าก็สามารถมาหาทานกันได้
จะสิบโมงแล้ว เราขอปิดทริปนี้ด้วยวัดดังประจำตำบลบ้านนาเป็นที่สุดท้ายของพวกเราในจังหวัดนครนายกแห่งนี้ คือ วัดจุฬาภรณ์วนาราม
อุโมงค์ไม้ไผ่ วัดจุฬาภรณ์วนาราม
หลังจากเข้าไปทำบุญบำรุงวัด กันเป็นที่เรียบร้อยก็ออกมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันก่อนจบทริป
ขอบคุณเพื่อนร่วมทาง ที่ทำให้จุดหมายไม่ได้มีค่ามากไปกว่าเรื่องราวระหว่างทาง
โอกาสหน้าเราจะไปที่ไหนกันยังไม่รู้ แต่โอกาสนี้เราดีใจที่สุด
ที่ได้ตัดสินใจออกเดินทาง
🔥สรุปค่าใช่จ่ายตลอดทริปคนละ 1,100 บาท🔥
โฆษณา