10 ส.ค. 2020 เวลา 19:26 • ความคิดเห็น
Mother’s Day แด่ผู้หญิงคนหนึ่งที่รักเราอย่างสุดหัวใจ
ใกล้วันแม่แล้ว Happy Mother’s Day แด่ผู้หญิงคนหนึ่งที่รักเราอย่างสุดหัวใจ ในแบบที่เราไม่สามารถทำแบบท่านได้
เราเคยอยากมีลูก ตามวิถีชีวิตของคนทั่วๆไป แต่พอมาถึงวันหนึ่ง เรากลับอยู่ในจุดตรงกันข้าม ด้วยหลายๆเหตุผล ที่ไม่ใช่ความพร้อมและเงิน แต่คือเราไม่มีสามี 555
เอาละ!! เข้าเรื่องจริงจังซะที 555 เมื่อวานและในหลายวัน เราและพ่อแม่มักคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดและกระชับมิตรความสัมพันธ์ในครอบครัว หัวข้อที่พวกเรามักจะคุยกัน คือเรื่องความสุขความทุกข์ในสิ่งเรามี และในสิ่งที่เราไม่มี ดังนั้นเราจึงยกตัวอย่างตัวเราเสมอว่า เราคือความสุขและความทุกข์ที่ท่านมีในเวลาเดียวกัน
แต่ความรักของท่านมักบดบังความทุกข์จากตัวเราจนหมดสิ้น และเข้าใจว่าลูกคือความสุขและหัวใจที่พองโตสำหรับท่านเสมอ
เราบอกว่านั่นไม่ใช่ความสุขอย่างเดียวเพราะนั่นคือความทุกข์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นความหวง ความห่วง ความกังวล กลัวว่าจะมีคนทำร้ายเรา กลัวว่าเราจะประสบทุกข์ อยากปกป้องภัยร้ายรอบตัวต่างๆไม่ให้เข้าถึงลูกได้ และความปรารถนาหนึ่งเดียวของท่านคือการเห็นลูกมีความสุข
แต่ในความเป็นจริงโลกไม่ได้สอนลูกให้เจอความสุขอย่างเดียว โลกสอนลูกให้รู้จักสุขและทุกข์ไปพร้อมๆกัน สิ่งที่พ่อแม่มักกลัวและกังวลคือห่วงว่าลูกจะเดินข้ามผ่านจุดนั้นไม่ได้ และถึงแม้ว่าจะมั่นใจว่าลูกเก่งแค่ไหนก็ตาม ความห่วงและความกังวลก็ไม่เคยคลายจากใจท่านได้ สิ่งเหล่านี้เราเรียกว่าความทุกข์ ท่านแย้งไม่ได้ละล่ะ 555 (เราชอบคุยเอาชนะ 555)
เรายินดีกับพ่อๆแม่ๆทั้งหลายนะ ที่ได้สัมผัสความรู้สึกเหล่านี้ บอกตามตรงเราเข้าไม่ถึงจุดนั้นจริงๆ ต่อให้ใครจะบรรยายความรู้สึกเหล่านี้ด้วยคำพูดมากมายแต่เราก็ไม่เคยรู้สึกได้ เพราะเรายังอยู่ในฐานะลูก มีอิจฉาบ้าง แต่ก็ไม่คิดที่จะมีอยู่ดี
เรายังอยากอยู่ในจุดที่อาจจะไม่ได้สุขสุดๆเหมือนคนที่มีลูกแล้วบอกว่าเหนื่อยแค่ไหนกลับบ้านมาเห็นหน้าลูกความเหนื่อยหายไปเลย เราว่ามันมหัศจรรย์มาก
แต่เราก็ไม่ทุกข์สุดๆเช่นกัน เราเห็นพ่อแม่หลายคนยามลูกป่วย เป็นไข้ไม่สบาย ไม่ว่าจะทุกข์กายหรือทุกข์ใจ เรามักจะได้ยินเสมอว่าเจ็บแทนได้ขอเจ็บแทน ตายแทนได้ก็ขอตายแทน(พ่อแม่เราคนหนึ่งล่ะ) เราคิดว่ามันเป็นทั้งความรักและภาระที่ยิ่งใหญ่จริงๆ
เรามักเรียกตัวเองว่า มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐต่างจากสัตว์เดียรัจฉานตรงที่เรารู้จักความกตัญญูกตเวที ซึ่งหมายถึงการรู้และตอบแทนคุณแก่ผู้ที่ทำดีกับเรา ดังนั้นพ่อแม่คือผู้ที่มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่เพราะเป็นผู้สร้างชีวิตเราขึ้นมา ที่เราควรตอบแทนท่านด้วยจิตสำนึกที่แท้จริง ด้วยการประพฤติตนเป็นคนดี นั่นหมายถึงเป็นการประกาศคุณท่าน ลูกคือตัวแทนของพ่อแม่ เพราะเลือดลูกเป็นเลือดเนื้อเดียวกับพ่อแม่ ตลอดจนนิสัยใจคอและความประพฤติ ก็ได้รับการอบรมถ่ายทอดมาจากท่าน ฉะนั้นความประพฤติของเราเองนี่แหละจะเป็นตัวประกาศคุณท่าน โดยทำให้คนอื่นเห็นว่าเราไม่ข้องแวะกับสิ่งไม่ดี ประพฤติตนให้เหมาะสมกับวงศ์ตระกูล และที่สำคัญทำให้ท่านรู้แจ้งในธรรม
นึกถึงเพลงอยู่ท่อนหนึ่ง “จะเอาโลกมาทำปากกา แล้วเอานภา มาแทน กระดาษ เอาน้ำหมด มหาสมุทรแทนหมึกวาด ประกาศ พระคุณไม่พอ” ดังนั้นพ่อแม่คือผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ของลูก เป็นต้นแบบทางกาย เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่สร้างลูกขึ้นมา เป็นต้นแบบทางใจ ให้ความอุปการะเลี้ยงดู ฟูมฟัก ทะนุถนอม อบรมสั่งสอน ปลูกฝังกิริยามารยาท ให้ความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมแก่ลูก พระคุณพ่อแม่ในการเป็นต้นแบบทางกายให้เรา ก็นับว่ามีมากเหลือหลายแล้ว ยิ่งท่านอบรมเลี้ยงดูเรามา เป็นต้นแบบทางใจให้ด้วย ก็ยิ่งมีพระคุณมากเป็นอเนกอนันต์ (มงคลที่๑๑)
ความกตัญญูกตเวที ไม่ใช่เป็นสิ่งที่พ่อแม่จะบังคับลูกได้ทุกคน อยู่ที่สำนึกของลูกเองด้วย การเห็นคุณค่าท่านด้วยใจและปัญญาว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณต่อเราอย่างแท้จริง การพิจารณาให้เห็นคุณของพ่อแม่ด้วยใจอย่างนี้แหละเรียกว่า กตัญญู เป็นคุณธรรมเบื้องต้นของผู้เป็นลูก ยิ่งพิจารณาเห็นคุณท่านมากเท่าไร แสดงว่าใจของเราเริ่มใสและสว่างมากขึ้นเท่านั้น ส่วนกตเวทีคือการทดแทนพระคุณท่านด้วยการประกาศคุณและตอบแทนคุณ หากเราบอกว่าเราประเสริฐและมีปัญญากว่าสัตว์เดรัจฉาน ดังนั้นเราควรประพฤติตนเป็นตัวประกาศคุณท่าน แทนการประจานท่าน ประกาศคุณพ่อแม่ของเราด้วยเกียรติยศชื่อเสียง แทนการประจานท่านด้วยการทำตัวเป็นพาลเกเรและประพฤติต่ำทราม และตอบแทนพระคุณท่านด้วยการเลี้ยงดูท่านยามชรา ดูแลเอาใจใส่เมื่อท่านเจ็บป่วย อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลเมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ที่สำคัญยามท่านมีชีวิตสามารถทำให้ท่านเห็นแจ้งในธรรม ด้วยศรัทธา ทาน ศีล สมาธิภาวนา เป็นประโยชน์โดยตรงและเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่ต่อท่าน (มงคลที่๑๑)
เฉกเช่นเดียวกัน พ่อแม่ก็ไม่ควรจะเรียกร้องให้ลูกต้องมากตัญญู ในเมื่อเราเรียกตนว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ มีปัญญาและดีกว่าสัตว์เดรัจฉานหลายเท่าหนัก ดังนั้นสัตว์เดียรัจฉานที่เลี้ยงลูกในฐานะที่เป็นพ่อแม่ มันไม่เคยคิดว่าลูกที่มันเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูุทนุถนอม หาอาหารมาป้อน ป้องกันเมื่อยามมีภัยนั้นจะต้องกลับมาเลี้ยงดูหรือตอบแทนพ่อแม่ มันเลี้ยงด้วยความรักและหวังดีอย่างแท้จริง หวังเพียงให้ลูกได้เติบโต และสามารถไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้เมื่อถึงเวลา พวกมันจึงหวังเพียงให้ลูกพึ่งพาตนเองได้เท่านั้น ดังนั้นเราจึงไม่เคยได้ยินว่าสัตว์ทั้งหลายมันกลับมากตัญญูต่อพ่อแม่ นั่นคือสัญชาตญาณของความเป็นพ่อแม่อย่างแท้จริง เลี้ยงดูด้วยความรักและหวังดีอย่างแท้จริงโดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใดใด
การที่อยากมีลูกเพื่อหวังให้ลูกเลี้ยงดูยามแก่เฒ่า ไม่ว่าจะมีลูกเพื่อผลประโยชน์อันใดก็ตาม จะเป็นการเรียกร้องให้ลูกส่งเงินให้ใช้ อยากได้โน่นอยากได้นี่ อยากให้ลูกเป็นนั่นเป็นนี่ ถือว่าชีวิตลูกเป็นของพ่อแม่ ใช้คำพูดเดียวเป็นข้ออ้าง นั่นคือคำว่ากตัญญู ชีวิตของลูกก็ควรเป็นของลูก ลูกไม่ได้มีหน้าที่เกิดมาเพื่อทำตามใจที่พ่อแม่ต้องการ ลูกควรมีโอกาสได้เลือกทางเดินชีวิตของตนเอง ถ้าหากทางนั้นมันไม่ได้ผิดอะไร การไม่ตามใจพ่อแม่ เราไม่คิดว่าเป็นการอกตัญญู ความกตัญญูของลูกที่มีต่อพ่อแม่ ก็คือการเป็นคนดี ไม่เกเร ไม่ข้องแวะกับสิ่งไม่ดี สำหรับเราว่าก็น่าจะเป็นการกตัญญูแล้ว
ดังนั้นหากต้องการมีลูกและเลี้ยงลูกเพื่อหวังผลประโยชน์จากลูก เมื่อลูกไม่สามารถได้ให้ในสิ่งที่พ่อแม่ปรารถนา ก็กล่าวหาลูกว่าเป็นลูกอักกตัญญู ถ้ามองจากตรงนี้แล้ว สัตว์เดรัจฉานต่างหากที่มีความรักลูกและมีหัวใจที่เป็นพ่อแม่อย่างแท้จริง เลี้ยงลูกด้วยความบริสุทธิ์ใจมิได้หวังสิ่งใดแม้กระทั่งความกตัญญูจากลูก เพราะในปัจจุบันนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวมีมากขึ้น ลูกเติบโตและต้องไปใช้ชีวิตเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวของตนเอง ลำพังดูแลครอบครัวตนเองก็ยังทุลักกทุเลแล้ว ยังต้องหันหลังกลับมาดูุแลพ่อแม่ที่แก่ชรา ทำให้สังคมไทยปัจจุบันมีลักษณะแบบเตี้ยอุ้มค่อม ห่วงหน้าพะวงหลัง จะใส่เกียร์เดินหน้าอย่างเต็มกำลังก็ทำไม่ได้
ถ้าพ่อแม่มิได้หวังการดูแลจากลูกและพ่อแม่ดูแลตนเองอย่างเต็มกำลัง ขอให้ลูกได้เดินหน้าและเลี้ยงดูอนาคตของชาติอย่างดี ส่วนลูกเมื่อถึงยามที่พ่อแม่แกเฒ่า หลานๆก็เติบโตพอสมควร ก็ถึงเวลาที่จะกลับหลังมาดูแลพ่อแม่ได้ ถ้าหากเป็นอย่างนี้แล้ว ไม่เพียงแต่ครอบครัวของตนเองจะดีขึ้นแล้วก็ยังมีส่วนช่วยให้ประเทศชาติเดินหน้าได้อย่างไม่สะดุดอีกด้วย
เรายอมรับว่าเกิดมาโชคดี อาจจะไม่เท่าใครๆหลายๆคน เราได้รับความรักจากพ่อแม่จนล้นและท่วมท้น จนบางครั้งเราต้องเบรกความรักนั้นเพื่อท่านจะได้รักและได้ทำอะไรเพื่อตัวท่านเองบ้าง แต่ความรักคือความรู้สึก ที่ไม่สามารถสั่งหรือบังคับได้ ปริมาณที่ได้เท่าไหร่เราก็ยังรู้สึกว่าเราได้อยู่เท่าเดิม คือมากยังไงก็มากอย่างนั้นล่ะ ทำได้เพียงรับมาและตอบแทนท่านตามความสามารถของเราถึงแม้ว่าท่านไม่ได้ต้องการอะไรจากเราเลย(ยกเว้นเรื่องที่ขอไปอยู่ต่างประเทศ 555) คอยส่งเสริม ดูแลเราอย่างดี ไม่ว่ายามล้มหรือยามท้อ คอยประคอง สนับสนุน เสมอมา เรียกว่าเป็นรักที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง ถ้าเรามีลูกเรายังไม่รู้เลยว่าจะรักลูกเราเองได้แบบท่านมั้ย (แต่ไม่มีดีกว่า)
เราคงสุกๆดิบๆแบบนี้ไปล่ะ ไม่สุขสุดๆและไม่ทุกข์สุดๆเช่นกัน ถ้าใครมีลูกหรือคิดจะมีลูกคงต้องยอมรับความเสี่ยงกับความรักรูปแบบนี้ ส่วนตัวเราไม่ขอเสี่ยงกับความรักแบบนี้เลย เรากลัวจะเป็นแบบพ่อแม่เรา 555 ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่รักมากก็ย่อมทุกข์มาก ยึดติดสิ่งใดก็จะทุกข์กับสิ่งนั้น เราเห็นความสุขของท่านพร้อมกับเห็นความทุกข์ของท่านในเวลาเดียวกัน ดังนั้นใจพร้อมแค่ไหนที่จะเสี่ยงกับสุขจนล้นอกและทุกข์จนจุกอกแบบนี้
ส่วนเราตอนนี้ลำพังตัวเองยังไม่รอดในยุคโควิด19นี้ ยังไม่อยากหวังได้ใครเข้ามาในชีวิต และไม่ต้องการมีภาระใดๆเพิ่ม ขอสู้ด้วยตัวเองแบบนี้ไปก่อน ไม่จำเป็นต้องสุขสุดๆ เพราะเราก็กลัวทุกข์สุดๆเช่นกัน 555
ภูลังกาไม่นานนี้เอง
ขอบคุณพ่อแม่ที่น่ารักของเราเสมอ
ปล.แนวคิดส่วนหนึ่งคัดลอกและดัดแปลงมาจากโพสของคุณTakahashi Nicha
โฆษณา