11 ส.ค. 2020 เวลา 10:00 • การศึกษา
"เทคนิคการจับไมค์พูดของพี่ไอติม"
"คนสำเร็จไม่จำเป็นต้องตื่นเช้า แต่จำเป็นต้อง.."
"ตอนได้ทุนไปเรียนที่ Eton อะไรที่ว้าวที่สุด"
ฟังเกลานิสัยอันตรายคุยกับ ไอติม พริษฐ์ แบบยาว ๆ จุก ๆ ในคลิปนี้ได้เลย
มาเรียนรู้วิธีการพัฒนาตัวเองผ่านประสบการณ์การเรียนในอังกฤษ
และเทคนิคการพูดในที่สาธารณะ กับพี่ไอติม พริษฐ์
เด็กทุนอีตัน อดีตสมาชิกชมรม Oxford Union
การเรียนที่อังกฤษได้อะไรบ้าง
.
ด้วยความที่ไม่เคยเรียนที่ต่างประเทศมาก่อน และไม่เคยอยู่ที่อังกฤษ
จึงมีหลายสิ่งมากที่เป็นสิ่งใหม่ ๆ แต่สิ่งที่พี่ไอติมรู้สึกว่ายากที่สุดคือ “ภาษา”
“เราต้องใช้ภาษาอังกฤษที่ไม่ถนัด เพื่อไปเรียนวิชาอื่นที่ไม่เคยเรียน” -พี่ไอติม
และในอังกฤษ Gap Year ถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก
เพราะว่าถ้าเรากำลังจะเรียนมหาวิทยาลัย
เราก็ควรได้เรียนในสิ่งที่มันชอบ สิ่งที่มันใช่ เพราะถ้ามันไม่ได้ชอบ
เราก็จะเสียเวลาไปเปล่า ๆ ดังนั้น Gap Year
อาจจะเป็นการทำงาน ท่องเที่ยว หรือออกไปทำสิ่งที่ไม่ชอบสุด ๆ ไปเลย
เพื่อทบทวนตัวเอง จึงไม่ใช่สิ่งที่ผิด ถ้ามันทำให้เรารู้ว่าเราชอบอะไร
เพื่อที่เราจะได้นำมันไปต่อยอดให้ตัวเองได้ไปสูงที่สุด
แต่สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดก็คือ อังกฤษมีการปลูกฝังเรื่อง “ความหลากหลาย”
Oxford Union กับประสบการณ์ของพี่ไอติม
.
การที่ได้เป็นสมาชิกของ ชมรม Oxford Union
ทำให้พี่ไอติมได้มีสิทธิเข้าร่วมกิจกรรม ที่มีการเชิญวิทยากรเก่ง ๆ มาโต้วาที
ซึ่งจุดประสงค์ของการโต้วาทีแทนที่จะเชิญมาพูดเฉย ๆ
นั่นก็เพราะต้องการแสดงให้ทุกคนได้แลกเปลี่ยนความคิดกัน
เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้สิ่งดี ๆ พัฒนาและต่อยอดไปด้วยกันจนเกิดความรู้ใหม่ ๆ
และอีกจุดประสงค์ก็คือต้องการให้เรารู้จักยอมรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย
ของผู้อื่นอย่างมีเหตุมีผล มากกว่าการนั่งฟังหรือยืนพูดเพียงอย่างเดียว
พัฒนาจุดเด่น ดีกว่ามัวมาปกปิดจุดด้อย
.
ความจริงทำยังไงให้จุดเด่นของเราเด่นยิ่งมาก
มากกว่ามาเสียเวลาปิดจุดด้อย…เป็นสิ่งที่พี่ไอติมพูดบ่อยมากในคลิป
ถ้าเราไม่เก่งดนตรีเลย เราเสียเวลาเพื่อไปฝึกดนตรีเพื่อที่จะแค่พอเล่นได้
มันก็ก็แค่เล่นได้ ไม่ได้ดีไปกว่าใครเลย…
สู้เราเอาเวลาไปพัฒนาสิ่งที่ถนัดมากที่สุด ชอบที่สุด
ให้มันโดดเด่นขึ้นมายังจะดีกว่า
เพราะมันช่วยสร้างประโยชน์กับมูลค่าให้กับตนเองมากกว่า….
เราไม่ได้เก่งทุกอย่าง… การมัวแต่มามองหาจุดด้อยของตัวเอง
ทั้ง ๆ ที่คนอื่นก็ไม่ได้ใส่ใจมัน นอกจากจะทำให้เสียเวลาแล้ว
เราเองก็ไม่ได้พัฒนาในสิ่งที่เราถนัด
เทคนิคการพูดของ ไอติม พริษฐ์
.
สิ่งที่สำคัญเลยก็คือ “อย่าพูดอะไรที่ไม่รู้” และต้องเตรียมตัวก่อนไปพูด
หนึ่งก็คือ…ต้องรู้ก่อนว่าผู้พูดเป็นใคร
เด็กวัยรุ่นก็จะเป็นกันเองหน่อย ถ้าวัยกลางคนก็ต้องทางการให้มันดูสุภาพ
สองก็คือ…พูดเรื่องอะไร ให้ทำการบ้านไปก่อนเสมอ หาข้อมูลให้ครอบคลุม …
ในตอนที่กำลังพูดก็ต้องคอยดูปฏิกิริยาของคนฟัง
สมมติถ้าคนฟังเบื่อ เราก็ต้องพร้อมยืดหยุ่น
ปรับเนื้อหาให้มันดูน่าสนใจขึ้นเพื่อให้เขาสนใจ
ถ้าเกิด “ลืม” …สิ่งที่จะพูดกลางงาน
ลืมอะไรก็ใจเย็น ๆ ให้หยุดเพื่อหายใจเข้าออกพักนึงเพื่อนึกออก
แต่ถ้านึกไม่ออกก็ไม่เป็นไรปล่อยมันและพูดต่อไป …
เพราะสิ่งที่คนฟังอยากฟังไม่ได้อยากฟังเนื้อหาที่มันครอบถ้วนเป๊ะ ๆ
แต่คนฟังอยากฟังอะไรที่มันน่าฟังเพราะฉะนั้น
อย่าไปเสียเวลากับมันจนทำให้การพูดดูติดขัดเลย
ลำดับอาวุโส กับการทำงาน
.
ความแตกต่างระหว่างการทำงานและการเรียน
ก็คือเวลาเราทำงานเราไม่ได้ทำ “คนเดียว” อีกต่อไป…
ตอนเรียน…เรียนคนเดียว ได้คนเดียว เกรดดีคนเดียวไม่มีปัญหา
แต่ตอนทำงาน เพื่อให้งาน ๆ นึงสำเร็จด้วยดี
เราต้องทำร่วมกับคนอื่น ต่อให้เก่งแทบตาย
แต่ถ้าคนทำงานกับคนอื่นไม่ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดี
เพราะแต่ละคนล้วนมีความสามารถและทักษะแตกต่างกันเพื่อให้งานสำเร็จ
การที่เราเก่ง มันเป็นแค่ปัจจัยเดียวที่ทำให้งานสำเร็จเลย
เพราะงานที่สำเร็จมันประกอบด้วยหลาย ๆ อย่าง
.
อยากให้งานมีประสิทธิภาพ แต่กลับมีลำดับอาวุโส
.
ไม่เคยใช้น้องไปซื้อกาแฟ เราจะดูว่าตอนนั้นใครมีเวลาว่างและงานน้อยที่สุด
แล้วจะให้คน ๆ นั้นไปช่วยซื้อกาแฟให้ทุกคน…พี่ไอติมบอก
อย่างที่บอกไปว่าแต่ละตำแหน่งแต่ละคนมีงาน มีความถนัดแตกต่างกัน
มีความเร่งด่วนของงานต่างกัน ลำดับอาวุโสที่ดูอายุ
แต่ไม่ดูความเร่งด่วนของงาน
ทั้ง ๆ ที่การทำงานมันดูงานเป็นหลัก มันจึงช่างดูขัดแย้งกัน…
กลายเป็นว่าลำดับอาวุโสเป็นอุปสรรคต่อประสิทธิภาพของงานไปซะแล้ว…
.
เราทำงานร่วมกับคนหลายรุ่นได้
.
มันจะมีคนบางกลุ่มที่เรียกคนอาวุโสกว่าว่า “คนรุ่นเก่า”
ซึ่งคำ ๆ นี้มันเป็นการแสดงตนชัดเจนว่าเราเป็นศัตรูกับเขา
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ถ้าเขาจะไม่ฟังเรา
ต่อให้ความคิดของเราดีขนาดไหนก็ตาม….
.
นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมเราต้องเกลาตัวเองก่อนที่จะเกลาคนอื่น….
.
ทำงานอะไร ถ้าอยากให้เขาฟังเรา เราต้องฟังเขาก่อน…
พวกเรามีความหลากหลาย ไม่ว่าจะมาจากรุ่นเดียวกันหรือคนละรุ่น
อย่าใช้มาตรฐานของเราไปตัดสินเขาด้วยคำว่า “คนรุ่นเก่า” …
พวกเรามีสิทธิที่จะแสดงความคิดของเรา เขาเองก็เช่นกัน…
ทำไมเราไม่ลองฟังเขาก่อน แลกเปลี่ยนความคิดกัน
คนรุ่นเก่าที่เราว่า ๆ กันอาจจะมีแนวคิดที่ดีก็ได้ อะไรที่ไม่ดีก็แค่ให้เหตุผลว่าทำไม
อาจจะมีคำวิจารณ์ที่ไม่เข้าหู…
แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริงมันก็ช่วยให้เราพัฒนาตัวเองไม่ใช่หรือ?
แต่ถ้ามันไม่จริงก็ไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ ไม่เห็นเป็นไรเลย
การแลกเปลี่ยนกันอาจจะทำให้เราได้แนวทางที่ดีกว่าของเราก็ได้
ทำไมเราไม่ลองฟังของคนอื่นให้มากขึ้น? มากกว่าคิดว่าทำไมคนไม่ฟังเรา
ทำไมเราไม่เกลาตัวเองก่อนคนอื่น?
ติดตามวีดีโอใหม่ๆได้อีกช่องทาง
Facebook : เกลา นิสัยอันตราย
Website: Klao365
โฆษณา