12 ส.ค. 2020 เวลา 13:02 • ประวัติศาสตร์
ทหารกูรข่า ยอดนักรบแห่งเทือกเขาหิมาลัย
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ทุกคน กลับมาพบกันอีกครั้งที่เพจ “อยากเล่า” นะครับ
วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องราวของหนึ่งในกองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ผู้มาจากประเทศบนยอดเขาหิมาลัยอย่าง “กองทหารกูรข่า” ครับ
กองทหารนี้เก่งอย่างไร แล้วมีที่มาอย่างไร เดี๋ยววันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังครับ
ทหารกูรข่า แต่เดิมแล้วเป็นกองทหารประจำชาติเนปาล โดยที่มาของชื่อ “กูรข่า” (Gurkha) นี้มาจากชื่อเมือง 'Gorkha' ซึ่งเป็นเมืองที่คนเนปาลรวมชาติและขยายอาณาจักรของตนเองครับ
แต่ว่าชื่อเสียงของกองทหารกูรข่านั้นไม่ได้มาจากการรบในนามของประเทศชาติตัวเองครับ แต่ส่วนใหญ่มาจากการรบในนามของกองทหารรับจ้างในเครือจักรวรรดิอังกฤษเป็นหลัก
กองทหารกูรข่าในนามของกองทัพอังกฤษ
อ้าว แล้วกองทหารเนปาลไปเกี่ยวข้องกับทหารของเนปาลได้อย่างไร ความจริงแล้วเรื่องนี้มีที่มาครับ แถมเป็นที่มาที่ไม่ธรรมดาซะด้วย
ในยุคสมัยที่อังกฤษยังเป็นเจ้าอาณานิคม ประเทศนี้ได้ส่งกองกำลังทหารเพื่อไปยึดครองและปกครองประเทศต่าง ๆ ในเอเชียไปทั่ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือประเทศอินเดียและไหน ๆ ก็ไหน ๆ กองทัพอังกฤษก็ขอแถมบุกเผื่อไปยังประเทศโดยรอบด้วย ซึ่งประเทศหนึ่งในนั้นก็คือประเทศเนปาลนั้นเองครับ
แต่ว่าผลลัพธ์กลับไม่เป็นอย่างที่อังกฤษคิดไว้ครับ เพราะทหารจากเทือกเขาหิมาลัยเหล่านี้แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ โดยอาศัยแค่” มีดคูกริ” เล่มเดียวบุกเข้าหากองทัพอังกฤษที่เป็นหนึ่งในกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างไม่กลัวปืนและไม่กลัวตาย จนต้านทานการยึดครองของมหาจักรวรรดิได้ถึง 2 ปี
และสุดท้าย กองทัพอังกฤษที่เล็งเห็นถึงความแข็งแกร่งและความทหารของทหารเหล่านี้ ก็ได้ตัดสินใจไปเจรจากับกษัตริย์ของเนปาลเพื่อนำไปฝึกเป็นทหารในเครือจักรภพ จนกลายเป็นที่มาของทหารกูรข่าในกองทัพอังกฤษครับ
โดยกองทัพกูรข่านี้มีชื่อเสียงในด้านความแข็งแกร่ง อดทน ทรหด กล้าหาญ ซื่อสัตย์และภักดี และตั้งแต่สมัยนั้นจนปัจจุบันยาวนานเกือบ 200 ปี กองทัพอังกฤษก็ยังได้จ้างกองทหารกูรข่าไว้ตลอด และทหารเหล่านี้ก็ได้เข้าร่วมศึกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งสงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามโลกครั้งที่ 2 หรือสงครามต่าง ๆ ในนามของเครือจักรวรรดิอังกฤษ
ซึ่งอาจจะเป็นเพราะทหารเหล่านี้เกิดในบริเวณเทือกเขาหิมาลัยที่อยู่สูงเกือบ 4,000-12,000 ฟุต ทำให้ทหารเหล่านี้มีความแข็งแกร่งมากกว่าทหารทั่วไป แถมทหารกูรข่าเหล่านี้ยังมีคำขวัญและความเชื่อของพวกเขาเองว่า “การตายเสียยังดีกว่าอยู่อย่างคนขลาด” ( Better to die than live a coward) ทำให้ทหารเหล่านี้มีความกล้าหาญและทรงพลังยิ่งกว่าทหารใด ๆ
โดยอีกหนึ่งจุดเด่นของกองทหารกูรข่า ก็คือ “มีดคูกรี (Kukri) " ที่มีความยาวเกือบ 20 นิ้ว ซึ่งมีดชนิดนี้เป็นมีดประจำตัวทหารทุกนาย และยังเป็นสัญลักษณ์ของกองทหารกูรข่าอีกด้วย
มีดคูกรี (Kukri)
และกับมีดคูกรีนี้ เดิมทีทหารกูรข่ามีธรรมเนียมที่ว่าถ้าชักมีดออกจากฝักเมื่อใด มีดนี้ต้องได้ "กินเลือด" ดังนั้นสมัยก่อนถ้าชักออกมาแล้วเชือดคนอื่นไม่ได้ ทหารกูรข่าจะเชือดตัวเองนิดหน่อย เพื่อให้มีดได้กินเลือดก่อนเก็บลงไปในฟัก แต่อย่างไรก็ตามสมัยนี้เหล่าทหารก็ไม่ค่อยจะถือธรรมเนียมนี้แล้วครับ
และแม้กระทั่งในปัจจุบัน ทหารกูรข่าก็ยังมีชื่อเสียงและกองวีรกรรมในสงครามต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง อย่างเช่น” ลาชินแมน กูรุง” (Lachchinman Gurung) ที่ใช้แขนข้างเดียวและร่างกายครึ่งซีกต้านทานทหารญี่ปุ่นได้เกือบ 200 คนในสงครามโลกครั้งที่สอง
หรือล่าสุด ทหารกูรข่านาม “ดีประสาต ปุน” (Dipprasad Pun) ก็พึ่งได้ดวลเดี่ยวกับทหารตาลีบัน 30 คนในปี 2010 จนได้รับเหรียญกล้าหาญ Conspicuous Gallantry Cross จากมือของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 มาแล้ว
ดีประสาต ปุน (Dipprasad Pun)
ก็ถือเป็นเรื่องราวของกองทหารระดับโลก ที่เราเอามาบอกเล่ากันในครั้งนี้ครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับบทความในครั้งนี้ ชื่นชอบกันบ้างหรือเปล่า
เช่นเคยครับ หากชอบบทความดี ๆ แบบนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ และกดติดตามได้ที่เพจ “อยากเล่า” นะครับ
โฆษณา