15 ส.ค. 2020 เวลา 11:38 • นิยาย เรื่องสั้น
ได้ลองเขียนนิยายสั้นๆเรื่องหนึ่งไม่รู้ว่า อ่านแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง ขอคำแนะนำ ติชม จากผู้อ่านด้วยนะค่ะ
ชุดเรื่องสั้นในวันฝนตก
เรื่อง วาเลนไทน์
 
ในช่วงปลายฤดูหนาวเข้าฤดูร้อน กลางเดือนกุมภาพันธ์ อบอวนไปด้วยกลิ่นของความรัก ที่วัยรุ่นหนุ่มสาวจะแสดงออกต่อกันในวันวาเลนไทน์
ภาพจากอินเทอร์เน็ต
แต่สำหรับ ขนมผิง หญิงสาวร่างอวบ ผู้จริงจังกับชีวิตเสมอ วาเลนไทน์ปีนี้ก็เหมือนเช่นทุกปี
เธอแต่งตัวชุดนักศึกษาสีขาวกระโปรงดำตามระเบียบของสถานศึกษาสะพายกระเป๋าใบเล็กและสมุดหนังสือสองสามเล่มหอบแนบอกพร้อมออกจากบ้าน ท้องฟ้าวันนี้มัวหม่นชอบกล เสียงร้องเตือนจากในบ้านให้เตรียมอะไรบางอย่างมาด้วยเธอได้ยินไม่ถนัดแต่กลับรีบเดินโดยไวไปยังมหาวิทยาลัยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันนั้นเพราะไม่อยากผิดนัด
บรรยากาศรอบๆตัว ระหว่างทางที่เดินมา เต็มไปด้วยสีสันสดใสของดอกกุหราบ ที่ต่างคนตระเตรียมมาเพื่อเพื่อนและคนพิเศษ แต่สำหรับเธอมีเพียงช็อกโกแลตกล่องขนาดกลางใส่ถุงหิ้วในมือนี้เท่านั้น ซึ่งมันเกี่ยวพันกับนัดหมายของเธอในเช้านี้
ขนมผิงเดินมาจนถึงที่ โต๊ะม้านั่งหินอ่อนเข้าชุดกันตั้งอยู่ตรงหน้าตึกคณะวิทยาศาสตร์ เธอทรุดตัวลงนั่งพร้อมกับข้าวของที่หอบหิ้วมาวางกองกลางโต๊ะ นาฬิกาข้อมือถูกยกขึ้นสำรวจเวลา ยังพอเหลือเฟือให้นั่งคอยก่อนจะขึ้นตึกเรียน “หนมผิง” เสียงร้องเรียกจากใครคนหนึ่งดังมาแต่ไกล เธอเงยหน้ามุ่ยๆขึ้นจากโทรศัพท์มือถือเหลียวไปยังต้นตอของเสียงนั้น ชายหนุ่มในชุดนักศึกษารูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวหน้าตี๊ ดูหล่อเหลาระดับดารา สะพายกระเป๋าไว้ข้างตัว กำลังเดินตรงลิ่วเข้ามาหาอย่างตื่นเต้น
“เน่..มาสายแล้วยังจะเสียงดังอีก” ขนมผิงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบดูค่อนขอดเล็กน้อย
“ก็ไม่มีเรียนเช้า สายหน่อยจะเป็นไรไป” เขาว่า
“ฉันหมายถึงนัดจ๊ะ”เธอบอก ชายหนุ่มยังคงยิ้มหน้าทะเล้นไม่ไยดีกับคำบ่นของเธอ เขาสนใจบางสิ่งมากกว่า
“ว่าแต่…ไหนอ่ะของที่สั่ง…ได้อ่ะป่าว” เขาทวง ขนมผิง อมยิ้มส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะหยิบถุงขนมยื่นให้
“อือ” ชายหนุ่มรับไว้อย่างไม่รีรอเขาร้องอย่างพอใจ ขณะที่มือรีบเปิดกล่องกระดาษสีแดงออกในทันที เผยให้เห็นช็อกโกแลตก้อนกลมๆสีน้ำตาลเข้มวางเรียงอยู่เต็มกล่อง แต่ก่อนที่จะหยิบมันขึ้นมาชิม เขาเอ่ยเย้าเพื่อนสาวเล็กๆ
“ทำเองป่ะเนี่ย” รอยยิ้มและแววตาเจ้าเล่ห์ที่ส่งมาพร้อมด้วยนั้น เธอรู้จักดี จึงยิ้มมุมปากเลิกคิ้วสูงก่อนจะตอบกลับน้ำคำยอกย้อน
“กินมาตั้งสองปีแล้ว…คิดว่าไงล่ะ?”
เขายังคงยิ้มเช่นเดิม เบ้ปากน้อยๆกวนอารมณ์ก่อนจะส่งช็อกโกแลตก้อนกลมเข้าปากเคี้ยวอย่างนิ่มนวล พรางส่งเสียงอู้อี้บอกรสชาติ
“อื้อ…หวาน มัน มีเมล็ดแอลมอนด์ตรงกลางด้วย อื้อ…อร่อย เหมือนเดิมเลย ใช่ฝีมือล้วนๆ” เขาเอ่ยชม ปลายตามองเพื่อนสาวอย่างจริงใจ แล้วว่าต่อ “แต่ก็แน่ล่ะฝีมือระดับท็อป คหกรรมทั้งที ไม่อร่อย คงไม่ติดใจ ขอเป็นของขวัญมาสองปีติดหรอก…จริงป่ะ” เขาหยอดคำเยินยอต่อท้าย เธอฟังแล้วยังอมยิ้มไม่หุบ พยักหน้ารับไปพรางส่งเสียงตอบรับในลำคออย่างพอใจ
ยังไม่ทันจะหยิบชิ้นที่สองเข้าปากก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเรียกจากกลุ่มสาวๆที่กำลังกรูกันเข้ามาทักทาย “เอเจ” ชายหนุ่มเจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้งตกใจ สาวๆสี่ห้าคนนั้นตรงเข้าประชิดตัว เอเจ ในทันที บ้างก็ส่งดอกไม้ให้ บ้างก็ขอถ่ายรูปคู่อย่างกับชายหนุ่มเป็นดาราดัง บางคนก็มาแบบเหนียมอาย แต่บางคนก็มาแบบผิดมารยาท ฉวยโอกาศนั่งแทรกระหว่างคนทั้งสองที่นั่งอยู่ก่อนหน้า เบียดจน ขนมผิง แทบตกม้านั่ง เธอรวบเก็บของส่วนตัวที่วางกลางโต๊ะก่อนหน้าแทบไม่ทัน ก่อนที่มันจะเต็มไปด้วยกองดอกไม้มาแทนที
เธอลุกขึ้นถอยออกจากม้านั่งหินอ่อนนั้น ยืนสังเกตุการณ์อยู่ครู่หนึ่ง สายตาเหลือบเห็นเพื่อนหนุ่มที่วุ่นวายกับการถ่ายรูป กำลังรวบถุงใต้กล่องช็อกโกแลตมัดตรึงกล่องแน่น หย่อนลงกระเป๋าสะพายที่ติดตัวมาด้วยอย่างทุลักทุเล เธอเหยียดริมฝีปากยิ้มบางๆ กับสิ่งที่เห็นนั้น ความชุลมุลตรงหน้าเป็นภาพที่เธอคุ้นชินไปเสียแล้ว แน่หละ เขาเป็นถึงนักกีฬาบาสเก็ตบอลตัวทอ็ปของทีมมหาวิทยาลัย แถมรูปร่างหน้าตาดี ก็ต้องมีสาวกรี๊ดบ้างเป็นธรรมดา เธอจึงปล่อยให้เขาอยู่กับแฟนคลับกลุ่มนั้นตามสะดวก โดยแยกตัวเดินขึ้นตึกเรียนไปเงียบๆ ชายหนุ่มเหลียวมองหาเพื่อนสาวรอบตัวเพียงแค่ทันได้เห็นหลังไหวๆของเธอหายลับจากบันไดตึกไปแล้วเท่านั้น เขาจึงถอนหายใจอย่างเสียดาย
ขนมผิงไม่ได้เจอ เอเจ อีกเลยหลังจากนั้น แม้เธอกับเขาจะรู้จักเป็นเพื่อนเรียนกันมาแต่เด็กอีกทั้งความสัมพันธ์ฉันเพื่อนของผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัวที่มีมานานแล้วก็จริงแต่ทั้งคู่ต่างเรียนกันคนละคณะในแต่ละวันจึงไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก
บ่ายแก่แล้วก้อนเมฆบนท้องฟ้าเริ่มจับตัวเป็นแพสีเทาหม่นทั่วท้องฟ้า กระแสลมเริ่มโยกกิ่งไม้ให้ไหวเอนลู่ไปเป็นระรอก ขนมผิง หลบเข้าห้องสมุดหาความรู้ทำรายงานตามวิชาเรียน หูแว่วเสียงเรียกจากที่ไหนสักแห่งแต่หันไปไม่เห็นใคร
เธอใช้เวลาอยู่ในห้องสมุดเพลินจนเกือบเย็นทีเดียว เมื่อออกมาภายนอก ละอองฝนก็เริ่มโปรยลงมาบางๆแล้ว เธอจึงรีบเดินให้ไวขึ้นเพื่อจะกลับบ้าน ถึงตอนนี้เธอเพิ่งนึกได้ว่าเธอถูกเตือนให้หยิบร่มมาด้วยนั่นเอง ยิ่งเดินเม็ดฝนยิ่งหนาขึ้นเรื่อยจนในที่สุดก็ลงเม็ดซู่จนเธอไปต่อไม่ได้แล้ว จึงรีบวิ่งไปหลบใต้ชายคาแคบๆของบอร์ดตู้กระจก ริมทางเดิน เพียงไม่นานเม็ดฝนขาดหายไปจากบริเวณที่เธอยืน ยังความสงสัยให้เกิดขึ้น เธอเงยหน้ามองเห็นปลายร่มที่เหนือหัวจึงเหลียวมองข้างตัว ใบหน้ายิ้มแป้นดวงตาหยีเล็กราวกับสระอิอยู่ใต้คิ้ว รอยอยู่ตรงหน้า “เอเจ ..มาไงเนียะ” เธออุทานขึ้น
...................⛅........☁.........💧...................
ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นผุดขึ้นในหัวของ เอเจ เป็นระรอก หลังจากสลัดกลุ่มสาวๆที่มากรี๊ดได้แล้วเขาจึงเข้าเรียนตามปกติ และพยายามหาตัวเพื่อนสาวคนตรงหน้านี้ให้เจอตลอดวันเพื่อจุดมุ่งหมายบางอย่างในใจ และครั้งหนึ่งเขาเห็นเธอที่หน้าห้องสมุด แต่ร้องเรียกยังไม่ทันได้สุดเสียงก็ถูกเพื่อนนักกีฬาในทีมที่ตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ กระโจนขึ้นหลังจนหน้าเกือบคมำไป เมื่อตั้งตัวได้เหลียวมองอีกทีเพื่อนสาวก็หายไปแล้ว เพื่อนกลุ่มนั้น คะยั้นคะยอให้ตามไปสนามซ้อมด้วยกันไม่ยอมเลิกรา เขาจึงจำต้องยอมตามนั้น
หลังซ้อมเสร็จแล้วเขาย้อนกลับมายังห้องสมุดอีกครั้ง เดินส่องจนทั่วทุกมุมในนั้น ก็ไม่พบเธออีก จึงตัดสินใจเดินกลับออกมา คิดว่าวันนี้คงหมดโอกาศแล้ว ฝนเริ่มลงเม็ดหนาขึ้น ผู้ช่วยบรรณารักษ์สาวรุ่นเดียวกันกับเขาน่าจะเป็นหนึ่งในแฟนคลับ เสนอร่มคันใหญ่มาให้ และเพื่อเป็นการไม่เสียมารยาทประกอบกับเขาตัดสินใจว่าจะกลับบ้านอยู่แล้วจึงรับมันไว้แล้วเดินออกมาตามทางท่ามกลางสายฝนที่ไม่มีทีท่าซาลงเลย
เขาเดินเรื่อยไป จนกระทั่งสายตาไปประสบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูคุ้นตา ยืนกอดอกเบียดบอร์ดกระจกริมทางเดินด้านหน้านั้นเอง หัวใจของเขาจึงเริ่มพองโตขึ้นอีกครั้ง เขารีบสาวเท้าให้เร็วขึ้นและช้าลงจนเหมือนย่องเมื่อเข้าใกล้เธอ ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าเธอคนนั้นคือ ขนมผิง เพื่อนสาวที่เขาหาตัวมาตลอดทั้งวันนี้ เธอกอดตัวเองแน่นแขนขาชุ่มด้วยละอองฝน เขาค่อยๆยื่นร่มไปเหนือศรีษะเธอ ก่อนเธอจะรู้ตัวหันมาหาเขา อุทานถามเสียงตื่นๆ ถึงตรงนี้ภาพเหตุการณ์ในหัวนั้นจางหายไป
....................☔☔☔☔☔☔......................
เขาไม่ได้ตอบคำถามเธอแต่กำลังแน่วแน่กับของในมือที่จะยื่นให้เธอมากกว่า “แฮปปี้วาเลนไทน์” เขาบอกเร็วปลื๋อ ท่าทางเคอะเขิน กุหราบสีแดงกลีบดอกเฉาจนคอตก ลอยอยู่ตรงหน้าขนมผิง ทำเอาเธอประหลาดใจเพราะไม่เคยได้รับของขวัญใดๆจาก เอเจ มาก่อนอีกทั้งรูปลักษณ์ของ กุหราบ ที่ไม่สดใสเอาเลยนั่นอีก
“มันเหี่ยวไปหน่อย”เขาเอ่ยอย่างเขินๆ มือไม้ลูบหัว วนต้นคอให้วุ่นวาย “จริงๆตั้งใจจะให้ตั้งแต่เช้าแล้วแต่ว่า….”
“อือ …ขอบใจนะ” ขนมผิงตอบรับสั้นๆ ทำหน้าไม่ค่อยถูกรู้สึกแปลกประหลาดในใจ จนเผลอก้าวเดินออกจากบริเวณร่ม จนเมื่อเม็ดฝนโดนตัวเท่านั้นเธอจึงรู้ตัวก้าวถอยกลับ ในขณะที่ เอเจ ก้าวตามเพราะกลัวเพื่อนสาวจะเปียก และจังหวะนั้นเอง ศรีษะของ ขนมผิง กระแทกกับจมูกของ เอเจ เข้าพอดี
“โอ๊ย” เขาร้องขึ้นพรางยกมือจับที่จมูกเกือบปล่อยร่มหลุดมือไปแล้ว แม้แรงกระแทกจะไม่เต็มที่นักแต่ก็ทำให้เจ็บไม่น้อย ขนมผิงตกใจรีบหันมาดู “ฮึ้ย..ขอโทษ…เป็นไรมากมั๊ย ดูหน่อยดิ๊” ว่าพรางดึงมือ เอเจ ออกจากจมูกเพื่อสำรวจอาการบาดเจ็บ จนดวงหน้านั้นใกล้กันจนเกือบสัมผัสได้ถึงลมหายใจชั่วครู่หนึ่งที่สายตาคนทั้งสองเลื่อนมาประสานกัน สร้างความรู้สึกวูบไหวในใจให้คนทั้งสอง ขณะที่มือเธอยังคงกำปลายนิ้วทั้งสี่ของเขาไว้แน่น เธอผละออกเล็กน้อยอย่างได้สติ รีบคลายมือนั้นทันทีด้วยอาการขัดเขิน ไม่ต่างอะไรกับ เอเจ ที่รู้สึกแก้มร้อนฉ่า มือที่ถูกปล่อยเลื่อนกลับที่เดิม คลำจมูกตนเองแก้เขิน “เอ่อ…ไม่..ไม่เป็นไรมากหรอก”เขาเอ่ย เกิดคำพูดติดขัดแบบไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อตั้งสติได้กันทั้งคู่ บทสนทนาแก้เขินจึงดำเนินต่อจากนั้น
“อ้อ..ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ…ว่าแต่รู้ด้วยเหรอว่าฝนจะตก ถึงเอาร่มมาด้วย”
“เปล่าหรอก แฟนคลับให้ยืมมา”
“แหม…แฟนคลับเยอะ …. น่าหมั่นไส้”
ขนมผิงเหยียดยิ้มบางๆ ดวงหน้าดูสดใสน่ารัก เอเจ หัวเราะแกนๆ ทั้งยังลอบมองดวงหน้าขาวนั้นนิ่งนานยิ่งทำให้หัวใจเร่งจังหวะเร็วขึ้นอีก ในขณะที่ขนมผิงพยายามปิดกั้นความเขินอายของตัวเองเช่นกันซึ่งมันไม่ค่อยสำเร็จเท่าไหร่
“เรา…เดินไปเรื่อยๆดีกว่าโนะ” ขนมผิง ชวน
“เอาดิ๊..ฝนไม่แรงเท่าไหร่แล้วนิ่” เขาตอบรับตะกุกตะกักแต่เต็มเปี่ยมด้วยความยินดี
แล้วคนทั้งคู่ก็ออกเดินจากใต้ชายคาแคบนั้นไป ภายใต้ร่มคันใหญ่ที่ดูเล็กลง กายทั้งสองเบียดชิดกันไปอย่างอบอุ่นท่ามกลางสายฝนที่เย็นเยือก ดูเหมือนว่าความรักที่หอมหวานเช่นชอกโกแลตวันวาเลนไทน์กล่องนั้นกำลังร่ายมนต์โอบล้อมหัวใจคนทั้งสองให้หลอมรวมกัน วาเลนไทน์ต่อจากนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
....ดินสอสี....15/8/63
โฆษณา