15 ส.ค. 2020 เวลา 15:28 • นิยาย เรื่องสั้น
เป็นนายตัวเองหรือทำงานประจำ
ตลอดเวลาเกือบ 10 ปีหลังเรียนจบมา เชื่อว่ารอบตัวหลายคนคงจะมีเพื่อน คนรู้จัก ที่เริ่มออกมาทำธุรกิจส่วนตัว หุ้นกับเพื่อนเปิดร้านนั่นนี่ หรือทำงานได้สัก 3 ปี ก็กลับมาสืบทอดกิจการที่บ้านแล้ว จากมุมของคนที่อายุ 30 การทำธุรกิจส่วนตัวดูจะเป็นเหมือนเส้นชัย ที่ถ้าเราทำได้สำเร็จ เราจะเหมือนนถูกมองว่าเราประสบความสำเร็จในชีวิต (จากค่านิยมเดิมๆ) และเชื่อว่าทุกคนที่เบื่อจากงานออฟฟิศคงจะมีแว้บนึงขึ้นมาบ้างว่า ถ้าฉันได้เปิดบริษัทของฉันเองนะ!
แต่จากที่ฟังเรื่องราวของเพื่อน รุ่นพี่ คนรอบตัวที่ผันตัวออกไปทำธุรกิจส่วนตัวเองนั่น ทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่า เป็นพนักงานออฟฟิศก็ได้ไม่แย่เลยนะ อย่างน้อยชีวิตเราก็รับผิดชอบแค่ scope งานของเราเอง เต็มที่ก็คือดูแลลูกน้อง แต่ถ้าแก (หมายถึงผมเอง) ออกมาทำบริษัทเอง สิ่งที่แกต้องแลกกับความสบายใจที่ไม่มีเจ้านาย หรือทำในสิ่งที่อยากทำมาทั้งชีวิตคือ แกต้องดูแลชีวิตของคนทั้งร้านหรือบริษัท รายได้ของแกต้องไม่ใช้แค่เลี้ยงบริษัทเท่านั้น ต้องเลี้ยงคนที่บ้านได้ด้วย แกห้ามหยุดคิดช่องทางการหารายได้ ทุกอย่างที่แกทำมันจะกระทบกับคนอีกหลายคนเพราะฉะนั้นการควบคุมอารมณ์คือสิ่งสำคัญ เวลางานกับเวลาส่วนตัวแทบจะเป็นเวลาเดียวกัน คำว่า passion อย่างเดียวไม่พอ แกต้องคิดเรื่อง finance , marketing , ปรับตัวกับทุกสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
แต่สิ่งที่พูดมาทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้อยากพูดเพื่อให้คนที่มีฝันหมดกำลังใจที่จะมีกิจการหรือร้านเป็นของตัวเอง แต่แค่อยากจะบอกว่า การเป็นพนักงานออฟฟิศก็ไม่ได้แย่มากขนาดนั้นหรอก เรายังใช้ชีวิตที่เรากำหนดวันเวลาได้ เรายังมีเงินที่แน่นอนจากการใช้ความรู้ความสามารถแลกมา แม้ว่าจะเบื่อกับคนที่เป็นมลพิษในออฟฟิศก็ตาม ถ้าหากโอกาสและเวลายังไม่เหมาะผมเองก็ไม่อยากให้เรารีบร้อนเกินไปนักที่จะลาออกจากการเป็นพนักงานออฟฟิศ
โฆษณา