16 ส.ค. 2020 เวลา 09:56 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
การฝังชิปในมนุษย์ อนาคตข้างหน้าที่อาจเกิดขึ้น
ปัจจุบันมีคนสวีเดนฝั่งไมโครชิปในร่างกายแล้วเกือบ 4000 คน ชิปที่มีขนาดเล็กประมาณเมล็ดข้าวสารเริ่มทำการฝั่งในร่างกายที่มือระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เริ่มในปี 2015 ซึ่งจะให้ความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเหมือนกับการเจาะหู สำหรับคนสวีเดนก็เริ่มจะเกือบเป็นสังคมไร้เงินสดโดยใช้การสแกนชิปในการชำระสินค้าและบริการ
แม้การฝังไมโครชิปจะไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเริ่มปรากฏขึ้นครั้งแรกตั้งแต่เมื่อปี 2006 โดยบริษัทรักษาความปลอดภัยชื่อ ซิตี้วอตเชอร์ในสหรัฐ ประเดิมฝังชิป RFID เข้าไปในตัวพนักงาน 2 ราย เพื่อทดลองระบบการระบุตัวตน ในการควบคุมการเข้าถึงห้องเก็บข้อมูลสำคัญต่างๆ แต่ความเคลื่อนไหวของเอกชนในการทดลองฝังไมโครชิปให้พนักงานเริ่มเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้
ข้อดีของเทคโนโลยีการฝั่งชิปในร่างกาย
ด้วยเทคโนโลยีการฝั่งชิปในร่างกายน้ัน ในอนาคตเราอาจไม่ต้องพกบัตรประชาชน บัตรเอทีเอ็มอีกต่อไป หรือกระทั่งการใช้ขึ้นรถไฟ เครื่องบิน หรือกระทั่งเปิดประตูบ้าน นอกจากนี้ยังใช้สำหรับเชื่อมต่อฐานข้อมูลหรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ได้สะดวกยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องพกบัตรหรือกรอกรหัสพาสเวิร์ค อีกทั้งถ้าร่วมกับเทคโนโลยี การสแกนม่านตา จะเป็นการยกระดับความปลอดภัยได้อย่างสูง
ข้อควรระวังของเทคโนโลยีการฝั่งชิปในร่างกาย
ความไว้วางใจในระบบ ซึ่งชาวสวีเดนเชื่อใจในรัฐบาลของเขาอย่างมาก จึงมีการสมัครใจฝั่งชิปลงบนร่างกาย แต่ถ้าระบบถูกเจาะได้จะทำให้เกิดอันตรายต่อข้อมูลส่วนตัวของเรา
แม้การฝังชิปในตัวมนุษย์จะเปิดทางไปยังนวัตกรรมต่างๆ และโลกที่ไร้เอกสาร แต่ก็อาจเป็นช่องทางสู่การละเมิดความเป็นส่วนตัวได้ หรือการที่รัฐบาลหรือหน่วยงานใดตั้งใจจะต้องการรู้ข้อมูลเรา ก็จะทำการแฮงค์ไมโครชิปในตัวเราจะรู้ทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงิน หรือ GPS ที่ติดไว้จะบอกเลยว่าเราไปที่ไหนมาบ้าง ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมาก
ไมเคิล ซิมเมอร์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยนโยบายข้อมูล จากมหาวิทยาลัย วิสคอนซิน-มิลวอกี เปิดเผยว่า ชิปที่ถูกฝังเข้าไปในร่างกายมนุษย์แตกต่างจากเทคโนโลยีอื่นๆ เพราะผู้ใช้งานสามารถควบคุมได้น้อยกว่า
โฆษณา