Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Sriphat Medical Center
•
ติดตาม
21 ส.ค. 2020 เวลา 05:00 • สุขภาพ
หลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตัน อาการสำคัญของเลือดไปเลี้ยงบริเวณแขนขา
Cr. Sriphat Medical Center
หลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตัน พบว่ามีความสัมพันธ์กับภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง
ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ผู้ป่วยจะมีอาการขาขาดเลือดเข้าขั้นวิกฤติ
จนทำให้เกิดเนื้อตาย และมีโอกาสที่จะสูญเสียขาได้มากถึง 30%
ผศ.นพ.สารนาถ ออรพินท์ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหลอดเลือด
อธิบายว่า “ ภาวะหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตัน ” เป็นภาวะที่พบได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis)
ทำให้มีการตีบตันของหลอดเลือดแดงส่วนปลายที่ไปเลี้ยงแขนและขา
รวมทั้งไม่สามารถคลำชีพจรได้ เกิดอาการแขนขาขาดเลือดเรื้อรัง
หรือบางรายอาจรุนแรงจนสูญเสียอวัยวะได้ โดยอาการแสดงจะขึ้นกับความรุนแรงของระดับการอุดตัน
ใครบ้างที่เป็นกลุ่มเสี่ยง
โรคนี้พบได้ในกลุ่มเสี่ยงคล้ายกับกลุ่มเสี่ยงของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง
คือ ผู้ป่วยสูงอายุ ที่อายุมากกว่า 65 ปี , ผู้สูบบุหรี่หรือมีประวัติการสูบบุหรี่ ,
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน , ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง , ผู้ป่วยโรคไขมันในเลือดสูง
และผู้มีประวัติโรคเลือดแข็งตัวง่ายผิดปกติ (Hypercoagulable state)
หรือผู้ป่วยโรคในกลุ่มของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective tissue disease )
เช่น โรคเอสแอลอี (SLE) , ภาวะที่มีการหนาและแข็งตัวขึ้นของผิวหนัง (Scleroderma) เป็นต้น
อาการบ่งชี้ของภาวะหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตันและแนวทางการรักษา
ผศ.นพ.สารนาถ อธิบายว่า อาการแสดงของภาวะหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตัน
สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม โดยการรักษาจะขึ้นกับระดับความรุนแรงของอาการแสดง ดังนี้
① กลุ่มไม่แสดงอาการ (Asymptomatic)
ผู้ป่วยจะมีการตีบของหลอดเลือดแดงส่วนปลายเล็กน้อย
หรือบางรายมีการสร้างหลอดเลือดแดงฝอยทดแทนหลอดเลือดที่อุดตันได้เพียงพอ
โดยจะไม่มีอาการแสดงชัดเจน แต่มักตรวจพบชีพจรแขน-ขา ผิดปกติ
ในขณะที่มารับการรักษาด้วยโรคทางหลอดเลือดอื่นๆ เช่น หลอดเลือดหัวใจ
หลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยบางรายอาจมีลักษณะของแขนขาขาดเลือดเรื้อรัง
เช่น ผิวหนังบาง ผิวหนังแห้งหรือมัน ผิวคล้ำลง ขนร่วง หรือเล็บผิดรูป
ในบางรายอาจสังเกตได้ว่ากล้ามเนื้อน่องลีบเล็กลง
✥ การรักษาสำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้
แนะนำให้ปรึกษาแพทย์อายุรกรรมโรคหัวใจและโรคสมอง เพื่อตรวจหาความเสี่ยงของโรคหลอดเลือด
และควรเข้ารับการรักษาเพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงของโรค (Risk factormanagement)
เช่น การตรวจและควบคุมระดับความดันโลหิต เบาหวาน ไขมันในเลือด
รวมทั้งการรับประทานยาต้านเกร็ดเลือด ซึ่งพบว่าช่วยชะลออาการของโรคได้
② กลุ่มอาการปวดขา (Claudication)
ผู้ป่วยที่มีอาการขาดเลือดรุนแรงมากขึ้น นอกจากจะคลำชีพจรแขน-ขาไม่ได้แล้ว
จะเริ่มแสดงอาการปวดขา โดยจะมีลักษณะเฉพาะ คือ ลักษณะการปวดเหมือนตะคริว บางรายปวดแน่น บีบ , ตำแหน่งการปวด มักปวดกล้ามเนื้อมัดใหญ่
เช่น สะโพก น่อง ความสัมพันธ์ของการปวด จะสัมพันธ์กับการเดิน
เช่น ปวดเมื่อเดินได้ระยะทางหนึ่งเสมอๆ , ปวดจนต้องหยุดเดิน ,
เมื่อหยุดสักครู่จะสามารถกลับมาเดินต่อได้ , การเดินไม่สัมพันธ์กับท่าทาง
ส่วนลักษณะร่วม คือ ตรวจพบลักษณะผิวหนังขาดเลือด
เนื่องจากอาการปวดขาจะพบได้ในผู้สูงอายุที่มีภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง
ทำให้หลายครั้งเกิดการสับสนกับภาวะปวดหลังร้าวลงขาจากกระดูกทับเส้นประสาท (Sciatica pain) ที่พบบ่อยในผู้สูงอายุเช่นกัน
✥ การรักษาผู้ป่วยกลุ่มอาการนี้ นอกจากจะควบคุมปัจจัยเสี่ยงแล้ว
ผู้ป่วยกลุ่มนี้ควรกระตุ้นการเดินออกกำลังกาย เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงต่อการขาดเลือด
ช่วยให้เดินได้ไกลมากขึ้น ชะลอการดำเนินโรคสู่ระยะต่อไป
โดยการเดินแนะนำให้เดินออกกำลังอย่างน้อย 45 นาที สัปดาห์ละ 3-5 วัน
โดยทุกครั้งแนะนำให้เดินให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ จนมีอาการปวดขาแล้วพัก
หลังจากนั้นให้เริ่มต้นเดินใหม่อีกครั้ง ทำสลับไปเรื่อยๆ จนครบระยะเวลาที่กำหนด
นอกจากนี้ยังมียาที่ช่วยเพิ่มระยะการเดินได้ แต่ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากมีผลข้างเคียงต่อระบบหัวใจ
③ กลุ่มอาการขาขาดเลือดขั้นวิกฤต (Critical Limb Ischemia)
ผู้ป่วยจะมีอาการขาดเลือดขั้นรุนแรงจนทำให้เกิดอาการปวดมาก
บางรายจะเริ่มด้วยการปวดเวลากลางคืน (Night pain) จากนั้นจะมีอาการปวดตลอดเวลาแม้อยู่เฉยๆ (Rest pain)
หากการขาดเลือดดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จะทำให้เกิดเนื้อตายจากการขาดเลือด (Gangrene)
หรือแผลขาดเลือด (Ischemic Ulcer) ได้
ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม มีโอกาสที่จะสูญเสียขาได้มากถึง 30% ใน 1 ปี
✥ การรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้จำเป็นต้องรักษาภาวะการอุดตันของหลอดเลือด
เนื่องจากหากทิ้งไว้มีโอกาสสูญเสียอวัยวะได้ 30-40% ใน 1 ปี
ต้องทำการตรวจ CT scan หรือ Duplex ultrasound
เพิ่มเติมและพิจารณาการรักษา ซึ่งปัจจุบันมีทางเลือกหลายแบบ
ทั้งการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหรือบายพาส (Surgical bypass )
หรือใช้วิธีการขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูน (Balloon Angioplasty)
ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับลักษณะและความรุนแรงของการตีบตันของหลอดเลือด
บทความเรื่อง ภาวะหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตัน
sriphat.med.cmu.ac.th
Sriphat Medical Center |
สามารถติดตามช่องทางเพิ่มเติมได้ที่
• Call center : 0-5393-6900-1
• LINE Official :
https://lin.ee/h3Wxyp3
• Facebook :
https://bit.ly/2Kid6X9
• Youtube :
https://bit.ly/3anQsH6
• Twitter :
https://bit.ly/3eACDJ2
• Instagram:
https://bit.ly/2VnrTGo
• Blockdit :
https://bit.ly/2VqvL9D
• Website:
http://sriphat.med.cmu.ac.th/
บันทึก
4
2
4
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย