ความเห็นต่างที่อาจกลายเป็นความแตกแยก
ในช่วงนี้มีความน่ากังวลหลายอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมโลก มีการประท้วงและไม่พอใจจากประชาชนเกิดขึ้นในหลายๆประเทศ ไม่เฉพาะประเทศไทย
สาเหตุ หลากหลาย
ความย้อนแย้ง ฉ้อฉลของวิธีการที่ใช้ในระบอบการปกครอง เช่นที่ฮ่องกง, ไทย และล่าสุด เบลารุส
ความไม่พอใจในการตัดสินใจ ไม่มั่นใจในการบริหารของรัฐบาล ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากวิกฤต Covid-19 เช่น ที่ เซอร์เบีย, อิสราเอล, เยอรมัน, เกาหลีใต้ หรือ ญี่ปุ่นฯลฯ
การประท้วงสิทธิของพลเมืองผิวสีในสหรัฐอเมริกา
การลุกลามต่อเนื่องของการประท้วงในรอบโลก บอกอะไรเรา
ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าการที่โลกแคบลง เหตุการณ์ที่นี่ อีกซีกโลกก็รับรู้นี่แหละ ที่เปลี่ยนโลก
เมื่อยอดจ่ายภาษีของเราพอๆกับต่างประเทศ ทำไมคุณภาพสาธารณูปโภคถึงดูต่ำกว่า
ทำไมคนเชื้อชาติเราถึงถูกเหยียดหยาม กฎหมายถูกบังคับใช้ไม่เท่ากัน
ข้อมูลมากมายมหาศาลทั้งเรื่องจริงและเท็จนี่แหละ ที่ทำให้การกดหัว การยกตน แอบอ้างบุญคุณ การล่อหลอก ปลอมแปลง และการปกครอง ทำได้ยากขึ้น (ไม่ใช่ทำไม่ได้)
ในประเทศเรา บรรยากาศการประท้วงกำลังคุกรุ่น
ใน Social Media ตอนนี้สังคมเริ่มเป็น 2 ฝ่ายชัดเจน
ฝั่งที่เรียกตนเองว่าประชาธิปไตย มั่นใจว่าตัวเองจะชนะ
ฝั่งที่เรียกตนเองว่าผู้จงรักภักดีเอง ก็ไม่คิดว่าฝั่งตนเองจะแพ้
ที่ตลกที่สุดคือ แต่ละฝ่ายเชื่อมั่นว่าตัวเองมีคนเยอะกว่ามาก อีกฝั่งนั้นส่วนน้อย ทำให้ไม่ยอมรับความเห็นของอีกฝ่าย
การโต้เถียงเป็นทำนองว่า
"เอ็งมันเด็ก เอ็งไม่รู้เรื่อง เอ็งมันถูกเค้าล้างสมอง"
"ลุงแมร่งแก่หงำเหงือก ไดโนเสาร์ โดนหลอกมาจนจะตายแล้วยังไม่รู้เรื่องอีก"
สิ่งนี้น่ากลัว
ที่น่ากลัวที่สุด คือผู้ปกครองประเทศปัจจุบัน ยังคิดแบบนี้ ยังต้องการให้เป็นแบบนี้
สิ่งนี้น่ากลัวจริงๆ
ถ้ายังไม่สามารถหันหน้ามาคุยกันบนพื้นฐานของการมองไปในอนาคตได้ ก็น่าห่วง
น่าห่วงมากจริงๆ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
