แต่ต้องถึงกับอยู่นอกโลกคอร์ปอเรท เลยเชียวหรือ...
ถ้าผมยังอยู่ที่เดิม...เป็นผู้บริหารองค์กรใหญ่ ผมคงยังสุขสบายดีอยู่แน่นอน แต่เวลาส่วนใหญ่ ผมจะถูกใช้ไปในเรื่องของการพยายามปกป้อง รักษา ฐานที่มั่นเดิมเอาไว้ ผมไม่มีเวลามานั่งคิด ได้ทดลอง และลงมือทำ สิ่งที่จะดำรงอยู่ได้ในโลกใหม่หรอก คงง่วนอยู่กับการทำตัวเลขให้ถึงเป้า ได้ KPI ในโลกเดิมซะมากกว่า
สุดท้าย ผมคงเกษียณอายุ หมดวาระ และ “ตกยุค” ตามวัฏจักร
หากผมสละฐานที่มั่น ผมมีโอกาสใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมา หาความเหมาะสมในการใช้ความรู้ และประสบการณ์ ทดลอง ปรับเปลี่ยนและพลิกแพลง เพื่อให้สอดคล้องกับโลกยุคใหม่
แทนที่จะ “ตกยุค” ผมมีโอกาสที่จะก้าวหน้าในโลกใหม่ได้
หากเปรียบกับเกมฟุตบอล
การพยายามรักษาฐานที่มั่น ก็ไม่ต่างกับการเล่นเกมรับ พยายามปกป้องประตูทุกวิถีทาง มันเป็นการรอวัน “โดน” อย่างเดียว เมื่อพลาด “โดน” จริง ๆ ก็ต้องจอด หมดทางไปต่อ ที่เหลือเป็นประวัติศาสตร์ไป
ในทางกลับกัน การสละฐานที่มั่น เปรียบเหมือนการเล่นเกมรุก ที่ส่วนใหญ่อาจเจาะไม่เข้า ต้องลองหลายวิธี เปลี่ยนไปตามสภาวะ บ่อยครั้งอาจไม่สำเร็จ
แต่หากสำเร็จ เจาะเข้า ก่อเกิดเป็นปัญญา เปิดวิสัยทัศน์ให้เห็นทางใหม่ ที่ทอดยาวอันแสนไกล ตามแต่ที่จินตนาการและกำลังจะพาไป
การกลัว “ตกยุค” นี่แหละครับ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนผม
ในวันนี้ อาจยังไม่สามารถยิงประตูได้ แต่เชื่อมั่น และมั่นใจว่า ตราบเมื่อสกอร์ได้เมื่อไร ผมคงจะไม่ “ตกยุค” ไปตามกาลเวลา
แต่...สามารถต่ออายุ ร่วมเส้นทางกับคนรุ่นใหม่ได้อย่างมี “คุณค่า” โดยไม่เคอะเขิน