Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ล้มยักษ์
•
ติดตาม
28 ส.ค. 2020 เวลา 04:00 • ธุรกิจ
ตอนที่ 7: Startup Gen X
ผจญภัยมากว่า 5 ปี เจอมาทุกรูปแบบ
ต้องบอกว่า ยังอยู่ดีอยู่ครับ ยังไหวอยู่ เพียงแต่ภารกิจรัดตัวทั้งงานที่ปรึกษา งานกรรมการ และไหนจะงาน Startup ที่พยายามให้ตั้งไข่อยู่ เลยต้องบริหารเวลาให้ดีนิดนึง
จริง ๆ ตอนนี้ความท้าทายต่าง ๆ ก็ยังไม่ได้คลี่คลายซะทีเดียวหรอกครับ แต่มันคงอยู่กับมันไปให้ได้นั่นแหละ จนกว่าทุกอย่างจะลงตัว ก็คงไม่ต่างกับโรคภูมิแพ้ที่ติดตัวมาตั้งแต่ไหนไม่ทราบได้ อากาศเปลี่ยนนิดเดียว ร่างกายทำตัวเป็นเสมือนเทอร์โมมิเตอร์เลย มีอาการตอบสนองเข้ามาทันที นี่ก็เพิ่งหายจากอาการหวัดซมไป 2-3 วัน
แปลกมากเลยคือ หากช่วงไหนไปเมืองนอก ไม่ว่าอากาศจะหนาวหรือร้อนอย่างไร ผมไม่เคยป่วยที่เมืองนอกเลย แต่กลับมาเมืองไทย อากาศเปลี่ยนปุ๊บ มีอาการทันที คุณหมอประจำตัวบอกว่า ถ้าคุณอยากหาย ไม่ทานยา ง่ายนิดเดียว ย้ายไปอยู่เมืองนอก สบายทันที
แต่...ชีวิตไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ ยังไงเราเป็นคนไทย คงต้องอยู่เมืองไทยต่อไป ถึงแม้จะมีปัญหาสุขภาพที่ดันทำตัวเป็นคนตะวันตกหัวทอง ก็ต้องทนกันต่อไป ปรับตัว ปรับไลฟ์สไตล์ กันไป เพื่อที่จะมีแรงต่อสู้กับความท้าทายต่าง ๆ ในชีวิต Startup กันต่อไป
คิดแบบนี้ได้ ผมจึงมองปัญหาและความท้าทายของ Startup เป็นเหมือนโรคภูมิแพ้ มันก็มา ๆ ไป ๆ อย่างนี้แหละ ปรับตัว ปรับความคิด หาทางออก กันไปตามจังหวะและเวลา แก้กันไปทีละเปลาะ และหาทางสร้างภูมิคุ้มกันอยู่เรื่อย ๆ แล้วเราก็จะอยู่กับมันได้
หลังจากทำตัวเป็น Startup มาพักใหญ่ ๆ ผมสังเกตเห็นว่า ไอ้ความคิดของเราเวลาทำธุรกิจนี่ มันก็ไม่ค่อยเหมือนแนวคิดของเด็กรุ่นใหม่ที่ริเริ่มทำธุรกิจสักเท่าไร หันมาเมียงมองหนังสือ How to สำหรับ Start-up ยิ่งแล้วใหญ่ ทำไมเราถึงคิดไม่ค่อยเหมือนเขากันนะ
Start-up ส่วนใหญ่จะพูดกันแต่แค่ Business Model มีบ้างที่ขยับกันไปคิดถึง Scale บ้าง ไม่ต้องพูดถึง Revenue Model กันเลย
เป็นไปได้ไง...คิดแต่จะหาลูกค้ากันอย่างเดียว แต่ไม่รู้ว่าธุรกิจของตัวจะทำเงินได้อย่างไร คิดแค่ว่าสร้างฐานลูกค้าให้ได้ก่อน แล้วค่อยไปหาเงินฟรีจากนักลงทุนมาเผากันใหม่ ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็จะเอาเข้าตลาด หรือขายให้กับบริษัทใหญ่ รวยกันถ้วนหน้า สามารถรีไทร์กันตั้งแต่ยังไม่ 40 กัน
โถ โถ โถ...ผมว่าสูตรนั้นมันใช้ได้ตอนสมัยเงินมันเหลือเยอะ ตอนนี้สภาพคล่องหายไปเยอะ คงไม่มีคนเอาเงินมาถมกันง่าย ๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตำราที่อ่านกันมา 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่แน่ใจว่ายังจะใช้ได้อยู่
แต่พอเข้าใจได้ว่าทำไมเด็กรุ่นหลังถึงคิดเช่นนี้ ชีวิตเขาเพิ่งเริ่ม ต้นทุนยังไม่สูง ล้มแล้ว ก็ลุกเริ่มต้นใหม่ ตราบใจที่ล้มโดยไม่ได้ใช้เงินตัวเองมากไป ก็คงไม่เดือดร้อนมาก มีเวลาเริ่มต้นใหม่ ความล้มเหลวก็เอาเป็นบทเรียน เข้าทำนอง บาดแผลเยอะ ก็น่าจะฉลาดล้ำ
อนิจจา...ไอ้ผมมันคน Gen X ที่ริอ่านจะมาทำตัวเป็น Startup ในช่วงอายุที่เพื่อน ๆ หลายคนเริ่มมองหาทางลง วางแผนรีไทร์กันแล้ว ตลอดชีวิตก็เป็นลูกจ้าง บริหารงานให้คนอื่น ใช้เงินคนอื่น แต่ดูแลอย่างกับเงินตัวเอง คิดอย่างกับเราเป็นเจ้าของเงินเสียเอง
บทเรียนชีวิตที่ล้ำค่าที่สุดคือ ไม่มีอะไรฟรี ไม่มีอะไร ได้มาง่าย ๆ
ดังนั้น จะคิดอ่านทำอะไร จึงต้องคิดให้รอบด้าน คิดให้ไกลที่สุด ใช้เงินคนอื่นเท่าที่จำเป็น และเงินทุกชนิดมีต้นทุนทั้งนั้น เวลาคิดแผนจึงต้องคิดให้ทะลุไปจนถึงวิธีหารายได้ ใครกันที่จะมาจ่ายเงินใช้บริการของเรา แล้วจะกำไรเมื่อไร
ก็ไม่รู้สินะ ว่าอาจเป็นเพราะโตมากับวัฒนธรรมการทำงานแบบ Gen X หรือว่ากลัวล้มแล้วจะไม่มีแรงไปต่อก็ไม่ทราบ แต่ถือคติอย่างเดียวว่า โชคไม่เคยเข้าข้างคนที่ไม่ได้คิดและเตรียมการล่วงหน้า
เมื่ออยากมีโชค จึงต้องคิดให้หนัก ทำให้เยอะ แล้วสักวันโชคคงอยู่ข้างเดียวกับเรา...
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย