19 ส.ค. 2020 เวลา 07:28 • กีฬา
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ชนะ แอร์เบ ไลป์ซิก 3-0 แบบสวยหรู เข้ารอบชิงชนะเลิศ ในศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก เป็นสมัยแรกในรอบ 25 ปี
ผลการแข่งขันระหว่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง กับ ไลป์ซิก เป็นไปตามคาด โดย มาร์ควินญอส เป็นผู้ทำประตูแรกให้ เปแอสเฌ ตั้งแต่ไก่โห่ นาทีที่ 13 ตามมาด้วย อังเคล ดิ มาเรีย นาทีที่ 42 และ ฆวน เบร์นาต นาทีที่ 56 ทะลุเข้ารอบชิงสำเร็จ นำความยินดีปรีดากระโดดโลดเต้นกันทั้งทีม
งานนี้ จูเลี่ยน นาเกิ้ลส์มันน์ กุนซือสมองเลิศ ของ ไลป์ซิก ปรับแผนจากเดิมที่เคยใช้ 4-2-3-1 มาเป็น 3-4-2-1 ในจังหวะครองบอล และยืนในระบบ 4-5-1 เวลาไม่มีบอล โดยใช้ทีมชุดเดิมที่เคยถล่มพลิกล็อค แอต มาดริด ผ่านเข้ารอบรองฯ แชมป์เปี้ยนส์ ลีก มาได้ โดยปรับตำแหน่งเดียวคือให้ นอร์ดี้ มูคิเอเล่ ลงเป็นตัวจริงแทน มาร์เซล ฮัลชเตนแบร์ก
ส่วน โธมัส ทูเคิ่ล มาในระบบ 4-3-3 มีแดนหน้าหัวหอกเป็น 3 ประสานชุดเก่งประจำทีม อังเคล ดิ มาเรีย, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และ เนย์มาร์ ส่วนแนวรับจากขวาไปซ้ายเป็น ธิโล เคห์เรอร์, ติอาโก้ ซิลวา, เพรสแนล คิมเพมเบ้ และ ฆวน เบร์นาต และให้ มาร์ควินญอส รับหน้าที่มิดฟิลด์ตัวรับ ขนาบด้วย อันเดร์ เอร์เรร่า กับ เลอันโดร ปาเรเดส
สำหรับทีมเมืองน้ำหอม ทุกอย่างดูลงตัว ลูกทีมที่เคยโกงความตายมาแต่ครั้งพบ อตาลันต้า ยังอยู่ครบ โดยเฉพาะ มาร์ควินญอส ตัวนำโชคเกมที่แล้ว และตัวสำรองบนม้านั่งอย่าง เอริก มักซิม ชูโป-โมติง ซึ่งกลายเป็นฮีโร่ซัดประตูชัยระยะเผาขน ทำให้สโมสรอันดับหนึ่งแห่งฝรั่งเศสเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายมาได้แบบโล่งอกโล่งใจ ก็ยังมานั่งรอเหมือนเดิม
.
หากใครได้ดูไลป์ซิกเล่นเกมนี้ จะรู้สึกได้ว่าเหมือนมวยคนละชั้น เมื่อมาเจอกับผู้เล่นอย่าง เปแอสเฌ ทั้งวิธีการปรับเปลี่ยนวางแผน และตัวผู้เล่นซึ่งมีประสบการณ์และจินตนาการต่างกัน
การเล่นถ้วยใหญ่ในรอบแพ้คัดออกแบบนี้ ต่างกันมากกับการเล่นบอลนัดเหย้านัดเยือนในลีกปกติ ความผิดพลาดลนลานนิดๆ หน่อยกันเองของผู้เล่น ที่ส่งบอลไม่ตรงบ้าง ต่อบอลไม่ถึงเพื่อนบ้าง ของลูกทีมจูเลี่ยน ส่งผลเสียให้กับ ทีมไลป์ซิกมหาศาล ตลอดทั้งเกมทีมม้ามืด ทำอะไรฝ่ายเปแอสเฌที่รอโอกาสสับไกสวนกลับอยู่ตลอดเวลาไม่ได้เลย ทำให้ดูเหมือนว่า ยิ่งเล่น ยิ่งดรอปโอกาสให้หลุดลอย กลายเป็นยกประตูถวายทูเคิ่ลไปงามๆ ทั้ง 3 เม็ด
หลังจากเสียลูกที่ 2 จากความผิดพลาดของ ปีเตอร์ กูลาชี่ นายทวารไลป์ซิก จ่ายบอลเรียดไปหน้าเขตโทษ แต่ปาเรเดส ล้มตัวดักทางถูก เปิดบอลไปหน้าประตู เนย์มาร์ ขยับเข้าใส่ แล้วไขว้หลังส่งต่อให้ ดิ มาเรีย ทันที ซึ่งฝ่ายหลังก็แม่นยำสมใจ ยิงด้วยซ้ายเข้าประตูไปแบบสบายๆ ทำให้ฝ่ายทีมเยอรมันดูร้อนใจ นาทีที่ 46 ขอเปลี่ยนตัว คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ออก ให้ เอมิล ฟอร์สเบิร์ก ลง และเปลี่ยน ดานี่ โอลโม่ ไปเก็บ เอา แพทริก ชีค ลงมาใช้งาน แต่ก็ไม่สามารถกู้หน้าคืนได้ จนเสียประตูที่ 3 เข้าอีกจนได้ ทำให้นาทีที่ 62 ไลป์ซิก ส่ง มาร์เซล ฮัลชเตนแบร์ก ลงมาแทน ไลเมอร์ ตามด้วย ไทเลอร์ อดัมส์ ฮีโร่จากรอบก่อนรองฯ ลงแทน คัมเพิ่ล ใน 2 นาทีต่อมา แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้ช่วยให้รูปเกมดีขึ้น
ในช่วงท้ายเกม ไลป์ซิก ส่งตัวสำรองคนสุดท้าย วิลลี่ ออร์บาน ลงแทน คลอสเตอร์มันน์ หวังกอบกู้สถานการณ์ แต่ไม่มีผลอะไรกับเกม
ส่วน เปแอสเฌ ทยอยเปลี่ยนตัวสำรองลงไป 4 คน นับจากนาที 83,86,87 โดยไล่จาก มาร์โก แวร์รัตติ แทน เอร์เรร่า, ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ แทน ปาเรเดส, เอริก มักซิม ชูโป-โมติง แทนที่ เอ็มบั๊ปเป้ และ ปาโบล ซาราเบีย แทน ดิ มาเรีย
หากพูดกันถึงชื่อชั้นของทีม ไลป์ซิก ดูเป็นรอง เปแอสเฌ ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ผลออกมาแบบนี้ ก็น่าจะพอภาคภูมิใจที่ได้ฝ่าฝันมาถึงรอบนี้
มองกลับมาที่ลูกทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล เกมนี้เล่นได้ดี โดยเฉพาะ อังเคล ดิ มาเรีย "แมน ออฟ เดอะ แมตช์" โชว์ผลงานยอดเยี่ยม จ่าย 2 ยิง 1 เนย์มาร์ และ เอ็มบัปเป้ ก็ใช่ย่อย สามัคคีกันดีมาก แม้ว่า เอ็มบัปเป้ จะมองดูไม่ค่อยมีบทบาท และยิงประตูวันนี้ไม่แม่นยำ แต่ถึงจะยิงไม่เข้าทั้งสองคน ทำให้ไม่มีชื่อโชว์บนสกอร์ แต่ก็มองเห็นถึงความสอดคล้องร่วมกันกับทีมอย่างชัดเจน
หมดเวลาลงด้วยความสุขของแปเอสเฌ ซึ่งจะเข้าไปรอคู่ โอลิมปิค ลียง และ บาเยิร์น มิวนิค ว่าใครจะผ่านเข้ารอบมาชิงชนะเลิศ
งานนี้คงต้องรอดูว่า จะเป็น ฝรั่งเศส หรือ เยอรมัน กันแน่ที่จะผ่านมาพบ ทีมอันดับหนึ่งแห่งฝรั่งเศสได้
แต่อย่างไรก็ตาม ต้องอย่าลืมว่า แม้เสือใต้จะเก่งจนโลกลือ มี 11 ตัวจริงที่ดีที่สุดทีมหนึ่ง โดยเฉพาะกองกลาง ติอาโก้ อัลกันตารา มือวางเกมอันดับหนึ่ง ที่ใครๆ ก็ยกนิ้วให้ แต่ ลียง ลงเป็นยิง ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน กว่าจะผ่านด่านมาถึงบัดนี้ได้ ลียง ดับฝันทีมใหญ่มานักต่อนัก แต่ส่วนตัวคิดว่ายังไง เสือใต้ คงชนะอยู่ดี แต่จะถึง 4-5 เม็ด หรือเปล่านั้น คงต้องรอชมรอเชียร์
ส่วนเพื่อนๆ คิดว่าปีนี้ใครกันจะได้ชูถ้วยบิ๊กเอียร์ เสือใต้ใช่หรือเปล่า ที่คุณๆ แอบเชียร์!!!
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แอร์เบ ไลป์ซิก
กุนซือ : จูเลี่ยน นาเกิ้ลส์มันน์
(3-4-2-1) : ปีเตอร์ กูลาชี่ - ลูคัส คลอสเตอร์มันน์ (วิลลี่ ออร์บาน น.82), ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, นอร์ดี้ มูคิเอเล่ - คอนราด ไลเมอร์ (มาร์เซล ฮัลสเท่นแบร์ก น.62), มาร์เซล ซาบิตเซอร์, เควิน คัมเพิ่ล (ไทเลอร์ อดัมส์ น.64), อังเคลินโญ่ - คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู (เอมิล ฟอร์สเบิร์ก น.46), ดานี่ โอลโม่ (แพทริก ชีค น.46) - ยุสซุฟ โพลเซ่น
ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
กุนซือ : โธมัส ทูเคิ่ล
(4-3-3) : เซร์คิโอ ริโก้ - ธีโล่ เคห์เรอร์, ติอาโก้ ซิลวา, เพรสเนล คิมเพมเบ้, ฆวน เบร์นาต - เลอันโดร ปาเรเดส (จูเลี่ยน แดร็กซ์เลอร์ น.83), มาร์กินญอส, อันเดร เอร์เรร่า (มาร์โค แวร์รัตติ น.83) - อังเคล ดิ มาเรีย (ปาโบล ซาราเบีย น.87), คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (เอริค แม็กซิม ชูโป-โมติง น.86), เนย์มาร์
ผู้ตัดสิน : บียอร์น ไคเปอร์ส (เนเธอร์แลนด์)
โฆษณา