20 ส.ค. 2020 เวลา 09:58 • สุขภาพ
😵อาการคล้ายกัน แต่คนละโรคกันนะ🤒
โรคชิคุนกุนยา หรือโรคไข้ปวดข้อ มีสาเหตุจากยุงลาย และมีอาการเช่นเดียวกับไข้เลือดออก
ผู้ป่วยจะมีไข้สูงเฉียบพลัน ปวดข้อและกล้ามเนื้อ มีผื่นแดงตามแขนขา ตาแดง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ท้องเสีย
ที่สำคัญคือ ‼️แม่ตั้งครรภ์ที่เป็นโรคชิคุนกุนยาสามารถถ่ายทอดไปยังทารกได้‼️
หลายคนถามว่ามันแตกต่างกันยังไง มาดูกันคะ 🙏
1. โรคชิคุนกุนยา จะไม่มีเกล็ดเลือดต่ำอย่างมากจนมีเลือดออกรุนแรงเหมือนโรคไข้เลือดออก
2. โรคชิคุนกุนยา จะไม่มีผนังเส้นเลือดฝอยผิดปกติอย่างมากจนมีสารน้ำรั่วจากเส้นเลือดอย่างรุนแรง จนความดันโลหิตต่ำ จนช็อค อย่างโรคไข้เลือดออก
3. โรคชิคุนกุนยา จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตอย่างโรคไข้เลือดออก แต่อาจปวดตามข้อทรมาน หลายเดือนได้
⛔การติดต่อของโรคชิคุนกุนยา⛔
ชิคุนกุนยา เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา เป็นเชื้อไวรัสที่อยู่ในตระกูล Togaviridae โดยมียุงลายสวน (Aedes albopictus) และยุงลายบ้าน (Aedes aegypti) เป็นพาหะนำโรค มักระบาดในช่วงฤดูฝน หรือ บริเวณที่มีน้ำขัง ทั้งนี้ยุงลายมักออกหากินช่วงกลางวัน ทำให้เด็กๆ ที่ชอบออกมาเล่นนอกบ้านหรืออยู่ในโรงเรียน เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรค
อย่างไรก็ตามโรคชิคุนกุนยามีความรุนแรงน้อยกว่าโรคไข้เลือดออกมาก ทั้งนี้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อชิคุนกุนยาจะมีไข้สูงขึ้นอย่างเฉียบพลันกว่าโรคไข้เลือดออก และระยะเวลาของไข้ก็สั้นกว่าเพียง 2 วันเท่านั้น ขณะที่ไข้เลือดออก จะเป็นไข้นานถึง 4 วัน ส่วนใหญ่ไม่พบว่าผู้ป่วยโรคชิคุนกุนยาเกิดอาการช็อค เพราะเชื้อชิคุนกุนยาไม่ทำให้ พลาสม่ารั่วออกนอกเส้นเลือด
❌ระยะฟักตัวและอาการของโรค ❌
เชื้อชิคุนกุนยามีระยะฟักตัวของโรค 3-7 วัน หลังจากถูกยุงลายกัด และเมื่อครบระยะฟักตัว อาการจะแสดงออกดังนี้
👉ไข้สูงเฉียบพลัน และอาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียส หลังจากนั้น 2-3 วัน ไข้จะเริ่มลดลง
ปวดข้อและเมื่อยกล้ามเนื้อ มีภาวะข้ออักเสบ โดยพบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก แต่สามารถหายเองได้ใน 2 สัปดาห์ ในผู้ใหญ่ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไปอาจมีภาวะปวดข้อเรื้อรังได้
👉เกิดผื่นแดงตามแขนขาหรือทั่วร่างกาย
👉ตาแดง
👉รับประทานอาหารไม่ได้
👉คลื่นไส้ อาเจียน และปวดศีรษะ
👉อ่อนเพลีย หรืออาจท้องเสีย
♦️การวินิจฉัยโรคชิคุนกุนยา♦️
ตรวจเลือดส่ง PCR Chikungunya
⛔การรักษาโรคชิคุนกุนยา⛔
ปัจจุบันยังไม่มียารักษาไวรัสชิกุนคุนยาโดยเฉพาะ รวมถึงไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่มีวิธีปฏิบัติตัวดังนี้
👉ดื่มน้ำมากๆ ให้เพียงพอ อย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำเด็ดขาด
👉พักผ่อนให้เต็มที่
👉รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่
👉รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
โฆษณา