20 ส.ค. 2020 เวลา 23:00 • ปรัชญา
Connecting The Dots เพราะชีวิตคือการเชื่อมต่อจุด
2
ในตอนเด็ก ๆ เชื่อว่าทุกคนคงต้องเคยผ่านการวาดรูปด้วยการลากเส้นไปตามจุด ตั้งแต่จุดที่ 1 ไปถึงจุดที่ 100 หรือจะไปถึงเลขอะไรก็แล้วแต่
1
สุดท้ายก็จะได้เป็นภาพที่สวยงาม และมีความหมาย
เมื่อโตขึ้นแล้วลองคิดดูดี ๆ ก็จะพบว่า ที่จริงแล้วชีวิตเราก็เหมือนกับการต่อจุดนั่นแหละ
คนเราเกิดมาเป็นกระดาษเปล่า ก่อนที่จะค่อย ๆ สะสม "จุด" ซึ่งก็หมายถึงประสบการณ์ ทั้งดีและไม่ดี
ยิ่งมีจุดมาก ก็มีโอกาสที่จะวาดภาพได้มากและหลากหลาย มีมุมมองที่กว้างกว่าการมีจุดน้อย หรือประสบการณ์น้อย
จุดในชีวิตเรา จะเพิ่มขึ้นทุกครั้งเมื่อเราได้ทดลองทำอะไรใหม่ ๆ ต่างจากที่เคย
ได้เจอคนกลุ่มใหม่ เจอเพื่อนใหม่ ๆ หรือแม้แต่การทำกิจกรรม การออกเดินทาง การท่องเที่ยว หรืออ่านหนังสือ ก็สามารถเพิ่มจุดในชีวิตเราได้
3
เมื่อจุดในชีวิตมากพอ ภาพความสำเร็จจะชัดเจนขึ้นมาเอง
เหมือนที่ Steve Jobs กล่าวไว้ในพิธีจบการศึกษาของมหาวิทยาลัย Stanford เมื่อปี 2005
2
ว่าการเรียนรู้หรือมีประสบการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง เปรียบเสมือน “จุด” หนึ่งจุด
ความสำเร็จในชีวิตมักมาจากการ “เชื่อมโยงจุด” เหล่านั้นเข้าด้วยกัน จนสร้างสรรค์สิ่งที่มีคุณค่าขึ้นมาได้
Steve Jobs บอกว่า “มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะเชื่อมโยงจุดในชีวิตไปได้ล่วงหน้าตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่ แต่ 10 ปีให้หลังเมื่อย้อนมองกลับไป ผมกลับเห็นว่ามันมีความเชื่อมโยงที่ชัดเจนอย่างมาก”
สำหรับบางคนที่ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ท้อแท้ง่าย ผิดหวังง่าย ให้ลองคิดว่าเป็นเพราะเรามีจุดในชีวิตน้อยเกินไป จนยากที่จะต่อเป็นภาพที่ต้องการได้รึเปล่า
อีกประเด็นที่สำคัญก็คือ จุดทั้งหลายในชีวิตเรา แม้มันจะมีทั้งประสบการณ์ที่ดีและไม่ดี แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่จุดหนึ่งจุดเท่านั้น
และชีวิตจริงไม่มีใครมาเขียนตัวเลขกำกับ ว่าเราจะต้องต่อจุดจากไหนไปไหน หรือต่อออกมาเป็นรูปอะไร
เราจะเลือกต่อจุดในชีวิตเป็นภาพที่ดี ที่สวยงามสร้างสรรค์ หรือภาพขยะแขยงน่ากลัว เราต่างเป็นผู้เลือกด้วยตัวเอง
เมื่อชีวิตคือจุดที่เชื่อมต่อกัน จงทุ่มเททำ "วินาทีนี้" ให้ดีที่สุด เพราะเราไม่รู้หรอกว่า จุดเหล่านี้จะพาเราไปได้ไกลถึงไหน
หน้าที่เราคือการสะสมจุดให้มากพอ และหาวิธีเชื่อมโยงจุดในแบบของตัวเอง
โฆษณา