22 ส.ค. 2020 เวลา 02:30 • กีฬา
[ #สิ่งที่ "แม็กไกวร์" ต้องชดใช้ ]
หลายคนกำลังให้ความสนใจเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทที่เกาะมีโคนอส จนทำให้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม
หากเอาตามที่ตำรวจกรีซเล่าเป็นฉากๆต้องยอมรับว่า แม็กไกวร์ คือ 1 ใน 3 ผู้ต้องหาที่ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่
เรื่องเกิดขึ้นที่ไนท์คลับชื่อฟาบริกา บาร์ ในตอนดึกคืนวันพฤหัสบดีที่กำลังจะเข้าสู่เช้าวันศุกร์
แม็กไกวร์ ซึ่งอยู่ในช่วงพักผ่อนช่วงปรีซีซั่น ได้ควงแขน เฟิร์น ฮอว์กิ้นส์ แฟนสาวไปเที่ยวเกาะมีโคนอส สถานที่ยอดนิยมของเหล่าเซเล็บชาวอังกฤษ
คืนก่อนเกิดเหตุยังมีภาพและคลิป แม็กไกวร์ เปลือยท่อนบนนั่งอาบแดดอย่างสบายใจบนโซฟาที่เซนต์อันนา บาร์ ในบรรดาเพื่อนฝูงที่ดื่มกินกันอย่างสนุกนั้นมี มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เบรนดอน วิลเลี่ยมส์ รุ่นน้องเพื่อนร่วมทีมแมนฯยูไนเต็ดรวมอยู่ด้วย
นอกจากนี้ยังมีซูเปอร์สตาร์ดังทางจอทีวี คริส ฮิวจ์ส และ จัดด์ ทรัมป์ นักสนุกเกอร์มือ 1 ของโลกร่วมวงด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นการฉลองวันเกิดครบ 31 ปีของมือสอยคิวชื่อดังด้วย
นั่นคือช่วงวันพุธ จากนั้นวันพฤหัสบดีคาดว่า แม็กไกวร์ จะแยกจากกลุ่มเซเล็บดังกล่าว แล้วไปตระเวนราตรีที่ฟาบริกา บาร์กับเพื่อนสนิทที่บินไปด้วยกัน รวมถึง โจ แม็กไกวร์ พี่ชายแท้ๆด้วย
ระหว่างที่ดื่มกันอย่างสนุกสนาน พร้อมตะโกนเสียงดังโหวกเหวกด้วยความมึนเมาและดูเหมือนกำลังจะมีปัญหากับนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษอีกกลุ่ม เจ้าหน้าที่ตำรวจที่คุมเชิงดูแลความเรียบร้อย เห็นสถานการณ์ไม่ดีนัก จึงเข้ามาปรามก่อนเหตุการณ์จะบานปลาย
ปรากฏว่ากลุ่มของกัปตันทีมแมนฯยูไนเต็ดไม่พอใจอย่างมาก บวกกับสติที่เริ่มเลือนเรื่อยๆ เลยใช้วาจาหยาบคายด่าตำรวจสารพัด มันเป็นการเหยียดด้วยคำพูด เข้าข่ายความผิดหมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่ เลยต้องมีการตักเตือนด้วยท่าทางขึงขังจริงจัง
นั่นยิ่งสร้างความเกรี้ยวกราดให้กับเพื่อนแม็กไกวร์คนหนึ่ง เลยจัดการสาวหมัดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น
แน่นอนเมื่อคนแรกเปิดด้วยการออกอาวุธอย่างนั้นใส่ตำรวจ ความวุ่นวายชุลมุนก็เกิดขึ้นตามมา เจ้าหน้าที่หลายคนกรูเข้าหา ก่อนทั้ง 3 คนที่เหมือนเป็นชนวนต้นเหตุจะโดนรวบตัว
อย่างไรก็ตามแม็กไกวร์และพี่ชายที่โดนควบคุมตัว ได้ขัดขืนไม่ยอมให้จับง่ายๆ หนึ่งในนั้นฉวยจังหวะเหวี่ยงตำรวจนายหนึ่งลงไปกองกับพื้นและทำร้ายร่างกายซ้ำทันที โดยมีเตะอย่างไม่ยั้งอีกต่างหาก
ความผิดขนาดนี้ทั้งหมดจึงถูกฝากขังไว้ที่สถานีตำรวจมีโคนอส ก่อนจะต้องไปรายงานตัวให้ปากคำกับอัยการที่เกาะซีรอส ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 30 ไมล์
BBC ของแมนเชสเตอร์รายงานว่า คดีนี้มีทั้งหมิ่นประมาท ใช้วาจาหยาบคายกับเจ้าหน้าที่ ทำร้ายร่างกายอีกด้วย ขัดขืนการจับกุมและที่ร้ายไปกว่านั้นคือเจออีกกระทงคือพยายามติดสินบนเพื่อให้ตัวเองรอดโทษ
นอกจากนี้ในรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งจากที่มีการสืบพยานแล้ว คดีทำร้ายร่างกายน่าจะหนักสุด เพราะถึงขั้นระบุไว้ด้วยว่าอันตราย อาจทำให้อาการสาหัสได้
เรื่องนี้ทางแมนฯยูไนเต็ดต้องออกมาแถลงเบื้องต้น นี่คือนักเตะคนสำคัญและเป็นถึงกัปตันทีมคงนิ่งเฉยไม่ได้แน่
อย่างไรก็ตามบอกแบบรวบรัดว่าได้ติดต่อกับนักเตะเรียบร้อย มีการพูดคุยกันอย่างดี แต่ต้องรอรายละเอียดมากกว่านี้ถึงจะแจกแจงเพิ่มได้
ขณะเดียวกันทนายของแม็กไกวร์ เริ่มเดินเรื่องให้ลูกความชื่อดังแล้ว โดยตอบโต้ว่าไม่มีเรื่องการตัดสินบนทั้งสิ้น เป็นการเข้าใจผิดกันและไม่มีทางที่จะติดคุกถึง 3 ปีอย่างที่สื่อไปขยายความ
ส่วน แม็กไกวร์ เองได้ให้การเสร็จสรรพและปฏิเสธเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ขณะที่เคสทำร้ายร่างกายไม่ขอออกความเห็นอะไรทั้งสิ้น ประโยคที่ว่า "กลัวเสียรูปคดี" ยังใช้ได้ในกรณีแบบนี้เสมอ
แต่ที่แน่นอนคือทั้งสามคนต้องโดนฝากขังหรือนอนในคุกเป็นคืนที่สอง
ถ้าให้ประเมินกันจากข้อมูลที่สื่อต่างๆรายงานมา คาดว่างานนี้อาจหนักหนาสาหัสกว่าที่เกิดเหตุวิวาทปกติ
เพราะคดีเกิดขึ้นนอกประเทศอังกฤษไม่พอ แถมยังถึงขั้นทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างรุนแรงอีกด้วย
จากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นกับ แม็กไกวร์ บ้างคงต้องจับตาดูกัน
"นักเตะคนไหนก็ตามที่ได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมจะต้องแสดงความรับผิดชอบมากกว่าเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ไม่ใช่แค่เรื่องการทำงานหนักเท่านั้น แต่ต้องรู้จักการปกป้องสโมสรด้วย"
"เวลาผมจะมอบปลอกแขนกัปตันทีมให้ใคร จะพิจารณาจากหลายปัจจัยด้วยกันและไม่แคร์เลยหากอยากจะปรึกษาเรื่องแท็คติกกับพวกเขา แต่เท่าที่สังเกตได้คือกัปตันทีมของผมทุกคน จะไม่ยอมแพร่งพรายหรือนินทาเพื่อนคนอื่นเลย"
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยกล่าวถึงคุณสมบัติของนักเตะที่จะถูกแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมไว้เช่นนี้
ถ้าวัดจาก เฟอร์กี้ คนเป็นกัปตันทีมจะต้องแบกความรับผิดชอบมากกว่าผู้เล่นอื่น ปลอกแขนจะคอยย้ำเตือนอยู่เสมอว่าต้องเป็นผู้นำที่แท้จริงไม่ใช่แค่ในนาม
ตอนที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จัดการเลือก แม็กไกวร์ เป็นกัปตันทีมแทน แอชลี่ย์ ยัง ที่ถูกปล่อยให้อินเตอร์ มิลาน มีหลายเสียงที่แสดงความเห็นแย้งออกไป
อย่างแรกคือ แม็กไกวร์ เพิ่งย้ายมาได้แค่ไม่กี่เดือน ถือว่ายังใหม่ๆมาก ควรแต่งตั้งนักเตะที่อยู่มานานพอสมควรและรู้จักสโมสรแห่งนี้ดี
อย่างสองคือ แม็กไกวร์ ดูเงียบเกินไป ไม่ค่อยออกปากสั่งหรือบัญชาอย่างขึงขังจริงจัง ซึ่งทีมอย่างปีศาจแดงต้องการผู้นำที่มีบุคลิกเช่นนี้
อาจจะจริงที่ว่าเขามีจิตใจที่แข็งแกร่ง พร้อมลุยเต็มพิกัดแทบไม่หวั่นเกรงอาการบาดเจ็บ แต่ตรงนั้นยังไม่พอ
ในมุมของ โซลชา อาจจะมองว่า แม็กไกวร์ เป็นกองหลังชั้นเลิศ มีสง่าราศีจับมากคนหนึ่ง แถมเป็นกองหลังที่มองเห็นภาพรวมของเกมอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้สมัยเล่นให้ฮัลล์ ซิตี้และเลสเตอร์ ก็เคยมีปลอกกัปตันรัดที่ต้นแขนมาแล้ว ไม่ใช่มือใหม่ในบทบาทผู้นำเลย
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ลืมไม่ได้เป็นอันขาดก็คือ กัปตันทีมเปรียบเสมือนหนึ่งในภาพลักษณ์ของสโมสรด้วย นอกจากเรื่องของชื่อเสียงแล้วยังต้องไม่สร้าง "ชื่อเสีย" อีกต่างหาก
ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน ที่มีข่าวฉาวโฉ่ว่า จอห์น เทอร์รี่ แอบไปมีความสัมพันธ์ฉันท์ชูสาวกับภรรยาของ เวย์น บริดจ์ เพื่อนร่วมทีม จนสื่อออกมาแฉตีแผ่เป็นฉากๆ
ท่ามกลางเสียงวิจารณ์และตำหนิ เทอร์รี่ ซึ่งหักหลังแม้กระทั่งเพื่อนฝูงที่สนิทกัน มันเป็นการกระทำที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยสักนิด
เคสนี้เชลซีอาจจะไม่ได้ออกมาแสดงปฏิกิริยาอะไรนัก ยืนยันเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่าและเพื่อนนักเตะไม่น้อยก็มีท่าทีให้กำลังใจและสนับสนุนกัปตันของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ฟาบิโอ คาเปลโล่ ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ มองอีกแบบรีบสั่งปลด เทอร์รี่ จากกัปตันทีมทันที เพื่อลดแรงกระเพื่อมในส่วนของนักเตะด้วยกัน
แน่นอนว่าในทีมชาติอังกฤษ มีผู้เล่นจะแบ่งเป็นกลุ่มก้อน ใครที่มาจากสโมสรเดียวกันก็มักจะอยู่รวมตัวกัน ซึ่งเชื่อว่ามีบางส่วนอาจไม่พอใจพฤติกรรม เทอร์รี่ ด้วย
การเปลี่ยนคนสวมปลอกแขนจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม อีกทั้งช่วยลดภาพลักษณ์ที่ดูแย่ นักเตะเองก็จะได้ไม่ต้องกดดัน
ทีนี้ต้องมาตามดูกันว่าแมนฯยูไนเต็ดจะแสดงจุดยืนในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง นอกเหนือจากการออกมาแถลงสั้นๆแบบไม่มีอะไรคืบหน้าไปกว่าเดิม
เพราะหากผิดสถานหนักจริง ไม่ใช่แค่ปรับเงินและรอลงอาญาเท่านั้น แต่อาจถึงขั้นถูกสั่งจำคุก เสียเวลาอุทธรณ์ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลและนั่นจะกระทบต่อการลงเล่นแน่
ไม่ใช่แค่นั้นยังต้องติดตามกระแสจากทีมชาติอังกฤษเช่นเดียวกัน แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมและเอฟเอจะทำอย่างไรบ้าง
บางที แม็กไกวร์ อาจจะไม่มีโอกาสได้แก้ตัวจากการกระทำครั้งนี้เลย
บทความย้อนหลังที่น่าสนใจ
[ ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็น"ผู้ช่วย" ] : ปฏิกิริยาของกองเชียร์บาเยิร์น มิวนิค ไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรนัก เมื่อรู้ว่า ฮันซี่ ฟลิค ได้รับการแต่งตั้งรักษาการณ์คุมแทน นิโก้ โควัช เชื่อว่าเดี๋ยวก็ต้องกลับลงไปเป็นมือขวาที่เดิม แต่ผิดคาดอย่างสิ้นเชิง ฟลิค ก้าวขึ้นมาแล้วไม่ยอมลงง่ายๆ กระทั่งกลายเป็นกุนซือถาวร ที่สำคัญกำลังสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง หากชนะในเกมชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกวันอาทิตย์นี้
[ "เลโอ" ผู้เปลี่ยนเปแอสเช ] : หากยังจำกันได้ซีซั่นที่แล้วจบลงพร้อมกับปัญหาที่เกิดขึ้นมากมายในแคมป์ปารีส แซงต์ แชร์กแมงนอกจากผลงานสอบตกกราดรูดไม่เป็นไปตามเป้า นักเตะอย่าง เนย์มาร์ ยังก่อปัญหาไม่หยุดหย่อนทว่าเพียงแค่ปีเดียวเท่าเปแอสเชเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ว่ากันว่าเพราะผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาที่ชื่อ เลโอนาร์โด้ นั่นเอง
[ #เจ็บปวดมามากพอแล้ว ] : หากจัดอันดับหานักเตะสักคนที่เจ็บปวดสุดในซีซั่นที่เพิ่งจบไป ชื่อของ เซร์คิโอ โรเมโร่ น่าจะอยู่ในตัวท็อปด้วยในฟุตบอลถ้วยทั้ง 3 รายการ เขาลงเฝ้าเสาตั้งแต่รอบแรกๆมาตลอด แต่พอถึงนัดตัดเชือกกลับต้องถอยไปนั่งข้างสนามและแมนฯยูไนเต็ดก็ตกรอบเรียบวุธการโดนปฏิเสธเช่นนี้ น่าจะเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เขาพร้อมอำลา แม้จะเหลือสัญญาอีกปีก็ตาม
[ #เสี่ยงแค่ไหน_ก็ไม่แคร์ ] : ตอนนี้ 99.99 เปอร์เซนต์แล้วที่ โรนัลด์ คูมัน จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกุนซือคนใหม่ของบาร์เซโลน่า เหลือรอแค่อย่างเป็นทางการเท่านั้นถามว่าทำไมต้องเป็นเขา? หากย้อนดูปูมหลังจะรู้เลยว่า คูมัน ผูกพันมาตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นนักเตะ ยิงประตูชัยพาครองเจ้ายุโรป พอแขวนสตั๊ดก็ยังมาเป็นสต๊าฟฟ์โค้ชอีกแต่การกลับมาครั้งนี้มันไม่เหมือนเดิม ความทรงจำอันล้ำค่าในอดีตอาจช่วยอะไรไม่ได้เลย
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา