Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ย้อนรอย คดีดัง
•
ติดตาม
22 ส.ค. 2020 เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
โฉมหน้า 3 หญิงโหดสยองของโลก!!
เวลามีการจัดอันดับความชั่วร้ายโหดเหี้ยมของมนุษย์ มักจะจัดอันดับให้แต่ขาโหดฝ่ายชายกันบ่อยครั้ง ทั้งที่ในความเป็นจริง คนใจคอเหี้ยมโหดนั้นไม่จำกัดว่าจะเป็นเพศไหน แม้แต่เพศหญิงที่กล่าวกันว่าเป็น “เพศแม่” เป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนโยน แต่ก็มีความโหดได้ไม่แพ้กัน...และนี่คือ 3 หญิงโหดในตำนานฆาตกรจิตวิปริตของโลก แต่ละนางได้ก่ออาชญากรรมโหดสยองอย่างเลือดเย็นขนาดไหน ไปย้อนรอยกัน!!
สมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษ (ค.ศ. 1516 - 1558)
ราชินีแมรี่เป็นพระธิดาพระองค์เดียวใน กษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 และพระนางแคทเธอรีน แห่งอารากอน ทรงเป็นกษัตริย์องค์ที่ 4 ในราชวงศ์ทิวดอร์ โดยขึ้นครองราชย์สมบัติหลังจากพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 สิ้นพระชนม์ และด้วยการปลดราชินี 9 วันอย่าง เลดี้เจน เกรย์ ออก และขึ้นครองราชย์แทน พระนางเป็นผู้ซึ่งฟื้นฟูศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกในอังกฤษ ด้วยพระประสงค์ที่จะทำให้ประเทศอังกฤษเป็นประเทศที่นับถือนิกายคาทอลิกอย่างเดียว พระองค์จึงคิดหาทางกำจัดพวกโปรแตสแตนท์ในประเทศให้หมดสิ้นด้วยหลากหลายวิธี หนึ่งในนั้นพระนางได้ดำเนินการ “เผาทั้งเป็น” เหล่าบุคคลต่างศาสนา ต่างนิกายกว่า 300 คน โดยเฉพาะบุคคลสำคัญของนิกายโปรแตสแตนท์ อันเป็นที่มาของฉายานาม “แมรีบ้าเลือด” หรือ “แมรีผู้กระหายเลือด” (Bloody Mary)
เบลล์ กันเนส (ค.ศ.1859 – ???)
ฆาตกรต่อเนื่องหญิงชาวนอร์เวย์ หลังจากแต่งงานกับนักธุรกิจชิคาโกได้อพยพมาใช้ชีวิตอยู่ที่รัฐอิลินอยล์และอินเดียน่า สหรัฐอเมริกา ระหว่างปี ค.ศ. 1900 -1908 เธอมีอีกฉายาหนึ่งว่า “ผู้หญิงเคราน้ำเงิน” ที่ขึ้นชื่อว่าฆ่าคนมากที่สุดในอเมริกายุคนั้น ด้วยเรือนร่างสูงใหญ่ถึง 6 ฟุต (183 เซนติเมตร) หนักกว่า 200 ปอนด์ (91 กิโลกรัม) จึงสามารถสังหารบรรดาสามีของตัวเอง และผู้ชายที่เกี่ยวข้องกับเธอ หรือแม้แต่ลูกแท้ๆ ของตัวเองด้วยตัวคนเดียว ทั้งหมดนั้นเป็นการฆ่าเพื่อหวังเงินประกันชีวิต และหวังครอบครองทรัพย์สิน เมื่อมีเงินมากพอเบลล์จึงซื้อฟาร์มใน La Porte ที่อินเดียน่า หลังการตายปริศนาของสามีคนที่ 2 เธอประกาศหาสามีใหม่ในหนังสือพิมพ์ ต่อมาชายมากหน้าหลายตาไปพบเธอที่ฟาร์มและหายสาปสูญไป! รวมแล้วมีผู้คนกว่า 42 คน ที่ต้องจบชีวิตที่นั่น ในวาระสุดท้ายเบลล์ชิงฆ่าตัวตายก่อนที่จะถูกจับด้วยการเผาตนเองพร้อมบ้าน ต่อมามีการพบศพไร้หัวของเธอ และมีการขุดค้นฟาร์มกันเนส พบซากศพอีก 13 ศพ ทุกศพถูกตัดแขนขาแล้วห่อไว้ด้วยกระดาษน้ำมัน หลายปีต่อมามีรายงานว่า มีผู้พบเห็นเบลล์ตามเมืองต่างๆ ในฐานะสตรีสูงวัยผู้มั่งคั่ง ในปี 2007 มีการนำร่างไร้หัวที่ “ว่ากันว่า” คือเบลล์ มาพิสูจน์ DNA ผลออกมาว่าศพนั้นไม่ใช้ศพของเบลล์ กันเนส ตัวจริง จึงแปลว่าเบลล์ อาจยังมีชีวิตอยู่ต่อมา หรืออาจจะตายอย่างเสวยสุขท่ามกลางกองมรดกเปื้อนเลือดในคฤหาสถ์หรูที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้….ซึ่งยังคงเป็นปริศนาต่อไป!!
เบเวอรี่ เอลลิทท์ (ค.ศ. 1968 – ปัจจุบัน)
ฆาตกรหญิงผู้ได้ฉายาว่า Angel of Death ฆาตกรต่อเนื่องหญิงชาวอังกฤษที่ก่ออาชญากรรมโหดจนช๊อกกันไปทั้งประเทศ ในช่วงนั้นเธอทำงานเป็นนางพยาบาลดูแลเด็กๆ ในแผนกผู้ป่วยเด็กที่น็อตติงแฮมและเคสเตเวน วิธีการสังหารเหยื่อของเธอคือ ฉีดโพแทสเซียมคลอไรด์หรืออินซูลินเข้าสู่ร่างกายของเด็กเหล่านั้น เพื่อทำให้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น ส่งผลทำให้เด็กในหอผู้ป่วยที่เธอรับผิดชอบเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำถึง 13 ราย ต่อมาเอลลิทท์ถูกจับในข้อหาฆาตกรรมเด็ก 4 คน และทำให้บาดเจ็บสาหัสอีก 5 คน (ตัวเลขเท่าที่หลักฐานมัดในขณะนั้น) หลังถูกจับกุม มีการตรวจสอบสุขภาพจิต เธออ้างว่าที่ทำร้ายและฆ่าเด็กก็เพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นๆ สุดท้ายเธอถูกพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิตในปี 1993 และรักษาทางจิตที่โรงพยาบาล Rampton Secure ปัจจุบันเธอยังถูกจองจำอยู่ในคุก เนื่องจากประเทศอังกฤษไม่มีโทษประหารชีวิต
บันทึก
1
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย