23 ส.ค. 2020 เวลา 03:05 • ประวัติศาสตร์
“ฟิเดล คาสโตร (Fidel Castro) นักปฏิวัติแห่งคิวบา” ตอนที่ 4 (ตอนจบ)
อวสานเผด็จการ
ฟิเดลรวบรวมเงินเพื่อซื้อเรือ เตรียมทำการโค่นล้มบาทิสตาอีกครั้งในปีค.ศ.1956 (พ.ศ.2499)
แต่กองกำลังของบาทิสตาก็รู้ถึงแผนการของฟิเดล และได้ทำการโจมตีกองกำลังของฟิเดล ทำให้ฟิเดลต้องหนีไปซ่อนยังแถบหุบเขา แต่กองกำลังของบาทิสตาก็ยังคงตามไปจับตัวฟิเดล ซึ่งฟิเดลและพรรคพวกเพียงไม่กี่คนก็หนีออกมาได้
ถึงแม้ฟิเดลจะซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา แต่เขาก็เชิญนักข่าวให้เข้ามาสัมภาษณ์ ซึ่งฟิเดลก็แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะโค่นล้มบาทิสตาและทำการปฏิวัติ
ค.ศ.1958 (พ.ศ.2501) บาทิสตาส่งทหารกว่า 10,000 นายเพื่อมาจับฟิเดล หากแต่กองกำลังของฟิเดลก็ใช้กลยุทธสงครามกองโจร ทำให้ได้รับชัยชนะ
สถานการณ์ของกองทัพรัฐบาลนั้นย่ำแย่ และบาทิสตาก็รู้ตัวว่าจุดจบของตนกำลังจะมาถึง
วันที่ 1 มกราคม ค.ศ.1959 (พ.ศ.2502) บาทิสตาพร้อมครอบครัว ได้หนีไปสาธารณรัฐโดมินิกัน ก่อนจะย้ายไปสเปน และเสียชีวิตในปีค.ศ.1973 (พ.ศ.2516)
ฟิเดลชนะแล้ว
ฟิเดลและกองทัพ เข้าเมืองซันติอาโกอย่างผู้ชนะ ประชาชนออกมาต้อนรับ ส่งเสียงเชียร์ไปตลอดทาง
แต่ถึงจะยึดอำนาจมาได้ แต่ฟิเดลก็ไม่ขึ้นเป็นประธานาธิบดี โดยเขาได้แต่งตั้ง “Manuel Urrutia” ผู้พิพากษาที่มักจะมีปัญหากับบาทิสตา ให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ส่วนตัวฟิเดลเอง ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก
แต่เมื่อยึดอำนาจมาได้ ฟิเดลก็เริ่มจะซ้ำรอยบาทิสตา
ฟิเดลได้เริ่มลงโทษผู้สนับสนุนบาทิสตา และกำจัดศัตรูที่คิดจะท้าทายเขา และเขาก็ได้ให้สัมภาษณ์ทางสื่อต่างๆ มากมาย เพื่อจะย้ำเตือนให้โลกรู้ว่า
เขาคือผู้ชนะ คือผู้นำคนใหม่ของคิวบา
แต่ฟิเดลเองก็มีภัยใกล้ตัวที่ต้องระวัง
นั่นคือสหรัฐอเมริกา
สหรัฐอเมริกานั้นอยู่ไม่ไกลจากคิวบา และสหรัฐอเมริกาก็กลัวว่าฟิเดลจะเปลี่ยนคิวบาเป็นประเทศคอมมิวนิสต์
เมื่อเป็นอย่างนี้ เมษายน ค.ศ.1959 (พ.ศ.2502) ฟิเดลจึงเดินทางไปสหรัฐอเมริกา และยืนยันว่าคิวบาไม่ใช่คอมมิวนิสต์ รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงบริษัทอเมริกัน อีกทั้งจะสนับสนุนสหรัฐอเมริกาในการต่อต้านสหภาพโซเวียตอีกด้วย
แต่เมื่อกลับมาถึงคิวบา ฟิเดลก็ทำสิ่งที่ตรงข้ามกับที่สัญญาไว้
รัฐบาลเริ่มทำการยึดทรัพย์สินของเหล่าเศรษฐี รวมทั้งยึดบริษัทเอกชนหลายแห่ง ซึ่งรวมทั้งบริษัทอเมริกันด้วย
ไม่เพียงแค่นั้น ฟิเดลยังแทรกแซงหนังสือพิมพ์ ทำให้เสรีภาพสื่อลดลง ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้เหล่าหนังสือพิมพ์เป็นอย่างมาก
เหล่าชนชั้นแรงงานผู้ยากจนนั้นสนับสนุนฟิเดล พวกเขาเริ่มจะลืมตาอ้าปากได้ ในขณะที่ชนชั้นกลางและชนชั้นสูงต่างไม่พอใจ เนื่องจากสูญเสียทรัพย์สินที่เคยเป็นของตน
ฟิเดลกล่าวว่าจะไม่มีการเลือกตั้งอีกเป็นเวลาถึงสี่ปี ทำให้ชาวคิวบาบางส่วนที่ได้รับผลกระทบ ต่างอพยพไปอยู่สหรัฐอเมริกา ซึ่งสหรัฐอเมริกาก็ยินดีอ้าแขนรับอย่างเต็มที่
ฟิเดลโกรธที่เสียเสียงสนับสนุน ฟิเดลจึงหันหน้าไปหาสหภาพโซเวียต
ฟิเดลเริ่มทำการตกลงทางการค้ากับสหภาพโซเวียต และมิตรภาพระหว่างคิวบากับสหภาพโซเวียตก็ทำให้สหรัฐอเมริกาโมโห
สหรัฐอเมริกาเริ่มจะหยุดทำการค้ากับคิวบา และทั้งสองประเทศนี้ก็มีการวางแผนจะรุกราน มีการทำสงครามเย็น มีการปะทะกันบ่อยครั้ง จนกระทั่งวิกฤตการณ์มิสไซล์ค่อยๆ จางลง
นอกจากนั้น นโยบายการบริหารของฟิเดลก็เริ่มจะแสดงผลเสีย
ถึงแม้ว่าการศึกษาและการสาธารณสุขจะเข้าถึงสำหรับผู้คน แต่เศรษฐกิจของประเทศนั้นล้มเหลว
ฟิเดลได้ทำการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเอื้ออำนาจให้เขาอย่างเต็มที่ แต่ความล้มเหลวของฟิเดล ก็ทำให้ประชาชนคิวบาออกจากประเทศเพิ่มขึ้น
ต่อมา เดือนธันวาคม ค.ศ.1991 (พ.ศ.2534) สหภาพโซเวียตได้ล่มสลาย เกิดเป็นประเทศใหม่ๆ มากมาย และคิวบาก็ไม่สามารถหวังพึ่งน้ำมันจากสหภาพโซเวียตได้อีกแล้ว
เมื่อเป็นอย่างนี้ ฟิเดลจึงต้องหันไปส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว และในระยะหลัง ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและคิวบาก็ได้เริ่มผ่อนคลาย
ในเวลานี้ ฟิเดลอยู่ในวัย 70 แล้ว สุขภาพเริ่มเสื่อมถอย และได้ตัดสินใจถ่ายโอนอำนาจให้ราอูล ผู้เป็นน้องในปีค.ศ.2006 (พ.ศ.2549)
ฟิเดลเสียชีวิตในวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ.2016 (พ.ศ.2559) ขณะอายุได้ 90 ปี
ภายหลังการเสียชีวิตของเขา ผู้คนต่างตกใจ
ในสายตาของหลายๆ คน เขาเป็นผู้นำที่กล้าหาญ แต่ภายหลังจากได้อำนาจ เขาก็กลายเป็นจอมเผด็จการ กุมอำนาจเบ็ดเสร็จไว้ในมือ
“วีรบุรุษ” หรือ “ทรราชย์” คงขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนครับ
จบลงแล้วสำหรับซีรีส์ชุดนี้ ซีรีส์เรื่องต่อไปจะเป็นอะไร ติดตามคำตอบได้ในวันพรุ่งนี้นะครับ
โฆษณา