#โนจาและเหล่านางในฮาเล็มของพ่อเลี้ยงหมอชิต
เจ้าหลวงพระราชทานที่ดิน และ นางบำเรอให้ หมอชี้ค เนื่องจาก ที่หมอชี้ค ได้ทำการรักษา มหาเทวีเจ้า
น่าจะเป็น พระเจ้าอินทวิชยานนท์ ที่ขึ้นครองนคร เชียงใหม่
( พ.ศ. ๒๔๑๖ - พ.ศ. ๒๔๔๐) ทรงเป็น เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ ที่ ๗ แห่งราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน ทรงเป็นบิดา ของ เจ้าดารารัศมี ( ที่เกิดกับ แม่เจ้าทิพยเกสรซึ่งเสียชีวิตไปตั้งแต่ เจ้าดาราอายุ ๑๑ ขวบ)
มหาเทวี ที่ป่วยของท่านคนนั้น น่าจะเป็น แม่เจ้ารินคำ
ใน เจ้าหญิงรินคำเทวี - ราชธิดาใน "เจ้าไชยลังกาพิศาลโสภาคย์คุณ, เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ ๖" (มีราชโอรส ๑)* มหาอำมาตย์โท เจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์
เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ ๘
หมอชี้ค เลี้ยงดูโนจา เป็นภรรยาน้อย อย่าง ออกหน้าออกตา จนฝรั่งอย่าง ซาร่าห์ ลูกสาว หมอบลัดเลย์ ผู้เคร่งครัด
ใน ระบบจารีตประเพณี และ ศีลธรรม อย่างเธอ ทนไม่ได้
จนเป็นเหตุให้เธอ นำลูกทั้ง เก้า คน เดินทางกลับอเมริกา
ด้วยความอับอาย เพราะ เธอมาจากครอบครัว มิชชั่นนารี ที่โด่งดัง.
..........แม้ในขณะนั้น ลูกชายคนโต ของเธอ กับ หมอชี้ค
ยังไม่ทันทุเลา จาก อุบัติเหตุปืนลั่น เมื่อ ลูกเมียไม่อยู่ แทนที่หมอชี้คจะกลับใจ กลับปล่อยให้ตัวเอง
หลงระเริงกามารมณ์หนักหนา ขึ้นไปอีก โดยการ สะสมเด็กสาวหน้าตาดีเพิ่มพูนมากขึ้นไปอีก จนกลายเป็นดั่ง ฮาเร็ม ส่วนตัวที่รวบรวมนารีพื้นเมือง ซึ่งพ่อแม่พามาแลกกับ ควายสักคู่ และ เงินทองอีกเล็กน้อย
หมอชี้ค ให้คำมั่นกับพ่อแม่ ของเด็กสาวทุกราย
ที่เขารับซื้อ เหล่านั้นว่า จะเลี้ยงดูเด็กสาวเหล่านั้น เป็นอย่างดี เมื่อเด็กสาว หน้าใหม่จิ้มลิ้มพริ้มเพรา มีจำนวนมากขึ้น จนโนจา เริ่มจะเป็นหมาหัวเน่า โนจา ไม่ยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นข้ามหัวเธอไปเฉยๆ จึงเกิดการหึงหวงอาละวาด ใหญ่โต ด้วย ความอิจฉาริษยา เด็กใหม่
จนหมอชี้คต้องยุติ เรื่องนี้ ด้วยการควักเงินสดกว่า 20.000 รูปีจ้าง เลิก อีโนจาเพื่อซื้อ อิสรภาพ ของตัวเอง
หมอมิชชั่นผู้อื้อฉาว...หมอชีคมีชื่อจริงว่า ดร.มาเรียน อลองโซ ชีค( Dr.Marion Alonzo Cheek) เป็นนายแพทย์หนุ่มที่ ดร.แมคกิลวารี มิชชันนารีประจำ ภาคเหนือ
ชวนให้มาทำงานที่ประเทศไทย เมื่อหมอชีคเข้ามาอยู่ไม่นานได้แต่งงานกับ ซารา บรัดเลย์ ลูกสาวหมอบรัดเลย์และได้กลับขึ้นมาอยู่ที่เชียงใหม่และมีศักดิ์เป็นน้องเขยของ ดร.แมคกิลวารี
หมอชีคมีความชำนาญความสามารถ เป็นหมอที่มีฝีมือ
รู้ภาษา และ รู้จักผู้คนดี จึงเป็นที่นิยมชื่นชอบของชาวเชียงใหม่แต่ลักษณะนิสัยประจำตัว ของหมอชีคเป็นคนที่
ไม่ยอมรับนับถือผู้ใดผู้หนึ่ง ชอบตามใจตัวเอง
หมอชีคไม่ชอบอธิบาย หรือ ขอโทษ ถ้ามีเรื่องกับใคร
จึงเป็นที่มาของการไม่ถูกกันกับ เขยพี่ เพราะครั้งหนึ่ง
หมอชีคไปผ่าต้ดไส้เลื่อนที่ฮ่องกง โดยที่ไม่บอกดร.แมคกิลวารี ความจริงแล้ว หมอชีคเป็นคนที่ให้ความสนใจในด้านการค้าขายมากกว่าการรักษาคน ซึ่งจากบันทึกของ วิลเลี่ยม บรัดเลย์ เล่าว่า ปี พ.ศ.2427 หมอชีคได้ยุติการเป็นหมอ และ เริ่มจับงานค้าไม้
เขาไม่มีเงินทุน แต่บริษัทบอร์เนียว ให้หมอชีคทำสัญญากับบริษัท 3 ปีและ บอร์เนียว ให้เงินทุนเพื่อที่ ชีค จะดำเนินงานของตนได้ ต่อมาชีคได้พบกับหลุยส์ เลียวโนเวน เป็นเพื่อนในการค้าขายไม้ด้วยกัน จึงทำให้การค้าขายไม้เจริญรุ่งเรือง และ ร่ำรวยขึ้นเป็นอย่างมาก
บริตสโตว์เล่าว่า ชีคทำบ้านใหม่ หรือที่คนเชียงใหม่เรียกว่า “ฮาเร็ม” ไว้เพื่อความสุขของตัวเอง และ เพื่อนๆโดยเฉพาะชายชาวฝรั่งด้วยกันอยู่บริเวณหลังวัดมหาวัน บ้านนั้นทำด้วยไม้ หลังคามุงด้วยไม้สักอย่างที่คนเชียงใหม่เรียกว่า “แป้นเกล็ด” บ้านหลังนี้สร้างไว้ใต้ร่มต้นหมาก ที่แผ่กิ่งก้านร่มรื่น และ ทำทางเข้าออกได้มิดชิด บ้านหลังนี้ เป็นที่กล่าวขานร่ำลือ อย่างกว้างขวางในเมืองเชียงใหม่
บันทึกของบริสโตว์ อ้างถึงการสัมภาษณ์ นางแก้วนา
ซึ่งเป็นคนที่เคยทำงานให้หมอชีคในสมัยนั้นว่า หมอชีคเป็นคนดีแต่ต่อมาค้าขายทำไม้ จึงลาออกจากการเป็นมิชชันนารี ทั้งได้คนพื้นเมืองเป็นเมียหลายคน โดยเฉพาะ “โนจา” ที่ชอบทำเรื่องวุ่นวาย จึงทำให้เมียฝรั่งคือ ซารา ไม่พอใจ เพราะครั้งหนึ่ง ลูกชายหมอชีค และ ซารา ถูกปืนลั่นใกล้ดอยสุเทพ และว่า เป็นอุบัติเหตุ ซารา จึงพาลูกกลับสหรัฐ ในขณะที่ชีค ทำการค้าไม้สักอยู่นั้น ชีคได้ตั้งโรงเลื่อยไม้ขึ้นและ รับสร้างบ้านและงานอื่นๆ สะพาน โรงพยาบาล โรงเรียนและ บ้านพักของตัวเอง คือ คุ้มเจ้าแก้วนวรัฐ ต่อมา การค้าขายไม้ของชีคเริ่มแย่ลง และ มีเรื่องฟ้องร้องเป็นคดีความกับรัฐบาลไทยมากมายหลายคดี สุขภาพ ของหมอชีคเริ่มทรุดโทรมลงและ ล้มป่วยในที่สุด
มร.เคเล็ดซึ่งเป็นรองกงสุล และ หมอชื่อโทมัส ได้ส่งตัวกลับเพื่อไปรักษาที่สหรัฐ แต่โรคของชีค กำเริบหนัก และ เสียชีวิต ในน่านน้ำไทยบริเวณ เกาะสีช้ง
ในวันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2438 รวมอายุ 42 ปี
หลังจากหมอชีคเสียชีวิต หลุยส์ก็รับเมียทั้งหลายของชีค
มาอยู่ในความครอบครอง และ ได้บ้านหลังวัดมหาวัน
มาเป็นของตัวเอง และ ได้ซื้อไม้สักของหมอชีคทั้งหมดที่มีอยู่
บั้นปลายชีวิตของชายชาวอเมริกันผู้หนึ่ง ซึ่งน่าจะกลายเป็นคนร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งในสยาม และ สามารถถือกรรมสิทธิ์ในการทำการทำป่าไม้ในภาคเหนือ มีช้างเป็นร้อยเชือกมีคนจัดการทำป่าไม้ ที่อยู่ภายใต้การปกครองเกือบร้อย และ มีคนงานถึง 250 คน แต่ จบชีวิตลงด้วยการเป็นหนี้สินรุงรัง.
เรื่องบางส่วน จากหนังสือ ลูกผู้ชายชื่อนายหลุยส์ .
ชีวิตและการผจญภัยของ หลุยส์ เลโอโนเวนส์
ที่สามารถนำพาเราทุกคนย้อนอดีตไปสู่มิติอื่นๆ
ที่สำคัญในปูมประวัติศาสตร์แห่งสยามและล้านนา
แต่งโดย จิระนันท์ พิตรปรีชา ...