Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิเคราะห์บอลจริงจัง
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
23 ส.ค. 2020 เวลา 03:20 • กีฬา
ต่อให้เป็นอัจฉริยะแค่ไหน แต่ถ้าใช้งานผิดวิธี ก็ยากจะดึงเอาความสามารถดีที่สุดออกมาได้ นี่คือเรื่องราว จุดเริ่มต้นของตำนานทีมชาติอิตาลี "อันเดรีย ปิร์โล่"
แม้จะเกิดในเมืองเบรสชา แต่ความจริงแล้วอันเดรีย ปิร์โล่ เป็นแฟนอินเตอร์ มิลานมาโดยตลอด
"โลธาร์ มัทเทอุส คือไอดอลอันดับหนึ่งของผม ผมชอบที่เขายิงประตูสำคัญได้ตลอด และกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมได้เสมอ ครั้งหนึ่งตอนเด็ก ผมเคยไปเที่ยวในวันหยุดที่เมืองเวียเรจโจ้แล้วเจอเขาพอดี จึงรีบไปขอลายเซ็นเขา และเชื่อไหม นั่นคือวันที่ดีที่สุดในชีวิตของผมเลย"
1
ถัดจากมัทเธอุส ไอดอลคนที่สองของปิร์โล่ คือโรแบร์โต้ บาจโจ้ อัจฉริยะแห่งทีมชาติอิตาลี โดยตอนที่บาจโจ้โด่งดังสุดๆ ในฟุตบอลโลก 1990 ปิร์โล่อายุ 11 ขวบ
บาจโจ้ เป็นคนที่ทำให้เขาตัดสินใจได้ว่า อยากเล่นเป็นกองหน้า เขาอยากยิงประตูสวยๆ และเป็นฮีโร่ของทีมได้แบบเดียวกับบาจโจ้
นั่นพอทำให้ในปี 1992 ตอนเขาเซ็นสัญญาเข้าทีมเยาวชนของสโมสรเบรสชา ตำแหน่งที่ปิร์โล่เลือกเล่นคือ กองหน้าตัวต่ำ หรือ เทรควาร์ติสต้า (Trequartista) หน้าที่คือใช้ทักษะในการเลี้ยงหลบคู่แข่ง หรือหาช่องจ่ายบอลให้กองหน้าตัวเป้า แล้วถ้ามีจังหวะก็ซัดประตูด้วยตัวเอง
นี่คือตำแหน่งที่บาจโจ้เล่นให้กับทั้งทีมชาติอิตาลี ฟิออเรนติน่า และยูเวนตุส ซึ่งไม่แปลกที่ปิร์โล่เลือกเล่นตำแหน่งนี้ เพราะใครๆ ก็อยากจะเดินตามรอยเท้าของไอดอลตัวเองกันทั้งนั้น
"ในห้องนอนของผมจะมีโปสเตอร์ นักฟุตบอลอยู่สองคน คนแรกคือมัทเธอุส และ คนที่สองคือโรแบร์โต้ บาจโจ้" ปิร์โล่กล่าว
ชีวิตของปิร์โล่ ดำเนินไปด้วยดี ตอนอายุแค่ 13 ปี เขาก็เป็นกัปตันทีมชุด ยู-15 ของเบรสชาแล้ว จุดเด่นของเขาคือการเลี้ยงบอลเก่ง และจ่ายบอลคมกริบมาก ปิร์โล่สามารถป้อนบอลสวยๆให้กองหน้ายิงประตูได้อย่างถล่มทลาย
เทคนิคที่ดีเยี่ยม คนในวงการยกย่องให้ปิร์โล่ เป็นจานนี่ ริเวร่าคนต่อไป ซึ่งปิร์โล่ยอมรับว่า เขาไม่เคยเห็นริเวร่าเล่นหรอกนะ แต่ก็ดีใจที่ได้รับการยกย่องแบบนี้
"ตอนสมัยผมเป็นเด็ก เวลาผมได้บอล ผมสามารถเลี้ยงหลบเด็กๆของทีมคู่แข่งจนถึงตัวสุดท้ายแล้วยิงเข้าไปเลย" ปิร์โล่กล่าว
เซซาเร่ ปรันเดลลี่ อดีตโค้ชเยาวชนของอตาลันต้า เคยพาทีมลงปะทะกับทีมเยาวชนของเบรสชา ถึงกับยอมรับว่า "ผมพูดไม่ออกเลย เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ของจริง สิ่งที่เขาทำได้ดีกว่ายิงประตู คือการจ่ายบอล เขาจ่ายได้แม่นยำมากจริงๆ"
พออายุ 17 ปี ปิร์โล่ถูกเลื่อนจากทีมเยาวชน มาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของเบรสชา ในซีซั่น 1996-97 ซึ่งตอนนั้นอยู่ในเซเรียบี เขาลงเล่น 17 นัด ยิง 2 ประตู ช่วยให้เบรสชาเลื่อนชั้นมา เซเรียอา ได้สำเร็จ
จากนั้นปีต่อมา ซีซั่น 1997-98 ปีร์โล่ลงเล่น 29 นัด ยิง 4 ลูก แต่แอสซิสต์กระจุย อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถช่วยให้เบรสชารอดจากการตกชั้นได้ โดยฤดูกาลนั้นเบรสชามีแต้มน้อยกว่าทีมที่อยู่รอดแค่ 1 แต้มเท่านั้น
เมื่อตกชั้นแล้ว ปิร์โล่วัย 19 ปี ในตำแหน่งเทรควาร์ติสต้าก็ได้รับความสนใจจากหลายๆสโมสร โดยตอนแรกเขาจะเซ็นสัญญากับปาร์ม่า แต่อินเตอร์ มิลานยื่นข้อเสนอเข้ามาตัดหน้านาทีสุดท้าย ซึ่งแน่นอนด้วยความที่ปิร์โล่รักอินเตอร์อยู่แล้ว เมื่อได้ข้อเสนอจากทีมในฝัน จึงไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
1
ฤดูกาล 1998-99 ปิร์โล่ย้ายมาเล่นให้อินเตอร์ มิลานซึ่งขณะนั้นคุมทีมโดยจีจี้ ซิโมนี่
อินเตอร์ มิลานในยุคนั้น เล่นในระบบ 5-3-2 หรือ 4-4-2 ใช้กองหน้าคู่ โดยกองหน้า 5 ตัว ของอินเตอร์ก่อนที่ปิร์โล่จะมา ประกอบไปด้วย โรนัลโด้, โรแบร์โต้ บาจโจ้, อีวาน ซาโมราโน่ ,เอ็นวานโก้ คานู และ นิโกล่า เวนโตล่า
โรนัลโด้ คือนักเตะเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ เช่นเดียวกับบาจโจ้ที่ได้บัลลงดอร์มาแล้ว ส่วนอีวาน ซาโมราโน่ กับเอ็นวานโก้ คานู ก็เป็นกองหน้าตัวหลักของทีมชาติชิลี และไนจีเรีย ตามลำดับ ขณะที่เวนโตล่าก็เป็นตัวจริงของทีมชาติอิตาลีชุด ยู-21
เกมแรกที่ปิร์โล่ลงเล่นให้อินเตอร์ คือนัดเปิดสนามที่เจอกายารี่ เขาโดนเปลี่ยนตัวลงมาแทนโรแบร์โต้ บาจโจ้ ในตำแหน่งกองหน้าตัวต่ำ
แต่ปัญหาที่ปิร์โล่ต้องเจอ คือเขาเล่นไม่ได้เลย
ในสมัยเด็กปิร์โล่อาจจะล็อกหลบเด็กรุ่นเดียวกันได้สบายๆ แต่พอมาเล่นกับอินเตอร์ มิลาน ที่มีเลเวลระดับสูง การเลี้ยงบอลที่เขาเคยมั่นใจ มันไม่ได้ผลเลยสักนิด
ตัวอย่างเช่นในเกมกับยูเวนตุส นัดที่ 6 ของฤดูกาล ปิร์โล่ได้เป็นตัวจริง และได้ยืนในตำแหน่งเทรควาร์ติสต้าที่เขาถนัดอยู่ด้านหลังโรนัลโด้ แต่ปิร์โล่ไม่สามารถสร้างสรรค์เกมได้ และเลี้ยงบอลไม่ผ่านคู่แข่ง ปัญหาคือปิร์โล่อาจจะมีเทคนิคดี แต่เคลื่อนที่ช้าเกินไป ยิ่งไปเทียบกับหน้าต่ำของยูเว่ ที่ใช้อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ยิ่งเห็นความแตกต่างชัดเจน
สุดท้ายอินเตอร์แพ้ไป 1-0 ทั้งๆที่เกมนั้นยูเว่เหลือ 9 คนด้วยซ้ำ ขณะที่ปิร์โล่ถูกเปลี่ยนตัวออกนาทีที่ 65 แบบที่ไม่สร้างประโยชน์อะไรให้กับทีมนัก
จากนั้นพอผ่านไปสัก 10 เกม ปิร์โล่ก็ไม่ได้เล่นอีกแล้วทั้งตัวจริงและตัวสำรอง สาเหตุนั้นก็ชัดเจนอยู่แล้วคือกองหน้าคนอื่นมีประโยชน์กว่า โรนัลโด้ความเร็วจัดจ้าน, บาจโจ้เลี้ยงบอลคล่องแคล่ว, คานู ตัวใหญ่ร่างกายของเขามีประโยชน์ ส่วนซาโมราโน่ก็เข้าฮอสได้ดี
กับปิร์โล่นั้น จะเร็วก็ไม่ เลี้ยงคล่องแคล่วก็เปล่า ร่างกายก็ไม่สูงใหญ่ หรือจะเป็นกองหน้าที่เข้าฮอสในกรอบ 6 หลาได้เก่งกาจ ก็ไม่ใช่แบบนั้นเหมือนกัน คือมันไม่มีคุณสมบัติเด่นพอที่จะยืนในตำแหน่งกองหน้า
ในซีซั่น 1998-99 อินเตอร์ เปลี่ยนโค้ชถึง 4 คนในปีเดียว ได้แก่จีจี้ ซิโมนี่ , มีร์เชีย ลูเชสคู, ลูเซียโน่ คัสเตลลินี่ และ รอย ฮอดจ์สัน แต่สิ่งที่โค้ชทั้ง 4 คน คิดเหมือนกันคือปิร์โล่ไม่ดีพอในตำแหน่งกองหน้า
มีเรื่องโจ๊กอย่างหนึ่งคือรอย ฮอดจ์สัน โค้ชชาวอังกฤษที่มาคุมอินเตอร์ แบบขัดตาทัพ จำชื่อปิร์โล่ไม่ได้ ไปเรียกว่า อันเดรีย ปิร์ล่า (Pirla) ซึ่งในภาษาอิตาเลียน Pirla สามารถแปลเป็นคำด่าได้ว่า ไอ้หัวกวย (Dickhead)
"บางทีเขาอาจจะไม่ได้เรียกผิดก็ได้ บางทีเขาอาจจะรู้ว่าคุณค่าของผมมันก็เหมือน Pirla นั่นแหละ" ปิร์โล่ตัดพ้อ
ตลอดฤดูกาล 1 ปีเต็ม ปิร์โล่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงแค่ 3 นัดให้อินเตอร์ ซึ่งมันทำให้จากเด็กที่เคยมั่นใจในตัวเองตอนสมัยเล่นให้เบรสชา กลายมาเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจอีกเลย
เข้าสู่ช่วงปรีซีซั่น 1999-00 อินเตอร์ มิลานเปลี่ยนโค้ชใหม่อีกครั้ง คราวนี้คือมาร์เซโล่ ลิปปี้ กุนซือคนดัง ซึ่งปิร์โล่ก็คาดหวังว่าชีวิตในยุคลิปปี้อาจจะมีอะไรดีขึ้นบ้าง แต่ปรากฏว่า ลิปปี้เรียกเขามาคุยกันแล้วบอกว่า
"อันเดรีย เพื่อตัวนายเองนะ ย้ายออกไปจากทีมนี้ซะเถอะ"
ปิร์โล่จำใจต้องย้ายไปอยู่เรจจิน่าแบบยืมตัวเป็นระยะเวลา 1 ปี ในซีซั่น 1999-00 ซึ่งเขาก็เล่นได้กลางๆ ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ พอผ่านไป 1 ปี เรจจิน่าส่งคืนมาให้อินเตอร์ โดยไม่ซื้อขาด
ปิร์โล่กลับมาเจอมาร์เซโล่ ลิปปี้อีกรอบ ซึ่งลิปปี้นั้นไม่เคยคิดจะใช้ปิร์โล่อยู่แล้ว กองหน้าในทีมมีโรนัลโด้, คริสเตียน วิเอรี่ และ อัลวาโร่ เรโคบ้า แล้วจะไปใช้งานปิร์โล่ทำไมล่ะ?
ลิปปี้โดนไล่ออกในช่วงต้นซีซั่น ก่อนที่สโมสรจะแต่งตั้งมาร์โก ทาร์เดลลี่แทน แต่ทาร์เดลลี่ก็คิดคล้ายๆกัน คือไม่คิดจะใช้งานปิร์โล่ ในครึ่งซีซั่นแรกเขาส่งปิร์โล่ลงสนามแค่ 4 เกมเท่านั้น
เมื่อไม่มีตำแหน่ง อินเตอร์ก็ยินดีจะปล่อยปิร์โล่ให้ทีมอื่นยืมอีกครั้งเพื่อลดค่าเหนื่อย และปลายเดือนมกราคม 2001 ก่อนตลาดซื้อขายปิดตัวลง อินเตอร์จึงส่งปิร์โล่ ให้เบรสชา ต้นสังกัดแรกสุดของเขา ยืมใช้งานเป็นระยะเวลา 5 เดือน
นี่คือชีวิตขาลงสุดๆของปิร์โล่ ที่โดนโค้ชโยนไปโยนมา ไม่มีใครเห็นคุณค่า ความฝันจะติดทีมชาติอิตาลีชุดใหญ่ ก็ดูห่างไกลความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ
นักเตะอัจฉริยะอะไรกัน จานนี่ ริเวร่าคนต่อไปบ้าบออะไร แม้แต่เป็นตัวจริงในเซเรียอาสักเกม ยังทำไม่ได้
การกลับมาที่เบรสชา ปิร์โล่ก็คาดหมายว่าเขาคงต้องแย่งตำแหน่งกองหน้ากับคนอื่นไม่ต่างกับที่อินเตอร์ โดยเบรสชาตอนนั้น หัวหอกของทีมมีดาริโอ ฮุบเนอร์ เป็นตัวหลัก, โรแบร์โต้ บาจโจ้ ที่เพิ่งย้ายไป รวมถึงอิกลี่ ทาเร่ กองหน้าทีมชาติอัลแบเนีย
พอย้ายมาสู่เบรสชา วันที่ 28 มกราคม 2001 โรแบร์โต้ บาจโจ้ ได้รับบาดเจ็บพอดี ทำให้คาร์โล มัซโซเน่ เฮดโค้ชของเบรสชาทดลองใช้ปิร์โล่ ยืนเป็นกองหน้าคู่ กับดาริโอ ฮุบเนอร์
ปรากฏว่าฮุบเนอร์ยิงได้ ส่วนปิร์โล่ไม่มีบทบาทอะไรเลย ก่อนโดนเปลี่ยนตัวออกในครึ่งหลัง
เมื่อได้เห็นจังหวะการเล่นแบบชัดๆด้วยตาตัวเอง ทำให้มัซโซเน่ เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า ปิร์โล่คิดอะไรอยู่ถึงมาเล่นเป็นกองหน้าตัวต่ำแบบนี้
"เขาอาจไม่รู้ ว่าตัวเองไม่เหมาะกับกองหน้า คนเล่นหัวหอก ถ้าไม่เลี้ยงบอลคล่องเท้า ก็ต้องมีร่างกายแข็งแกร่งเพื่อเอาไว้ปะทะกับคู่แข่ง ซึ่งปิร์โล่ไม่มีทั้งสองอย่าง" มัซโซเน่เผย
มัซโซเน่ สแกนดูฝีเท้าของปิร์โล่ เขายอมรับว่าเด็กคนนี้เลี้ยงบอลดีก็จริง แต่ไม่ใช่ความคล่องในระดับที่จะเอาชนะกองหลังคู่แข่งได้ แต่ถ้าพอใช้เอาตัวรอด คอยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แบบนี้คือโอเค
ทักษะการยิงประตูนั้น ในซีซั่นที่อินเตอร์ปล่อยให้เรจจิน่ายืมตัว ปิร์โล่ยิง 6 ลูกก็จริง แต่มาจากการซัดฟรีคิกซะ 3 แล้ว มันสื่อให้เห็นว่า เขาไม่ได้มีสัญชาตญาณกระหายในการทำประตูขนาดนั้น ปิร์โล่ไม่ใช่เพชฌฆาตในกรอบเขตโทษ
จุดเด่นที่สุดของปิร์โล่คือ เขาจ่ายบอลแม่น และยืนในตำแหน่งที่ถูกต้องเสมอ ดังนั้นแทนที่มัซโซเน่ จะใช้ปิร์โล่เป็นตัวสำรองของบาจโจ้ หรือฮุบเนอร์ แต่เขาทดลองใช้งานปิร์โล่ในตำแหน่งใหม่ นั่นคือเรจิสต้า (Regista) หรือกองกลางตัวรับ ทำหน้าที่คุมจังหวะเกม
ปิร์โล่ไม่ต้องเลี้ยงหลบคู่แข่ง ไม่ต้องคิดยิงประตู ไม่ต้องใช้กำลังปะทะใดๆ เขารับบอลจากเซ็นเตอร์แบ็กมา แล้วใช้การจ่ายบอลคอยเชื่อมเกมให้เพื่อนแค่นี้พอ และหากมีจังหวะก็แทงคิลเลอร์พาสให้แนวรุกเข้าไปทำประตู
หากเทียบกับวงดนตรีออร์เคสตร้า มัซโซเน่มองว่าปิร์โล่ไม่ใช่นักเปียโนโซโล่ แต่เป็นคอนดักเตอร์ ที่คอยคุมจังหวะให้คนอื่นๆในทีมได้เล่นตามที่เขาต้องการ
ที่ผ่านมาปิร์โล่เข้าใจผิดมาตลอดว่าเขาคือกองหน้า ทั้งๆที่คุณสมบัติไม่ใช่ ดังนั้นการทดลองเล่นในตำแหน่งที่เหมาะกว่า จึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย
จากเกมแรกที่เสมอเอซี มิลาน 1-1 พอปรับเอาปิร์โล่มายืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ เบรสชาชนะ 2 เกมติดต่อกัน เหนือบารี่ 3-1 และ อูดิเนเซ่ 3-1 โดยปิร์โล่เล่นดีราวกับเป็นคนละคน เขาต่อบอล เชื่อมเกม ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากๆ
และหนึ่งในประตูที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของปิร์โล่ได้ดีที่สุด เกิดขึ้นในเกมที่เจอกับทีมเต็งแชมป์ ยูเวนตุส ที่สนามเดลเล่ อัลปิ ในวันที่ 1 เมษายน 2001
มัซโซเน่ใช้ระบบ 3-5-2 วางบาจโจ้ กับฮุบเนอร์เป็นหน้าเป้า ส่วนปิร์โล่ยืนเรจิสต้า เกมนี้ยูเว่นำไปก่อน 1-0 จากจานลูก้า ซัมบร็อตต้า จากนั้นเกมก็ดำเนินมาเรื่อยๆจนถึงนาทีที่ 86 ปิร์โล่ได้บอลอยู่ที่ครึ่งวงกลมกลางสนาม ซึ่งตอนนั้นยูเว่ก็ถอยลงไปแพ็กเกมรับกันหมด เพราะจะหมดเวลาแล้ว
โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ปิร์โล่จ่ายบอลคิลเลอร์พาสจากกลางสนาม ให้โรแบร์โต้ บาจโจ้ หลุดเดี่ยวไปเฉยเลย แบบที่แนวรับยูเว่งง ว่ามายังไง ก่อนที่บาจโจ้จะดูดบอลลงได้สวย ก่อนล็อกหลบเอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ ยิงเข้าไปง่ายๆ ตีเสมอเป็น 1-1 กระชากแต้มในบ้านยูเว่ได้อย่างน่าทึ่ง
กองหลังยูเว่ชุดนั้นก็ไม่หมู มีชิโร แฟร์ราร่า, มาร์ก ยูเลียโน่ ,จานลูก้า เปสซ็อตโต้ แต่ยังโดนลูกจ่ายของปิร์โล่เล่นงานอย่างเจ็บแสบ
ในฤดูกาล 2000-01 ยูเว่ได้รองแชมป์ตามหลังโรม่าแค่ 2 แต้ม กับลูกได้เสียน้อยกว่า 1 ลูก เลยมีคนคิดกันว่า ถ้าหากไม่เสียประตูให้ ปิร์โล่+บาจโจ้ลูกนี้ล่ะก็ บางทียูเว่คงกระชากแชมป์มาจากโรม่าได้แล้วด้วยซ้ำ
การย้ายมาเบรสชา ในครึ่งฤดูกาลหลังของซีซั่น 2000-01 ปิร์โล่ได้เป็นตัวจริง 10 เกม ก่อนจะย้ายกลับไปที่อินเตอร์ มิลาน ซึ่งใน 10 เกมที่เบรสชา เขาอาจจะไม่มีชื่อบนสกอร์บอร์ดเลยก็จริง แต่บทเรียนล้ำค่าที่ปิร์โล่ได้จากมัซโซเน่คือ จริงๆแล้ว เขาเล่นกองกลางตัวรับ ได้ดีกว่ากองหน้าตัวต่ำ
2
ตำแหน่งกองหน้าที่เขาคิดมาตลอด ว่าคือตำแหน่งที่ดีที่สุด แต่จริงๆแล้ว ไม่ใช่เลย มันมีบางอย่างที่เขาทำได้ดีกว่านั้น เพียงแต่ที่ผ่านมา เขาไม่เคยรู้เลย
1
ถึงตรงนี้ปิร์โล่ถึงได้เข้าใจว่าที่ผ่านมา เขาพยายามฝืนเล่นเป็นกองหน้า ทั้งๆที่คุณสมบัติของเขามันไม่ใช่แต่แรกอยู่แล้ว ตัวเองมีจุดแข็งตรงไหน จุดอ่อนอะไรยังไม่รู้เลย แล้วหวังจะไปชนะใครได้
เขาเติบโตมาจากการมีโรแบร์โต้ บาจโจ้เป็นไอดอล แต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะสามารถทำเหมือนบาจโจ้ได้ทุกอย่าง คนเราล้วนต่างกัน สิ่งสำคัญคือต้องหาตัวเองให้เจอ ว่าเหมาะกับอะไรจริงๆเท่านั้น
การได้รู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้ นี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดในชีวิตนักฟุตบอลของปิร์โล่
"ผมดึงเขามาอยู่หน้าไลน์กองหลัง จากเดิมที่เขาไปยืนเป็นกองหน้าตัวต่ำ" คาร์โล มัซโซเน่เล่า "และในช่วงหนึ่งปิร์โล่ก้าวขึ้นไปเป็นมิดฟิลด์ตัวโฮลด์บอลที่ดีที่สุดในโลก แต่อยากบอกว่า ที่เขาเปล่งประกายแบบนั้น มันไม่ใช่เพราะผม มันเป็นเพราะปิร์โล่เอง ที่มีคุณสมบัติดีอยู่แล้ว เพียงแต่ผมแค่เห็นก่อนคนอื่นแค่นั้น"
1
ปิร์โล่หมดสัญญากับเบรสชา และย้ายกลับมาอินเตอร์ มิลาน ที่ตอนนั้นคุมทีมโดยเอคตอร์ คูเปร์ เฮดโค้ชชาวอาร์เจนติน่า
แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิม นั่นคือปิร์โล่ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของคูเปร์ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง อินเตอร์ เป็นทีมที่เขารักที่สุดตั้งแต่เด็ก แต่ว่าไม่มีโค้ชสักคน ที่คิดว่าเขาดีพอจะเล่นเป็นตัวจริงได้
ในตลาดซัมเมอร์ 2001 คูเปร์ต้องการตัว กูลี่ ปีกทีมชาติอาร์เจนติน่าของเอซี มิลานเป็นอย่างมาก ดังนั้นอินเตอร์จึงไปเจรจาเพื่อเอาตัวมาให้ได้
อันเดรียโน่ กัลลิอานี่ ผู้บริหารของฝั่งเอซี มิลาน ที่รู้คุณภาพของปิร์โล่แล้ว จึงเสนอขอแลกตัวปิร์โล่กับกูลี่ ซึ่งทางฝั่งอินเตอร์ก็มองว่า ด้วยระบบ 4-4-2 ของคูเปร์ ไม่มีพื้นที่ให้ผู้เล่นตำแหน่งเทรควาร์ติสต้าอย่างปิร์โล่อยู่แล้ว ดังนั้นจึงยินดีที่จะสลับตัวกัน
เอซี มิลาน : ปล่อยกูลี่ และ ดราเซ่น เบิร์นซิช ให้อินเตอร์
อินเตอร์ มิลาน : ปล่อยอันเดรีย ปิร์โล่ และคริสเตียน บร็อคคี่ ให้เอซี มิลาน
ตอนการซื้อขายเกิดขึ้น ดูเผินๆเหมือนอินเตอร์จะทำธุรกิจได้ฉลาดกว่า เพราะได้ตัวกูลี่ที่มีดีกรีทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดใหญ่แล้ว ยิ่งอินเตอร์มองว่าปิร์โล่เป็นกองหน้าตัวต่ำ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทีมไม่ได้ใช้อยู่แล้ว จึงไม่เสียดายถ้าจะปล่อย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อินเตอร์ไม่รู้เลยคือ ปิร์โล่ได้พัฒนาตัวเองไปอีกขั้นแล้ว ตำแหน่งที่ดีที่สุดของเขาเปลี่ยนไปจากเทรควาร์ติสต้า เป็นมิดฟิลด์ตัวโฮลด์บอล
ในฤดูกาล 2001-02 ปิร์โล่ย้ายไปสู่เอซี มิลาน ขณะที่โค้ชของมิลานก็เปลี่ยนจากฟาติห์ เตริม เป็นคาร์โล อันเชล็อตติ
อันเชล็อตติเมื่อซีซั่นที่แล้วตอนคุมยูเวนตุส เขาได้เห็นปิร์โล่จ่ายบอลให้โรแบร์โต้ บาจโจ้ยิงเข้าประตูด้วยตาตัวเอง ดังนั้นเขารู้แน่นอนว่าจะใช้ปิร์โล่ยังไง
ก่อนหน้าปิร์โล่จะมา เอซี มิลานอยู่ในช่วงลุ่มๆดอนๆ ทีมจบอันดับ 6 ในเซเรียอา ขณะที่ในแชมเปี้ยนส์ลีกไม่ต้องพูดถึง ใน 7 ปีหลังสุด มิลานไม่เคยผ่านรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีกได้เลยแม้แต่หนเดียว
แต่เมื่อปิร์โล่ อัจฉริยะเรจิสต้ามาสวมเสื้อเอซี มิลานแล้ว ทุกอย่างก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
[ จบ PART 1]
42 บันทึก
258
25
33
42
258
25
33
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย