24 ส.ค. 2020 เวลา 06:21 • ประวัติศาสตร์
ทหารเก่า(แก่)...เล่าปูมค่าย
ตีพิมพ์ วารสาร พล.ร.๖ และ กกล.สุรนารี เมื่อปีที่ ๑๘ ฉบับที่ ๓ เดือนเมษายน – มิถุนายน ๒๕๕๐
ผู้เขียนมีโอกาสไปเยี่ยมเยียน และร่วมสนทนากับท่านผู้เฒ่าทั้งหลายที่เกษียณไปแล้ว และกำลังจะเกษียณ ซึ่งกำลังนั่ง(ตั้งวง)คุยกันถึงข้อดีข้อเสียโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด (เออร์รี่รีไทน์) สรุปแล้วเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ฟันธงว่าอยากได้เงินเยอะ ยศสูงขึ้นไม่เอาก็ได้เพราะถือเป็นเรื่องรองลงไป ทีนี้ผู้เขียนก็เริ่มเปิดประเด็นถึงความหลังครั้งเก่าสมัยตั้งค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ (โสกเชือก) ใหม่ ๆ ว่ามีเหตุการณ์ หรือสิ่งใดเป็นที่น่าจดจำของพวกพี่ๆ พ่อๆ ป๋าๆ เหล่านี้บ้าง เท่านี้ล่ะครับ ความหลังครั้งเก่าก่อนจากปากของท่านผู้เฒ่าทั้งหลาย ก็เริ่มพรั่งพรูออกมา แบบชนิดที่เรียกว่าผู้เขียนแทบฟังไม่ทัน เพราะว่าทุกท่านดูเหมือนจะแย่งกันพูด แย่งกันถกข้อมูลมาให้ผมผู้ถาม (ผู้น้อย) ฟัง เสียดายว่าไม่ได้มีเครื่องบันทึกเสียง แต่ผู้เขียนถือคติที่ว่า “จำดีกว่าจด ถ้าจำไม่หมด จดดีกว่าจำ” จึงพอที่จะสรุปข้อมูลเท่าที่จดและจำได้มาเป็นกระสาย สำหรับผู้อ่าน และก็จะใช้วิธีการเขียนให้ท่านอ่าน โดยวาดภาพตามน่ะครับ ไม่ได้เขียนให้ท่านคิด หรือจับผิด เพราะนี่เป็นการบันทึกหรือเขียนขึ้นจากคำบอกเล่า มาเพื่อให้ท่านผู้อ่านได้มีเรื่องพูดคุยโต้แย้ง และถกเถียงกันในวงสนทนา ว่าอย่างนี้ครับ
ช.พัน.๖ ได้เคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์ จากค่ายเฟรนด์ชิพ (ค่ายสุรธรรมพิทักษ์) เข้าพื้นที่ ตั้งค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (บ้านโสกเชือก) เป็นหน่วยแรกแบบเต็มรูปแบบก็ว่าได้ ซึ่งสามารถลำดับเหตุการณ์ขั้นต้นดังนี้
ปี ๒๕๒๓ บริษัท ช.ไชยภัทร ร่วมกับ ช.พัน.๖ เข้าดำเนินการสำรวจ และก่อสร้างอาคารถาวรในบางส่วน
ปี ๒๕๒๔ - ๒๕๒๕ ก่อสร้างระบบประปาภายในค่ายแล้วเสร็จ และอาคารสำนักงานบางส่วนแล้วเสร็จ เป็นอาคาร ร้อย.ม.(ลว.), อาคาร ร้อย.บก.ส.พัน.๖ และ อาคาร ร้อย.ลว.ไกล (เก่า) ซึ่งถือว่าเป็นอาคาร ๓ หลังแรกในค่ายฯ แล้วเสร็จ และในเดือนกันยายนปีเดียวกันนั่นเอง ช.พัน.๖ ร้อย.๓ กับ ร้อย.บก.และ บร.ช.พัน.๖ ก็เคลื่อนย้ายกำลังพลและเครื่องมือเข้าพื้นที่ และดำเนินการก่อสร้างสำนักงาน อาคาร และบ้านพักของหน่วยอื่น ๆ
ประมาณปลายปี ส.พัน.๖ เป็นหน่วยต่อมาที่เข้าพื้นที่เริ่มดำเนินการวางเครือข่ายการติดต่อสื่อสาร และโทรศัพท์ต่าง ๆ
ปี ๒๕๒๖ - ๒๕๒๗ ช.พัน.๖ รับพระราชทานธงชัยเฉลิมพลเมื่อ ๑๑ ก.ค.๒๖ แล้วก็เคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์ ทั้งหมดจากโคราชค่ายเฟรนด์ชิพ เข้าพื้นที่ค่ายฯ แล้วเสร็จใน ก.ค.๒๖ และดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักงาน และบ้านพักต่าง ๆ เพิ่มเติม และเริ่มปรับพื้นที่ค่ายฯทั้งหมด หน่วยส่วนฐานต่าง ๆ เริ่มทยอยเคลื่อนย้ายเข้าพื้นที่
ปี ๒๕๒๗ - ๒๕๒๘ กำลังพล และยุทโธปกรณ์ บก.พล.ร.๖ และ ร้อย.นขต.พล.ร.๖ เคลื่อนย้ายเข้าพื้นที่ จนครบในปัจจุบัน
ที่นี้เราลองมาพูดถึงสิ่งแรก อย่างแรก และเหตุการณ์แรก ที่เกิดขึ้นในค่ายของเรา เพื่อให้ผู้อ่านได้มีเรื่องพูดคุยโต้แย้ง และถกเถียงกันในวงสนทนากันต่อครับ
ปี ๒๕๒๓ - ๒๕๒๗ พ.ท.มนตรี อยู่พงษ์พิทักษ์ ผบ.ช.พัน.๖ ขณะนั้นทำหน้าที่ ผบ.พื้นที่ และรับผิดชอบในการลงนามในหนังสือต่างๆ แทน ผบ.พล.ร.๖ ไม่ว่าจะลงนามในหนังสือรับรองสิทธิค่ารักษาพยาบาล และสิทธิด้านธุรการกำลังพล ของทุกหน่วยในค่ายฯ และการรักษาการณ์ในค่าย จะมีทั้งทหาร และ รปภ.(ยาม) ของบริษัท ช.ไชยภัทร
บ้านพักชั้นนายพันหลังแรก คือบ้านพัก ผบ.ช.พัน.๖ (และ ผบ.ช.พัน.๖ ยังคงใช้การอยู่ในปัจจุบัน)
บ้านพักชั้นสัญญาบัตรจุ ๑๒ ครอบครัว หลังแรกคือหลังโรงเรียนอนุบาลค่ายฯ (บี ๑)
บ้านพักชั้นประทวนจุ ๑๐ ครอบครัว จำนวน ๑๒ หลังแรกคือแถว ค.๑,๒ ง.๑,๒ จ.๑,๒ ช.๑,๒ และ ญ.๑,๒ โดย ผบ.ช.พัน.๖ พร้อมนายทหารทังหมด พักที่แถว ค.๑
โรงรถ แห่งแรก และ ช.พัน.๖ ใช้งานก่อน ปัจจุบันคือ โรงรถของ ร้อย.บก.พล.ฯ หน้า ร้อย.สห.ฯ
โรงเลี้ยง แห่งแรก และ ช.พัน.๖ ใช้งานก่อน ปัจจุบันคือ โรงเลี้ยงของ ร้อย.สห.ฯ ทุกคนทั้งนายทหาร นายสิบ พลทหาร และร่วมกันกินข้าวที่นี่ครับ
ทหารใหม่ ผลัดที่ ๒/๒๕ ของ ช.พัน.๖ เป็นทหารใหม่ผลัดแรกของ ช.พัน.๖ และของค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ที่ดำเนินการฝึกในพื้นที่ค่ายฯ เพราะผลัดก่อนหน้านั้นฝึกที่โคราช และปัจจุบันทหารผลัดนี้ก็ได้ดิบได้ดี เป็นเจ้าเป็นนาย ร่ำรวยเยอะแยะ เพราะเป็นรุ่นนำฤกษ์ (เหมือนจตุคาม) ... ฮา ...
สนามเด็กเล่น หรือสวนพักผ่อนแห่งแรก คือสนามเด็กเล่นหนุนภักดี ปัจจุบันยังคงอยู่
สนามฟุตบอล แห่งแรก คือสนามหลัง บก.พัน.สร.๖ ในปัจจุบัน จากนั้นก็ย้ายไปที่สนามกีฬาเยาวชน (ศูนย์สาธิตการตลาดในปัจจุบัน)
การสวนสนามสาบานตนต่อหน้าธงชัยเฉลิมพล ครั้งแรกของของค่าย คือใช้สนามกีฬาเยาวชน (ศูนย์สาธิตการตลาดในปัจจุบัน) ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ ๒๕ ม.ค.๒๗ โดยมี พ.อ.ชุ่ม แก่นทับทิม รอง ผบ.มทบ.๒๒ (ในขณะนั้น) เป็นประธาน โดยสนธิกำลังจากหน่วยต่างๆ ภายในค่ายฯ เช่น ช.พัน.๖, ส.พัน.๖ กอง สพบ.พล.ร.๖ และหน่วยอื่น ๆ และธงชัยเฉลิมพลมีเพียงหน่วยเดียวก็คือธงชัยเฉลิมพลของ ช.พัน.๖ และ ผบ.ช.พัน.๖ เป็น ผบ.กองผสม และเป็นปีแรกที่สวนสนามในค่ายฯ จากนั้นก็ย้ายไปสวนสนามฯที่ สนามบิน ร้อย.บ.พล.ร.๖ (ค่ายประเสริฐสงคราม) ย้ายไปสวนสนามฯที่บึงพลาญชัย และก็ย้ายมาสวนฯที่ลานเอนกประสงค์ใกล้กองรักษาการณ์ค่ายเราฯ แล้วก็ย้ายมาหน้าพระบรมราชาอนุสาวรีย์ จนถึงปัจจุบัน
ประมาณปี ๒๕๒๘ กองรักษาการณ์แห่งแรกเกิดขึ้นและตั้งอยู่บริเวณถนนหน้า บก.ป.พัน.๑๖ กับ หน้า ร้อย.ตถ.๖ ในปัจจุบัน โดยกางเต๊นท์ บก.ร้อย. ๒ เต้นท์ เป็น บก.กองรักษาการณ์ และที่พักยาม ซึ่งเจ้าหน้าที่กองรักษาการณ์ชุดแรกเป็นของ ช.พัน.๖ โดย ผบ.กองรักษาการณ์คนแรกของค่ายฯเราก็คือ จ.ส.อ.อาคม สีเหลือง ช.พัน.๖ (เกษียณนานแล้ว)
แต่ก่อนนั้น จทบ.ร.อ. ยังไม่มีที่อยู่ จึงมาตั้ง บก.ชั่วคราว โดยใช้ อาคารของ ร้อย.ถ.๓ (ม.พัน.๒๑) ในปัจจุบันไปก่อน
ฮ.ลำแรกที่ลงจอดที่ค่ายฯ เป็นของ พล.ต.อิสระพงษ์ หนุนภักดี โดยมี พ.ท.มนตรี ฯ ผบ.ช.พัน.๖ ขณะนั้น เป็นคนให้ทัศนสัญญาณนำลงเอง โดยใช้สนาม ฮ. ที่ได้สร้างขึ้นที่บริเวณทิศใต้ของคลัง สป.๕ ในปัจจุบัน และยังคงมีพื้น คสล. ให้เห็นอยู่ และสนามนี้สามารถนำ ฮ.ลงจอดได้ ๓ ลำ
การรักษาพยาบาล หรือปฐมพยาบาลก่อนส่งต่อ รพ.มหาสารคาม แต่ก่อนยังไม่มี รพ.ค่ายฯ เราก็ใช้สถานที่รักษาพยาบาลที่เรียกว่า หน่วยตรวจโรค พัน.สร.ที่ ๖ ที่ตั้งก็อยู่ที่โรงเลี้ยง พัน.สร.๖ ในปัจจุบัน โดยท่านนายแพทย์ที่ดูแลสุขภาพของพวกเราชาวค่ายคนแรก และยังคงดูแลพวกเราอยู่ตลอดเสมอมาก็คือ คุณหมอ พ.อ.เมธี (ศิวพล) บุญรินทร์ ผอ.รพ.ค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ในปัจจุบันนี้
แต่ผู้เขียนมีความสังสัย และอยากได้คำตอบมากก็คือ แต่ก่อนเรามีโรงผลิตน้ำแข็งหลอด ซึ่งเป็นขวัญใจนักดื่ม และดำเนินการโดย พัน.สร.๖ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเลิกกิจการไปแล้ว ไม่ได้สงสัยว่าทำไมเลิกแต่สงสัยว่า ทำไมต้องเอาโรงงานผลิตน้าแข็ง ไปไว้ด้วยกันกับ หน่วยตรวจโรค ...(ฮา)...
คลับเฮาส์หลังแรกปัจจุบันยังเห็นอยู่นั่นคืออาคารชั้นเดียวที่ติดห้องน้ำ ร้อย.ตถ.๖ แต่ก่อนใช้เป็นที่พักของทหารกองรักษาการณ์ด้วย
สนามกอล์ฟแห่งแรก คือพื้นที่ บริเวณหลังค่ายทั้งหมด โดยมีทีออฟหลุม ๑ อยู่ตรงข้ามป้ายสนามเด็กเล่นหนุนภักดี และหลุม ๙ อยู่ติดทิศใต้สนามฟุตบอล สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติฯ ปัจจุบันเป็นสระน้ำ เป็นพื้นที่ กอง พธ.พล.ร.๖ และเป็นพื้นที่ของ ม.พัน.๒๑ (ร้อย.ถ. ต่าง ๆ)
สนามไดร์ฟกอล์ฟแห่งแรก อยู่ที่ขอบสระน้ำ (ชาวค่ายรู้จักกันในนามสระพ่อใหญ่หนู) ด้านทิศใต้สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติฯ ปัจจุบันเป็นสวนป่ายางนาและสนามไดร์ฟกอล์ฟของ ศพก.พล.ร.๖ และที่ริมสระน้ำตรงลาดนั้นมีตัวหนังสือ ตัวใหญ่เขียนว่า “เกิดมาใช่อื่น เพื่อผืนดินไทย” ในหมู่ ร้อย.บ.พล.ร.๖ เขาบอกว่าถ้ามองลงมาเห็นข้อความนี้ แสดงว่าถึง พล.ร.๖ แล้ว ปัจจุบันมีหญ้าขึ้นรกจนแทบจะมองไม่เห็น
สระน้ำที่ชาวค่ายรู้จักกันในนาม “สระน้ำพ่อใหญ่หนู” นั่นก็เพราะว่าผู้ริเริ่มและดำเนินการคือ พ.อ.ทวีสิทธิ์ หนูนิมิตร รอง ผบ.พล.ร.๖ ขณะนั้น
เรื่องอาหารการกินล่ะครับ ร้านอาหารตามสั่งร้านแรกที่ขายก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย ข้าวผัด ที่เกิดมาตั้งแต่ปี ๒๕๒๕ ร้านแรกเลยอยู่ที่แถว ถ.๑ ห้อง ๑ ซึ่งเป็นของ เจ๊มุก (แม่บ้าน จ.ส.อ.สมพูน จันทร์คล้าย)ช.พัน.๖ เกษียณแล้ว แต่ยังวนเวียนหากินอยู่ในค่ายฯ เสียดายอยู่ว่าทำไมเจ๊จึงเลิกขายผัดไทย แต่ก่อนใคร ๆ ก็รู้จักผัดไทยเจ๊มุก และจ่าพูนเองก็ขายและส่งหนังสือพิมพ์ตั้งแต่บัดนั้น จนถึงบัดนี้
ร้านขายผักสด และของชำ ร้านแรกที่คู่กันกับร้านอาหารตามสั่งเป็นของ จ.ส.อ.ขันธ์ ปอยสูงเนิน ส.พัน.๖ เกษียณนานแล้ว ซึ่งตั้งอยู่ที่แถว ง.๑ ห้อง ๑ หรือบริเวณร้านวชิรจักร ของ ส.พัน.๖ ในปัจจุบัน
ทีนี้มาเล่าถึงการคมนาคม เดินทางต่าง ๆ เริ่มแรกตั้งแต่ปี ๒๕๒๔ เป็นต้นมา ถ้าจะเข้าไปในเมืองร้อยเอ็ด ก็ต้องเดินเท้าไปที่ถนนใหญ่ เพื่อขึ้นรถโดยสารประจำทาง (รถบัสแดง) ไป-กลับ จากนั้นก็เริ่มมามีมอเตอร์ไซค์ชาวบ้านรับจ้าง มีรถโดยสารสายบ้านเหล่าล้อ - ร้อยเอ็ด ซึ่งมีวันละ ๑ เที่ยว ไปเช้ากลับเย็น
ปลายปี ๒๕๒๗ ก็มีการริเริ่มที่จะให้มีรถโดยสารสวัสดิการค่ายฯโดย ผบ.ช.พัน.๖ (พ.ท.มนตรี ฯ) ได้ไปขออนุญาต และขอความอนุเคราะห์จาก บ.บัวขาวเดินรถ เจ้าของสัมปทานเดินรถในจังหวัดร้อยเอ็ด จนพัฒนามาเป็นรถสวัสดิการค่ายฯในปัจจุบัน เกือบลืมรถโดยสารสวัสดิการค่ายฯยุคเริ่มแรกมี ๓ คัน คือรถของ จ.ส.อ.ขันธ์ ปอยสูงเนิน ส.พัน.๖, รถของ จ.ส.อ.ถวิล บุญเกิด ช.พัน.๖ และอีกคันเป็นรถของ จ.ส.อ.โสวัฒน์ พุฒป่า กอง สพบ.พล.ร.๖ (ผู้ริเริ่มหน่วยกู้ภัยอโสกในปัจจุบัน) ทุกท่านนี้เกษียณนานแล้ว
แล้วถ้ามีกำลังพลเสียชีวิตเราทำกันอย่างไร เมื่อมีกำลังพลเสียชีวิต (ตาย) ส่วนมากจะนำไปฌาปนกิจ(เผา) ที่วัดบูรพาภิราม (วัดพระใหญ่) เนื่องจากวัดป่าบ้านโสกเชือก (ปัจจุบันวัดอโสกวนาราม) ไม่มีฌาปนสถานสำหรับรองรับ แต่การเดินทางไปงานศพก็ยังใช้รถบัสทหารเหมือนเดิมอย่างทุกวันนี้
และก็อย่าลืมไปว่า ร้านตัดเย็บเครื่องแบบทหาร ร้านแรกของค่ายมีมาตั้งแต่ปี ๒๕๒๗ ไม่ใช่ของใครอื่นเป็นร้านของขวัญใจชาวค่ายฯของเราที่รู้จักกันดีในนาม “ร้านคุณแกว” อยู่เหมือนเดิม โดยแต่ก่อนเปิดร้านอยู่ที่แถว ค.๑ ห้อง ๑ แล้วก็ย้ายมาอยู่ที่ห้องแถวสังกะสีข้างประปา (ตลาดเช้าเก่า) จากนั้นก็ย้ายไปที่หน้าวัดอโสกวนาราม ย้ายไปที่หน้าค่ายติดถนนใหญ่ ย้ายกลับมาที่หน้าวัดฯอีก ทีนี้ก็ย้ายหายไปเลยไม่รู้ไปอยู่ไหน ไปแบบหอบผ้าหอบผ่อนไปด้วย จะอยู่ที่ไหนส่งข่าวกันบ้างครับหลายคนคิดถึง(ผ้า)อยู่ครับ
...กำลังสนุก แต่พื้นที่หน้ากระดาษหมดเสียก่อน ก็คงจะพอแค่นี้ก่อนน่ะครับ เดี๋ยวท่านจะเบื่อ ที่จริงมีเกร็ดเล็กเกล็ดน้อย เขียนได้อีกเยอะแยะแต่ไม่รู้ว่าอยากจะอ่านกันหรือเปล่า ถ้าอยากอ่านอีก หรือมีข้อมูลอื่น ๆ ก็ส่งมาแลกเปลี่ยนพูดคุยกันนะครับ พร้อมรับและยินดีเสมอตามคำเรียกร้องของทุกท่าน
ข้อเขียนทั้งหมด เกิดขึ้น ได้ถอดออกมาจากคำบอกเล่าของท่านผู้เฒ่าทั้งหลาย คงจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่จะทำให้พวกเราชาวค่ายฯรุ่นใหม่ ๆ ได้รับรู้เข้าใจ และซึมซาบถึงบุญคุณ ในสิ่งที่ท่านผู้เฒ่าต่าง ๆ ได้ทำและจารึกไว้ ถ้าไม่มีเรื่องเล่าจากความทรงจำเหล่านี้ พวกเราก็ไม่มีโอกาสที่จะได้รู้ได้เห็นเหตุการณ์ในอดีตของค่ายเรา พวกท่านผู้เฒ่าเล่าให้ฟังด้วยหน้าตาท่าทางมีความสุข พวกเราผู้อ่านก็คงจะมีความสุข และยิ้มไปด้วย
ขอขอบคุณพวกท่านผู้เฒ่าทั้งหลาย ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือไปสู่ที่สงบ(ชอบ)แล้ว ที่ได้ช่วยกันสร้าง และพัฒนาค่ายมาเป็นลำดับอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ คงจะเป็นความทรงจำที่ดี และไม่มีวันลบเลือนไปจากใจของพวกท่าน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะเป็นแรงกระตุ้น เป็นพลังศรัทธาที่จะทำให้พวกเราชาวค่ายฯ รุ่นใหม่ๆ ต่อมามีกำลังใจในการที่จะช่วยกันดูแลบำรุงรักษา ให้ค่ายฯของเราสวยงาม มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และเข้มขลังต่อไป เพราะเมื่อเราไม่ได้มีส่วนร่วมในการสร้าง แต่เราก็สามารถที่จะมีส่วนร่วมในการเป็นผู้ดูแลที่ดีได้ และต้องทำให้ได้และให้ดีที่สุด เพราะเชื่อว่าไม่นานเราก็คงจะกลายเป็นท่านผู้เฒ่าเหมือนอย่างพวกท่านทั้งหลาย แล้วชาวค่ายรุ่นใหม่ต่อมาจะถามเราว่า แล้วเราทำอะไรให้แก่ค่ายเราบ้าง เราจะพากันตอบพวกเขาว่าอย่างไร ..
เมื่อกลับไปมองอดีต เราจะเสียใจในสิ่งที่อยากทำแล้วไม่ได้ทำ มากกว่าเสียใจในสิ่งที่ทำไปแล้ว พบกันใหม่ฉบับหน้าครับ ......
โฆษณา