5 ก.ย. 2020 เวลา 19:16 • ถ่ายภาพ
"ตากล้อง"
ตากล้อง เป็นคำกล่าวที่ใช้ เรียกผู้ที่ทำการถ่ายภาพ ในยุคก่อนนี้ ย้อนไปซัก 50ปี ต่อมาใช้คำพูดดูสวยหรูขึ้นว่า "ช่างภาพ" แต่ คนเป็น ช่างภาพ จะต้องเป็นคนที่มีความรู้ในการถ่ายภาพดี หรือผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ ชอบเที่ยวถ่ายภาพไปเรื่อยๆมักเรียกว่า "นักถ่ายภาพ" แต่ถึงแม้ไม่ว่าจะเรียกอย่างไรก็ตาม มันก็คือผู้ที่ทำการบันทึกภาพลงในกล้อง ไม่ว่าจะเป็น ภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว ก็ตาม.
"ตากล้อง"
หากแต่ในปัจุบัน ผู้คนส่วนใหญ่ มักใช้กล้องถ่ายภาพที่ติดมากับโทรศัพท์มือถือ มาถ่ายโชว์กันเล่นๆ ที่เรียกกันว่า "เซลฟี่" หรือบางคนก็ทำเป็นจริงเป็นจัง ก็มี ก็มันถ่ายกันได้ง่ายๆ แถมสวยเสียด้วย ทำให้นึกถึง อดีตเมื่อวันวาน มีกล้องชนิดยี่ห้อหนึ่ง เรียกกันว่า "กล้องขุนแผน" เพราะใครมีโอย..มันเทห์ สาวตรึม ฮะๆ ว่าไปนั่น และเจ้ากล้องที่ว่านี้ ก็คือ "กล้องโกดัก อินสตาร์เมตริค" นั่นเอง.
กล้องตัวแรกของผู้เขียน
สมัยนั้นกำลังเรียนอยู่ชั้น มศ.๒(มัธยมศึกษาปีที่๒) โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เชียงใหม่ มีโอกาสไปทัศนะศึกษาที่ ปีนัง ประเทศมาเลเซีย เลยถอยมาหนึ่งตัว โดยงบประมาณพ่อแม่ ตอนนั้นมีครูท่านหนึ่ง สอนวิชาศิลปศึกษา ท่านมีความรู้ทางด้านการถ่ายภาพ และลัางฟลิม์ มีเมตตาสอนให้ที่บ้าน เราก็เลยบ้าถ่ายรูปใหญ่ ก็ล้างเองได้นิ. แต่คุณเอย..ฟิล์มมันก็มีแค่ ๒๔รูป แค่นั้นเอง ฟิล์มมันเป็นกล้องแบนๆใส่ง่ายไม่ต้องดึงฟิล์มออกมาใส่แกนให้ยุ่งยาก แต่เวลามีแสงน้อย ต้องใช้แฟลชช่วย เพราะฟิล์มมีความไวแสงน้อย เจ้าแฟลชนะ เวลาถ่ายปุ๊บมันก็ดังผลุ๊บแล้วบวมใช้อีกไม่ได้ มันเป็นสี่เหลี่ยม พอถ่ายแล้ว เราขึ้นฟิล์มใหม่มันจะหมุนตามเปลี่ยนด้านให้ แต่เมื่อไม่ใช้ต้องถอดออกนะ แล้วก็เจ้าประคุณเอย..มันแพงและเปลืองเป็นบ้า แต่ว่าใครมีกล้องรุ่นนี้ ก็เหมือนกับมี ไอเพ็ท เลยทีเดียว ฮะฮ่า..
พอโตมา มีงานทำก็เก็บหอมรอมริบ ที่ละนิดที่ละน้อย ได้ Konica FTA มาตัวหนึ่งติดเลนส์มาตรฐาน 50mm มาให้ พอได้กล้องแล้วอยากได้เลนส์สำหรับถ่ายบุคคลอีก ก็เลยต้องถอย มาโคร75 มาอีก แล้วก็ฟินเตอร์ โน้นนู้นนี่ วุ่นวายไปหมด บ้าถ่ายยกใหญ่ตามภาษาคนเหื่อ.
กล้องตัวนี้ กึ่งอัตโนมัติ คือ มีอัตโนมัติความเร็วชัตเตอร์ ให้ กำหนดค่าวัดแสงหน้ากล้องเอง.
กล้อง 35 ตัวแรก
มาโคร 75 mm มือหมุน
พอใช้ไปสักระยะหนึ่ง นานเท่าไรจำไม่ได้ กำลังคล่อง ดันทำตกน้ำ ที่นี่ละ เจ้าประคุณเอย..เป็นง่อยเชียว ก็วัดแสงมันเสีย ออโต้ ก็ไม่ทำงาน หมดกัน
คราวนี้ก็ต้องเดากันละ คือต้องจำว่ารูปไหนถ่ายออกมาแล้วเป็นยังไง หน้ากล้องเท่าไหร่ ชัตเตอร์เท่าไรประมาณนี้ พอดีไปเจอหนังสมุดเล่มหนึ่งเป็น สมุดบันทึกการถ่ายภาพ ของคุณทอม เชื้อวิวัฒน์ เปิดอ่านดู ตรงกับปัญหาของเราพอดี เลยจัดไปเล่มนึง และก็นี่และ ครูคนแรกของเราเลย กับกล้อง 35mm ตัวแรก.
ตกใจมาก เมื่อเจอ สมุดนี้ในกลูเกิล แล้วก็ยังมีขายอีกด้วย เด็กสมัยนี้คงไม่รู้จักว่ามันมีค่าแค่ไหน มีกล้องมือยี่ห้อดีๆ ก็ถ่ายๆเอามาโชว์กัน ใครสนใจซื้อ หาดูครับ ดีมากๆ ถึงแม้ว่าสมัยนี้เป็นดิจิตอลแล้วก็ตาม.
นอกจากสมุดบันทึกเล่มนี้แล้วคุณทอม ท่านยังได้ทำหนังสือเกี่ยวกับการถ่ายภาพชื่อว่า เปิดกล้องส่องโลก เป็นหนังสือสอนเกี่ยวกับเทคนิคการถ่ายภาพ ในรูปแบบต่างๆ ท่านเขียนไส้ดีมากครับ ผมเลยสมัครเป็นสมาชิกชมรมของท่าน ชื่อว่า ชมรมเปิดกล้องส่องโลก
คุณทอม เชื้อวิวัฒน์ กับหนังสือของท่าน
ในข่วงที่ใช้ konica อยู่นั้น ทำงานตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการ แต่เนื่องจากมีความสามารถในการถ่ายภาพ หัวหน้าท่านเลยให้ทำงานด้านโสตศึกษา คือ ออกถ่ายภาพและจัดอุปกรณ์ โปรเจ็คเตอร์เครื่องเสียงกันศึกษานิเทศน์ คือว่าช่วยไปเขานะ..จึงได้มีโอกาสไปอบรมเทคนิคการถ่ายวิดิโอทำสารคดี ทางช่อง 7สี ทีวีเพื่อคุณ..ฮะฮ่า...ในรายการกระจกหกด้าน พอได้แนวทางติดตัวมาบ้าง แต่ทางหน่วยงานเรายังไม่มึเครื่องวิดิโอเลย ตอนไปอยรมใช้ของรายการเขา หน่วยงานเลยต้องจัดงานบอล คืองานเลี้ยงแบบมีดนตรีนะ ขายบัตรเป็นโต๊ะๆ ก็ครูโรงเรียนต่างๆในสังกัดนะเขาช่วย เอาคุณวินัย พันธุรักษ์ กับวงสุนทราภรณ์มา ก็ได้ตังซื้อกล้องมาตัวนึง เป็นแบบโฮยูสนะ พอใช้ได้ แล้วก็เครื่องบันทึกเสียงแบบเทบตลับคู่ มีมิกซ์ปรับเสียง4ช่อง ก็โอ.
แล้วก็วิดิโอสี14นิัว2เครื่อง แค่นี้ก็ทำตัดต่อกันได้ กล้องก็ไม่ค่อยมีแอฟเฟกอะไรมาก แถมไวท์บารานซ์ ก็ต่ำมาก ประใช้แสงน้อยไม่ได้เลย ถ่ายอะไรที่แสนงน้อยๆ ก็ต้องแบกสปอร์ตไลท์พร้อมขาตั้งและสายไฟม้วนใหญ่ไปลากกับอีก พร็อทเทเบลอร์ก็ใหญ่ คนแบกกล้องคนนึง แบกพร็อทคนนึง ไฟคนนึง บางที่ก็ต้องมีรีแฟรคด้วย โอยยุ่งยากจริงๆ สมัยนี้มันสบายๆ มีกล้องตัวเล็กๆ ให้ถ่าย แต่คนชอบมือถือเบาๆ
อเนกประสงค์กว่า แต่ความเบาและเล็กเกินไปทำให้สั่น ก็ต้องหาอุปกรณ์กันสั่นเพิ่มเข้าไปอีก มันก็ดีอย่างเสียอย่างนั้นแหละ.
มาเล่าถึงเรื่องทำไตเติลสมัยนั้นให้ฟังดีกว่า คือ ต้องเอา ตัวอักษรขุดลอกใส่กระดาษ แล้วก็ถ่ายอัดลงไป พอดีหนังสตาวอร์ กำลังดัง อยากได้แบบนั้น ก็เลยเอาตัวหนังสือที่ขูดเป็นข้อความแล้ว ม้วนใส่แกนแล้วหมุนให้เลื่อนเข้าไปถ่ายโดยใช้กล้องถ่ายให้เอียงตามแนวนอน45องศากับกระดาษข้อความค่อยๆหมุนเข้าไปภาพออกมาก็เหมือน สตาวอร์ เลย..
ตัวอย่าง
หลังจากลาออกจากราชการ หันมาทำธุรกิจ ส่วนตัว มาได้ Nikon FM2 ติดเลนส์35mm (ในรูป50mm หาภาพไม่ได้เอามาให้ดูเป็นตัวอย่าง) แต่ความจริง ไม่ใช่ของเราหลอกนะ แต่ก็เหมือนใช่ เอะยังไง?..คือเป็นของอดีตภรรยาชาวญี่ปุ่นนะ ก็ใช้ด้วยกัน แต่ต่อมา เขากลับไปเอามาอีก 3ตัว คือ กล้องดิจิตอลแบบจอหมุนพับได้ ตัวนึง กล้องบล๊อคดิจิตอลของนิคอนตัวนึง ตอนนั้นบ้านเรายังไม่มีเลย เวลาออกงานหรือทำข่าว เพื่อฝูงงงกันใหญ่ ก็ขนาดมือถือเขาตอนนั้น จอสีแล้วของเรายัง โมโต อยู่เลยห่างไกลกันจริง.
อีกตัวก็กล้องทวินเลนส์(กล้องเลนส์คู่)
ตัวอย่าง
จำยี่ห้อไม่ได้ละ ไม่ค่อยได้ใช้ ฟิล์มหาอยาก และเป็นขาวดำ แฟนเขาใช้เรียน มหาลัย ในรูปแค่ตัวอย่างนะ ที่นี้เราเลยใช้ FM2 คนเดียวสบายไป.
กล้องตัวนี้มันพิเศษอย่างนึง คือ ถ่ายภาพซ้อนในเฟรมเดียวได้ วิธีก็ง่ายแค่เวลาขึ้นชัตเตอร์ กดปุ่มให้แกนหมุนฟิล์มฟรี ฟิล์มก็ไม่เลื่อน แต่เวลาถ่ายภาพต้องเพื่อแสงทั้งสองครั้งไม่งั้นจะโอเวอร์ ไม่ค่อยได้ทำบ่อย ไม่รู้จะทำอะไร เดี่ยวนี้มีแอบเยอะแยะทำได้ อ้อ.ทำซ้อนในห้องอุดภาพก็ได้นะเหมือนกัน สมัยนั้นถ้าใครเคยไปดอยสุเทพ มีช่างภาพรับถ่ายแล้วทำให้ แบบตัวเราเองยืนอยู่ในมือเรา ตอนที่เห็นใหม่ๆ ก็แปลกใจเหมือนกัน.
ที่นี้ขอเราประสบการณ์ มีครั้งหนึ่ง ได้งานถ่ายภาพ เครื่องทอง เงินโบราณของศรีสัชนาลัยเขานะ เจ้าของร้านเขาเคยจ้างช่างภาพมาถ่ายนกอุปกรณ์ สตูดิโอมากันเลย ภาพออกมา สีทองไม่เป็นทอง เงิน ทองออกสีทองแดง เงินออกสีเทาๆคล่ำๆ เขาถามพี่ทำได้ไหม? เลยบอกลองดู เราก็ FM2 ตัวเดียว ใช้แสงแดด ก็เอาโต๊ะมาว่า ถ่ายเอาวดอ เลยต้องยกโต๊ะ ไล่ตามแดดไปเลื่อย ฮะๆ..แล้วใช้ ฟอร์ยสีทอง กับโฟมขางอีกแผ่นเป็นรีเฟล็กซ์ เอาสีทองยิ่งไปที่วัตถุ โฟมขาวตบเงา เครื่องเงินก็ฟอร์ยสีเงิน ทำเหมือนกัน ใช้ฟิลม์สไลด์ เจ้าของร้านเขาเห็นก็งงๆ บอกจะได้เหรอ ก็ใช้สตูดิโอยังไม่ได้ เลยบอกเดี๋ยวลองดูภาพละกัน ปรากฏว่า กริบ..สวย ทองเป็นทอง เงินเป็นเงิน เท่านั้นแหละที่นี้เจ้าประคุณเอย...งานเข้า เจ้าของร้านเอย ลูกสาวเอย รวมไปถึงคุณนายผู้ว่า พากันแต่งสวย ใส่เครื่องทอง ให้ถ่ายกันยกใหญ่ แถมต้องใช้โบราณสถานเป็นแบล็คกราวด์เสียด้วย ที่ก็ต้องหาทีมงาน ไหนจะช่างแต่งหน้าแต่งตัว คนถือรีเฟรช และช่างภาพอีก 3คน (ใช้กล้อง FM2 เลนส์ 35 กล้อง Canon ซูม 75 -135 และดิจิตอลบล็อกเอาไว้เช็คภาพ) ทำยังกับกองถ่าย เดือดร้อนทางอุทยานต้องให้ รปภ มาดูแลฮะๆ.
ที่ ตานิด อยากเล่า มานี้ ก็ให้อ่านกันสนุกๆ เป็นประสบการณ์เล็กๆน้อยๆ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้รู้เท่านั้น ความจริงมีอีกเยอะแต่กลัวยาวมากไป ท่านใดชื่นชอบ ติดชมกันมาครับ มีคนชอบมาก ก็จะเขียนเทคนิคง่ายๆ ถ่ายภาพให้สวยยังไง อะไรพวกนี้นะ ขอขอบพระคุณทุกท่านครับ.
#ขอขอบคุณภาพของคุณทอม เชื้อวิวัฒน์ จากกูเกิล
#ขอขอบคุณ เจ้าของภาพกล้องต่างๆ จากกูเกิล ครับ.
โฆษณา