29 ส.ค. 2020 เวลา 01:08 • หุ้น & เศรษฐกิจ
DOD ผู้รับจ้างผลิต OEM อาหารเสริมและความงาม กับ story สร้าง own brand ด้วยธุรกิจเครือข่าย
[เทรดมั่วทัวร์ดอย]
[เทรดมั่วทัวร์ดอย]
DOD หรือ บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค จดทะเบียนเข้าตลาด MAI ในช่วงกลางปี 2561 ที่ราคา IPO 9.30 บาท/หุ้น รวมเป็นเงินที่ได้จากการระดมเงินทุน IPO จำนวน 987 ลบ. โดยมีวัตถุประสงค์หลักๆเพื่อ
• ลงทุนในการสร้างโรงสกัดที่ 2 จำนวน 100 ลบ
• R&D ตราสินค้า own brand จำนวน 200 ลบ
• ชำระหุ้นกู้สถาบันการเงิน 50 ลบ
• ใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ 637 ลบ
หลังจากเข้าเทรดในตลาด MAI ได้ไม่นาน ทาง DOD พยายามหาช่องทางการเติบโตด้วยการเข้าซื้อโรงงานใหม่ที่รับจ้างผลิตเครื่องสำอางเข้ามา อีกทั้งมีการตั้งบริษัทใหม่เพื่อทำธุรกิจเครือข่ายฯ ส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายค่าตัวแทนและการตลาด กดดันกำไรของ DOD ในปี 62 ลดลงเหลือเพียง 86 ล้านบาท จากปี61 ที่ทำกำไรได้มากถึง 300 ล้านบาท
แต่ล่าสุดหลังงบไตรมาส 2 ปี63 ประกาศออกมา เราเริ่มเห็นถึงพัฒนาการที่ดีของบริษัท ที่สามารถสร้างรายได้เติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ และสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้มาก ทำให้ภาพของ DOD ในปัจจุบันค่อนข้างดูดีมากขึ้น เมื่อโฟกัสไปที่กำไรสุทธิครึ่งแรกปี63 ของ DOD พบว่าบริษัทสามารถทำกำไรได้มากกว่าทั้งปีของปี62 ไปเรียบร้อยแล้ว
มาเริ่มทำความรู้จักธุรกิจของ DOD กัน
OPPDAY - DOD
DOD เป็นผู้รับจ้างผลิต (OEM) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนประกอบหลักมาจากสารสกัดจากธรรมชาติ โดยบริษัทให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาสูตรอาหารเสริม กระบวนการผลิต การออกแบบบรรจุภัณฑ์ รวมไปถึงการขึ้นทะเบียนขอเลข อย. ของตราสินค้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
ขั้นตอนการผลิต - OPPDAY - DOD
และด้วยกระบวนการ R&D และการผลิตของ DOD ที่เป็นความลับของบริษัท ลูกค้าจึงไม่สามารถเข้าถึงสูตรการผลิตของผลิตภัณฑ์ได้ จะเป็นจุดแข็งของ DOD ที่ลูกค้าต้องพึ่งพิงการผลิตของบริษัท ไม่สามารถผลิตเองหรือจ้างโรงงานอื่นผลิตแทนได้
หากเราจะแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ DOD จะแบ่งได้ออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ดังนี้ คือ
1. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพิ่มความงาม
มีทั้งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อดูแลรูปร่าง ที่มีคุณสมบัติช่วยเผาผลาญไขมัน ลดการสะสมไขมัน ลดความอยากอาหาร และยังมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อดูแลผิวพรรณ ที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวให้นุ่ม ยกกระชับ กระจ่างใส ลดเรือนริ้วรอยจุดด่างดำบนใบหน้า
2. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ
เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทานเพื่อให้ร่างกายมีประสิทธิภาพดีขึ้น ประกอบด้วยวิตามินแร่ธาตุต่างๆ เช่น สารอนุมูลอิสระ สารสกัดต่างๆที่ช่วยเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ เช่น เพื่อระบบขับถ่าย เสริมอาหารประเภทโปรตีน อาหารบำรุงสมอง และอาหารพลังงานก่อนออกกำลังกาย
DAI A TO สินค้า Own Brand ของ DOD
DAI A TO - Cr. dodbiotech.com
นอกเหนือจาก OEM แล้ว DOD ยังมีสินค้าภายใต้ตราบริษัทในชื่อ “Dai a to” เป็นสินค้าเสริมอาหารประเภทโปรตีนแบบผงชงน้ำดื่มแทนมื้ออาหาร ที่ให้หลังงาน 120 kcal มีสารอาหารครบ 5 หมู่
DAI A TO - Cr. dodbiotech.com
เร่งการเติบโตด้วยการซื้อบริษัท OEM เครื่องสำอาง
Cr.PCCALaboratory - Facebook page
หลังจากผ่านช่วงเข้าเทรดในตลาดได้ประมาณครึ่งปี DOD ควักเงิน 297 ล้านบาท เข้าซื้อบริษัท “PCCA Laboratory” ในสัดส่วน 90% เข้ามาอยู่ภายใต้บริษัทย่อยที่จัดตั้งมาใหม่ในชื่อ “ดีโอดี เฮ้ลท์ตี้ไลฟ์” และเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้เงิน IPO จำนวน 148 ลบ. เพื่อให้บริษัทใหม่นี้ใช้ขยายกิจการรับจ้างผลิตฯ
Cr.PCCALaboratory - Facebook page
ซึ่ง PCCA Lab นั้น ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางในรูปแบบ OEM อย่างครบวงจร เรามาลองดูผลการดำเนินงานของ PCCA Lab กันหน่อยดีกว่า
ปี58
รายได้ 128 ล้านบาท
กำไรขั้นต้น 66 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 11 ล้านบาท
ปี59
รายได้ 107 ล้านบาท
กำไรขั้นต้น 53 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 0.19 ล้านบาท
ปี60
รายได้ 116 ล้านบาท
กำไรขั้นต้น 49 ล้านบาท
ขาดทุน -0.07 ล้านบาท
ความน่าสนใจของ PCCA อยู่ที่บริษัทมีมาร์จิ้นที่ระดับ 40-50% แต่ PCCA นั้นไม่สามารถทำกำไรได้ อันนี้น่าจะเกิดมาจากการใช้กำลังการผลิตไม่คุ้มค่า (u-rate 40%) แต่พอมาอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ DOD พบว่าธุรกิจนี้ใน 2 ไตรมาสแรกของปี63 มีรายได้ที่ 186 ล้านบาท และมีมาร์จิ้นอยู่ที่ 39% ลดลงจาก product mix ที่เปลี่ยน แต่ภาพรวมนับว่ายังสูงอยู่ และจากการสอบถามกับทางบริษัทมา พบว่า PCCA เป็นธุรกิจที่มีกำไรแล้ว หลักๆเกิดจาก synergy ลูกค้าระหว่างกัน เพิ่มอัตราใช้กำลังการผลิต และมี SG&A ลดลง
อีกทั้งอาคารของ PCCA สาขา 2 ยังมีพื้นที่เหลือพอที่จะนำมาปรับปรุงให้เป็นโรงงานสกัดที่2 ได้อีกด้วย ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในช่องการออกแบบ
"อัลทิมา ไลฟ์" ธุรกิจขายตรงเพิ่ม demand การผลิต ลดการพึ่งพาลูกค้า OEM
Cr - UltimaLife by DOD - Facebook page
เมื่อ DOD มีโรงงานผลิตทั้งอาหารเสริมเพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางเข้ามาอยู่มือแล้ว ก้าวต่อไปที่ DOD เลือกเดิน คือการสร้าง demand ด้วยธุรกิจเครือข่าย ซึ่งจะเป็นช่องทางการสร้างรายได้ให้กับธุรกิจการผลิต และสร้างรายได้ใหม่ที่จะทำให้สัดส่วนรายได้ own brand มีน้ำหนักมากขึ้น
1
เพราะเดิมทีนั้น บริษัทเป็นเพียงผู้ผลิตรูปแบบ OEM เป็นส่วนใหญ่ ทำให้ลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มซื้อมา-ขายไป หากแบรนด์สินค้าไหนติดตลาด บริษัทก็จะมีออเดอร์เข้ามาเรื่อยๆ แต่ปัญหาอยู่ที่ product life cycle ของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้เปลี่ยนแปลงค่อนข้างไว DOD จึงมีความเสี่ยงในด้านรายได้ ที่ต้องพึ่งพิงจากลูกค้ารายใหญ่
Cr - UltimaLife by DOD - Facebook page
ดังนั้น การรุกเข้าทำธุรกิจเครือข่ายผ่านการจัดตั้งบริษัท ”อัลทิมา ไลฟ์” จะเป็นการสร้าง demand ให้กับโรงงานผลิตของบริษัท ที่จะมี order เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งแบรนด์ก็จะอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทเอง นี่จึงเป็นช่องทางใหม่ในการส่งต่อสินค้าที่ผลิตจากบริษัทไปสู่ผู้บริโภคได้อีกด้วย
แต่ช่วงแรกของการเริ่มธุรกิจเครือข่าย ”อัลทิมาไลฟ์” นั้น สิ่งสำคัญอันดับต้นๆ คือ การสร้างการรับรู้และทำการตลาด นำมาซึ่งค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อันเป็นสาเหตุทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในปี62 สูงถึง 330 ลบ. (ก่อนเริ่มธุรกิจใหม่ DOD มี SG&A ประมาณ 100 ลบ.) ทำให้กำไรสุทธิโดนกดดันจนเหลือกำไรเพียง 86 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานของ DOD
ปี58
รายได้ 384 ล้านบาท
กำไร 128 ล้านบาท
ปี59
รายได้ 366 ล้านบาท
กำไร 138 ล้านบาท
ปี60
รายได้ 387 ล้านบาท
กำไร 142 ล้านบาท
ปี61
รายได้ 666 ล้านบาท
กำไร 305 ล้านบาท
ปี62
รายได้ 789 ล้านบาท
กำไร 86 ล้านบาท
งวด6M63
รายได้ 772 ล้านบาท
กำไร 103 ล้านบาท
GPM 49.5 %
ROE 10.9 %
DE 0.42 X
PE 28.7 X
PBV 3.21 X
แนวโน้มอนาคตของ DOD
DOD - tradingview
จากงบ 6 เดือนแรกปี63 พบว่า DOD มีรายได้ที่เติบโตในทุกๆกลุ่มธุรกิจ และหากพิจารณาด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเทียบกับรายได้ (SG&A to Sale) พบว่างวดครึ่งปีแรกอยู่ที่ 32% เทียบกับปี62 อยู่ที่ 41.7% นับว่าบริษัทมีการลดค่าใช้จ่ายลงอย่างมีนัยสำคัญ
SG&A ที่ลดลงนั้นมาจาก ปี62 บริษัทมีการรับรู้รายจ่ายพนักงานใน 2 ธุรกิจใหม่ และมีค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่เป็น one time เข้ามาในช่วงแรกของการทำธุรกิจเครือข่าย ทำให้ต้นปี63 ที่ผ่านมา บริษัทลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลงไป ในขณะที่รายได้กลับมีการเติบโต บริษัทจึงมีกำไรที่เติบโตในอัตราที่มากกว่าในปีก่อน ผลคือ DOD มีกำไรในครึ่งปีแรกของปี63 ที่ 103 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าทั้งปี62 ที่มีกำไรเพียง 86 ล้านบาทไปเรียบร้อยแล้ว
ทำให้ภาพในอนาคต หากบริษัทยังสามารถเพิ่มรายได้จากธุรกิจการผลิตขึ้น พร้อมกับการควมคุบค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับต่ำแบบนี้ได้ กำไรของ DOD น่าจะเป็นเทรนขาขึ้น อีกทั้งหากสามารถทำให้ธุรกิจเครือข่ายพลิกกลับมามีกำไรได้ (บริษัทคาดว่าอีก 2 ปี) สตอรี่นี้จะเป็นตัวพลักดันกำไรของ DOD ให้กลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อีกครั้ง สุดท้ายด้วยกำไรที่เติบโต ก็จะส่งผลไปถึงราคาหุ้นที่จะกลับไปเทรดสูงกว่าราคาจอง IPO ได้อย่างแน่นอนครับ
Cr - thairath online
อย่างไรก็ตาม เราคงต้องมาติดตามพัฒนาการของ DOD กัน ว่าจะสามารถบรรลุผลการเติบโตผ่านธุรกิจใหม่ได้หรือไม่?? พร้อมกับทิ้งโน็ตไว้ว่า DOD จะเป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์จากนโยบายเสรีกัญชา ซึ่งบริษัทมีใบอนุญาติและโรงสกัดสารจากสมุนไพร เป็นสตอรี่เสริมในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย
ยังไงทางแอดฯขอเป็นกำลังใจให้กับทีมผู้บริการและพนักงานของบริษัท DOD ทุกท่านนะครับ และทางผมก็จะรอติดตามพัฒนาการที่ดีของบริษัทต่อไปครับ
ที่มา:
#เทรดมั่วทัวร์ดอย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา