25 ส.ค. 2020 เวลา 17:40 • ท่องเที่ยว
ขอประเดิมบทความแรกใน Blockdit ถึงเรื่องราวเกี่ยวกับ Machu Picchu ซึ่งเคยเขียนลง FB เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ขอเอามาปัดฝุ่นเล่าใหม่ //
ขอเล่าถึงการเดินทางไป Machu Picchu โดยผมต้องออกจาก Cusco ตั้งแต่เช้าตรู่ 06.30 น. เพื่อไปขึ้นรถไฟเดินทางไป มาชู ปิกชู รถไฟนี้เป็นรถไฟขบวนพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวมีหลังคาเป็นโดมกระจก มองเห็นทิวทัศน์ 2 ข้างทางสวยงามมาก ระยะทางประมาณ 150 กม.
จริงๆแล้วการเดินทางไปมาชู ปิชู นอกจากโดยทางรถไฟแล้ว ถ้าชอบผจญภัยก็มีการเดินเท้าตามเส้นทางอินคา (Inca Trails) ให้เลือกด้วย ถ้าเดินแบบตลอดรู้สึกจะใช้เวลาหลายวัน แต่ก็มีให้เลือกหลายแบบทั้งระยะสั้น ระยะยาว แต่ขอบอกว่าต้องเป็นคนที่มีร่างกายสุขภาพแข็งแรงมากๆ เพราะต้องเดินขึ้นเขาลงห้วยตลอด
ผมมาขึ้นรถไฟที่สถานีเมือง Poroy ซึ่งผมอ่านออกเสียงแบบไทยๆว่าสถานีโพธิ์ร้อย รถไฟใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. โดยจุดแรกรถไฟจะแวะที่เมือง Ollantaitambo อ่านแบบอินคาว่า “โอลานไตตำโบ” ซึ่งชื่อเมืองนี้สะกิดใจผมมาตั้งแต่ปี 36 แล้วว่า ฟังแล้วสำเนียงออกไทยมาก ผมเคยอธิบายให้เพื่อนเปรูฟังว่า ถ้าเรียกแบบไทยๆก็อาจออกเสียงได้ว่า “โอฬารไทยตำบล” และที่แปลกคือคำว่า “ตำโบ (Tambo) ในภาษาอินคาแปลว่า สถานที่ ซึ่งคำว่า “ตำบล” ของไทยก็แปลว่าพื้นที่หรือสถานที่เช่นกัน
จาก Ollantaitambo รถไฟก็วิ่งอีกสักพักไปสิ้นสุดที่เมือง Aguacaliente (น้ำพุร้อน) เมืองนี้อยู่ตรงเชิงเขาของมาชู ปิกชู นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องลงรถไฟและเปลี่ยนไปขึ้นรถมินิบัสเพื่อนำเราเดินทางตามเส้นทางคดเคี้ยวตามไหล่เขาไปจนถึงยอดมาชู ปิกชู
ซึ่งตรงนี้ก็ยังมี option ถ้าใครอยากเดินเท้าขึ้นไปยอดมาชู ปิกชู ก็ได้ แต่ผมอายุมากแล้ว สังขารไม่ให้ ก็เลยเลือกนั่งรถขึ้นไปแทน
พอมาถึงยอดมาชู ปิกชู ความเหนื่อยต่างๆก็มลายหายไปหมดสิ้น เพราะนั่นคือ มาชู ปิกชู 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกปรากฏอยู่ตรงหน้าเรา
มาชู ปิกชู ตามประวัติที่ผมได้ฟังจากไกด์ ขอเล่าแบบสรุปๆว่า สร้างขึ้นในคริสตศตวรรษที่ 15 โดยมีอายุอ่อนกว่า Cusco เมืองหลวงของอินคา 1 ศตวรรษ (Cusco ถูกสร้างเมื่อคริสตศวรรษที่ 14)
มาชู ปิกชู นั้น กษัตริย์อินคาสร้างไว้สำหรับเป็นที่พักผ่อน มีเนื้อที่ประมาณ 4 ตร.กม. ในสมัยก่อนกษัตริย์อินคาและพระราชวงศ์จะเดินทางตาม Inca trails ใช้เวลาประมาณ 7 วัน ไกด์เล่าให้ผมฟังว่าอินคามีคนวิ่งส่งข่าวระหว่าง Cusco กับ มาชู ปิกชูด้วย เรียกว่า Inca Runner พวกนี้สามารถวิ่งขึ้นเขาลงห้วยได้เร็วมากประมาณชั่วโมงละ 10 กม. ซึ่งจะมีการวิ่งรับส่งข่าวรับช่วงกันเป็นระยะๆ ใช้เวลาประมาณ 1 วัน
บนมาชู ปิกชู นั้นประกอบไปด้วยส่วนของที่ประทับของกษัตริย์ และสมาชิกราชวงศ์ ทำเป็นเรือนพักก่อด้วยหิน สำหรับประมาณ 400-500 คนเท่านั้น ส่วนชาวบ้านจะอยู่ที่เชิงตีนเขาที่เมือง Aguacaliente ไม่ขึ้นไปอยู่บนมาชู ปิกชู
นอกจากที่ประทับของกษัตริย์และสมาชิกราชวงศ์แล้ว ก็มีวิหารเพื่อบูชาสุริยเทพ อาคารสำหรับสั่งสอนสรรพวิชา อาคารโรงงานสำหรับการประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ อาคารโรงเก็บอาหารที่ออกแบบให้มีช่องลมนำความเย็นเข้าไปในอาคารเพื่อการถนอมอาหาร มีลานพิธีบูชายัญสัตว์เพื่อถวายเทพเจ้า โดยที่มาชู ปิกชู นั้นสัตว์ที่จะนำมาบูชายัญจะเป็นตัวลามะสีดำเท่านั้น ซึ่งต่างจากที่ Cusco จะบูชายัญด้วยตัวลามะสีขาวเท่านั้น
การบูชายัญนั้นจะใช้มีดแบบอินคาที่เรียกว่า Tumi ในการเชือดเท่านั้น
นอกจากพิธีบูชายัญสัตว์เพื่อถวายเทพเจ้าแล้ว ก็ยังมีพิธีทำมัมมี่คล้ายๆของอียิปต์ด้วย โดยในวิหารบูชาสุริยเทพ จะมีช่องที่เว้นไว้ตรงผนังเพื่อบรรจุมัมมี่
นอกจากนี้ที่มาชู ปิกชู ก็จะเป็นที่เก็บสมบัติของกษัตริย์อินคา เช่น พวกทองคำและเงินจำนวนมากด้วย
หลังจากที่ Cusco ถูกแม่ทัพสเปน Pizarro นำทหารแค่ 500 คนมายึดเมืองและจับกษัตริย์อินคาไว้ได้ (อินคานึกว่า Pizarro คือเทพเจ้าผิวขาวในตำนานของพวกเขาที่ได้กลับมาบนโลกอีกครั้ง จึงได้ยอมวางอาวุธ)
บัดนั้น การเชื่อมติดต่อกันระหว่าง Cusco กับ Machu Picchu ก็ได้ขาดหายไป สเปนเองก็ไม่ทราบว่าอินคามีเมืองลึกลับซ่อนอยู่ที่มาชู ปิกชู มาชู ปิกชู จึงสูญหายไปเพราะโดนทอดทิ้งไปเป็นเวลากว่า 400 ปี และถูกปกคลุมด้วยวัชพืชจนมองแทบไม่เห็น จนกระทั่งนักสำรวจโบราณคดีชาวอเมริกันชื่อ Hiram Bingham ได้มาพบเจอโดยบังเอิญเมื่อปี 1911 ซึ่งทำให้เขาถึงกับตะลึง เพราะมาชู ปิกชู เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติของอินคาที่ถูกนำมาเก็บซ่อนไว้
สิ่งที่ทำให้มาชู ปิกชู ถูกขนานนามว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันนึงของโลกคือ การที่ชาวอินคาสามารถสร้างเมืองด้วยการนำก้อนหินที่ถูกนำมาจากข้างล่างนำขึ้นไปก่อสร้างบนยอดเขาได้อย่างน่าทึ่งและพิศวงว่าชาวอินคาทำได้อย่างไร ขนาดปัจจุบันมีเทคโนโลยีช่วยเหลือสารพัดยังยากลำบากแสนสาหัสกว่าจะเดินทางขึ้นไปถึง
บนมาชู ปิกชู นั้นยังมียอดเขาอีก 2 ลูกที่สูงกว่ามาชู ปิกชู ที่ชาวอินคาขึ้นไปสร้างสิ่งก่อสร้างไว้ ซึ่งถ้าใครต้องการจะเดินเท้าปีนขึ้นไปดู จะต้องขออนุญาตทางการเปรูล่วงหน้าก่อน 3 เดือน และขึ้นได้วันละไม่เกิน 400 คน ใช้เวลาเดินจากมาชู ขึ้นไปเกือบทั้งวันเพราะมันสูงมาก ซึ่งหากมองด้วยตาเปล่าก็จะเห็นสิ่งก่อสร้างเรียงด้วยหินทำเป็นขั้นบันไดไว้บนหน้าผา ซึ่งดูลึกลับและมหัศจรรย์มาก
ก้อนหินที่ถูกนำมาสร้างมาชู ปิกชู นั้นจะแตกต่างจากหินที่ Cusco เพราะหินที่ Cusco เป็นหินปูน limestone แต่หินที่มาชู ปิกชู เป็นหินแกรนิตซึ่งแข็งกว่า
หินที่ถูกนำมาตัดแบบเรียบและเข้าล็อคสลักหินก่อขึ้นเป็นตัวอาคารจะมีน้ำหนักตั้งแต่หลายสิบตัน ถึงเป็นร้อยๆตัน โดยตัวอาคารจะถูกสร้างบนก้อนหินธรรมชาติบนยอดมาชู เพื่อใช้เป็นฐานราก จึงมีความแข็งแรงมาก ส่วนตัวหลังคาจะสร้างด้วยโครงไม้จากป่ารอบๆมาชู และมุงด้วยฟาง ตอนที่ Hiram Bingham เจอมาชู ปิกชู นั้น ตัวหลังคาที่ทำด้วยไม้ได้ผุกร่อนไปตามกาลเวลา แต่ตัวโครงสร้างอาคารที่ทำด้วยหินยังคงสภาพค่อนข้างดี
1
สมบัติของอินคานั้นส่วนใหญ่ได้ถูกนำไปเก็บไว้ที่สถาบันต่างๆในสหรัฐฯ เช่น มหาวิทยาลัย Yale ทางการเปรูเพิ่งได้รับคืนสิ่งของมีค่าบางส่วนนำกลับมาแสดงที่พิพิธภัณฑ์กรุงลิมา ซึ่งถ้าใครมีโอกาสไปถึงเปรู ต้องหาทางไปชมให้ได้
การได้มาเห็น มาชู ปิกชู ทำให้ช่วยเปิดโลกทัศน์ว่า ยังมีอะไรที่มหัศจรรย์เกินกว่าจินตนาการของมนุษย์อย่างน่าเหลือเชื่อ ยิ่งถ้าคุณได้เห็นโบราณสถานอื่นๆที่คล้ายๆมาชู ปิกชู ที่ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคเดียวกันหรือใกล้เคียงเช่น นครวัด ปราสาทหินวัดพู จำปาสัก ปราสาทหินพนมรุ้ง บุรีรัมย์ บูโรพุทโธที่เกาะชวา ปิรามิดที่อิยิปต์ ปิรามิดของอาณาจักรแอสแต็ค มายาที่เม็กซิโก อารยธรรมของจีนและอินเดียโบราณบางแห่ง ซึ่งเคยมีคนบอกผมว่าถ้าเราลองเปิดแผนที่โลก และลากโยงเส้นจากอารยธรรมต่างๆดังกล่าวข้างต้นเข้าด้วยกัน จะพบว่านั่นเป็นแผนที่ของดวงดาวต่างๆในระบบสุริยะจักรวาล ว่าแต่ใครกันที่สามารถมองเห็นภาพรวมของทั้งโลกได้แบบนี้ หรือเขาคือ “เทพเจ้าผิวขาวที่ลงมาจากฟ้า” (ตามตำนานของชาวอินคา) ที่ได้ลงมาสั่งสอนสรรพวิชาความรู้ที่ลึกลับซับซ้อนเหล่านี้กับอารยธรรมโบราณตามที่ต่างๆ จนเกิดอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจนกลายเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ !?
โฆษณา