25 ส.ค. 2020 เวลา 20:55 • ประวัติศาสตร์
#พระที่นั่งมณเฑียรทอง
พระที่นั่งมณเฑียรทององค์นี้เดิมเป็นพระที่นั่งของพระเจ้ามินดง สร้างด้วยไม้สักทองแกะสลักทั้งหลัง ได้ชื่อว่าเป็นพระที่นั่งที่มีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปเอเชีย แต่เดิมเป็นพระที่นั่งที่ทอดต่อกันในเขตพระราชมณเฑียรภายในพระราชวังมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นพระที่นั่งองค์เดียวของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์พม่า ที่รอดพ้นจากการทำลายในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง
ภายหลังย่างกุ้งถูกอังกฤษยึดครอง พระเจ้ามินดงมีพระราชประสงค์ที่จะย้ายเมืองหลวงใหม่ตามคำกราบบังคมทูลของโหรหลวงอันเป็นการสะเดาะพระเคราะห์ และเพื่อเป็นการย้ายศูนย์กลางอำนาจการเมือง การปกครอง การเก็บภาษีอากร ให้ออกไกลห่างจากเมืองย่างกุ้ง และเพื่อหนีทหารของจักรวรรดิอังกฤษที่กำลังคืบคลานเข้ามาในทุกขณะ
พระเจ้ามินดงจึงมีพระราชโองการให้ย้ายเมืองหลวงจากเมืองอมระปุระไปยังเมืองมัณฑะเลย์ (ซึ่งตรงรัชสมัยรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) โดยโปรดเกล้าฯให้สร้างพระราชวังขึ้นอย่างใหญ่โต ในการตั้งเสาเมืองนั้น จะต้องมีพิธีฝังคนทั้งเป็น โดยคนที่ถูกฝังทั้งเป็นนั้น จะเป็นผีคอยรักษาเมือง และจะต้องมีคุณสมบัติตามที่โหรพราหมณ์กำหนด ไม่ใช้นักโทษที่ต้องโทษประหาร แต่จะเป็นคนที่อยู่ในวัยต่างๆ กัน มีตั้งแต่คนมีอายุ จนถึงเด็กทั้งผู้หญิง และผู้ชาย ทุกคนต้องมีฐานะดีเป็นที่ยกย่องในกลุ่มชน และต้องเกิดตามที่พระยาโหรกำหนด ถ้าเป็นชายต้องไม่มีรอยสัก ผู้หญิงต้องไม่เจาะหู เมื่อสั่งเสียล่ำลาญาติพี่น้องตามกระบวนการแล้ว ก็จะถูกนำตัวไปลงหลุม ซึ่งญาติพี่น้องก็จะได้รับพระราชทานรางวัลตามสมควร ในการสร้างเมืองใหม่นี้คาดว่ามีผู้สังเวยชีวิตในการเป็นผีเฝ้าประตูเมืองมากกว่า 600 คน ทั้งฝังตามพระตำหนัก พระที่นั่งต่างๆ พลับพลา ประตูหลัก ประตูวัง รวมถึงใต้รัตนบัลลังก์พระที่นั่งของพระมหากษัตริย์ หลังจากการสร้างพระราชวังใหม่เสร็จ พระเจ้ามินดงก็ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอยู่ต่อเนื่องรวมทั้งมีการสังคยานาพระไตรปิฏกขึ้นใหม่และเลี้ยงพระวันละ 2000 รูป เป็นเวลา 7 วัน อีกกระแสก็กล่าวว่าพระองค์มีประสงค์จะทำบุญให้แก่ผู้ต้องสังเวยชีวิตในการสร้างพระราชวัง
2
ภายหลังพระเจ้ามินดงสวรรคต พระเจ้าสีป่อ หรือพระเจ้าธีบอ ขึ้นเสวยราชสมบัติ โปรดเกล้าฯให้ย้ายพระที่นั่งมณเฑียรทองไปไว้ยังวัดชเวนันดอจอง ตามพระราชประสงค์ของพระราชบิดา อีกกระแสหนึ่งก็กล่าวว่าพระองค์กลัวผีพ่อ เพราะการขึ้นมาเป็นกษัตริย์ของพระเจ้าสีป่อนั้น ก็ดูจะเปื้อนเลือดสยดสยองดอยู่ไม่น้อย ซึ่งการย้ายพระที่นั่งองค์นี้ใช้เวลารื้อถอนและย้ายประกอบเข้าที่เพียงแค่ 20 วันเท่านั้น
3
พระที่นั่งไม้องค์นี้ ประกอบด้วยอาคารในผังสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งแบ่งออกเป็นสองห้อง ห้องด้านหน้าคงใช้สำหรับเสด็จออก ส่วนห้องด้านหลังคงเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ ผนังด้านนอกอาคารมีการประดับด้วยฝาปะกนและประติมากรรมบุคคลขนาดเล็ก ส่วนชั้นหลังคาประดับด้วยปานซอยไม้ที่มีประติมากรรมบุคคลขนาดเล็กประดับอยู่จนเต็ม อาคารเดิมคงปิดทองทั้งหลัง จึงมีชื่อว่า “ชเวนันดอ” ซึ่งแปลว่าพระที่นั่งทอง อนึ่ง อาคารทรงสองคอสามชาย ถือเป็นลักษณะสำคัญของอาคารเครื่องไม้ในศิลปะอมรปุระ-มัณฑเลที่แสดงถึงอาคารฐานันดรสูง
เมื่ออังกฤษเข้ายึดครองพม่าในสงครามโลกครั้งที่สอง ทางอังกฤษคิดว่าพระราชวังนี้เป็นแหล่งซ่องสุมของทหารญี่ปุ่น จึงได้ทำลายพระราชวังเสียด้วยการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินในวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1945 พระราชวังตกอยู่ในความเสียหายมาโดยตลอด พระที่นั่งมณเฑียรทององค์นี้จึงถือเป็นพระที่นั่งองค์เดียวของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์พม่า ที่รอดพ้นจากการทำลาย เนื่องจากตั้งอยู่นอกเขตพระราชวัง
ปัจจุบันพระที่นั่งมณเฑียรทองไม้สักองค์นี้ได้รับการบูรณะโดยรัฐบาลพม่า โดยการลอกแบบโครงสร้างเดิม และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของมัณฑะเลย์ในปัจจุบัน
อนึ่ง
หลังจากที่อังกฤษได้เข้ายึดเมืองอัมระปุระ (อังวะ) ได้แล้วนั้น ซึ่งอีก 50 กิโลเมตร จะถึงเมืองมัณฑะเลย์ เจ้าพระยาโหราธิบดี จึงกราบบังคมทูลพระเจ้าสีป่อ ให้ทำการย้ายเมืองหลวงใหม่ เพื่อเป็นการสะเดาะพระเคราะห์เมือง พระเจ้าสีป่อมีพระราชดำรัสว่า การย้ายเมืองใหม่ จะต้องสิ้นเปลื้องเงินตราและภาระกำลังคนเป็นอย่างมากและจะต้องใช้เวลาอีกหลายปีถึงจะแล้วเสร็จ
จึงโปรดเกล้าฯให้พระยาโหราธิบดี หาวิธีแก้พระเคราะห์ใหม่ โดยที่ไม่ต้องย้ายเมืองให้สูญสิ้นกำลัง พระยาโหราธิบดีจึงกราบบังคมทูลว่า หากไม่ทรงทำการย้ายราชธานีใหม่ ก็ให้หาคนมาสังเวยชีวิตฝังตามมุมเมืองอีกประมาณ 300 คน ซึ่งครั้งนี้มีการระบุอีกว่าต้องเป็นชาวต่างชาติ 100 คน
ข่าวเรื่องทางการ ที่มีความประสงค์ต้องการชีวิตบริสุทธิ์ของประชาชนเพื่อทำการสังเวยเป็นผีเฝ้าเมืองนั้นเเพร่สะพรั่งออกไปทั่วพระนครอย่างรวดเร็ว ราษฎร์ได้ยินข่าวต่างก็พากันตกแตกตื่นไปตามกัน บ้างก็พากันอพยพลงไปทางภาคใต้เพื่อหนี้เอาชีวิตกันสนั่น โดยเกรงว่าทางการจะมาจับตัวไปสังเวยชีวิตตามความประสงค์ของมหาราชเจ้า ความวุ่นวายชุลมุนนี้ ส่งผลให้ทางการต้องรีบออกมาประกาศให้ประชาชนทราบว่า ขณะนี้ทางการได้ตัวผู้จะต้องสังเวยชีวิตครบแล้ว ขออย่าให้ประชาชนแตกตื่น
กล่าวได้ว่าราชบัลลังก์พม่าทุกยุคทุกสมัย ล้วนมีการนองเลือดอยู่ทุกรัชกาล จวบจนถึงกาลกัลปาวสาน
โฆษณา