1). #จัดทำLoyaltyprogramจูงใจด้วยผลประโยชน์
เช่น trip incentive ทั้งในและต่างประเทศ สามารถจัดได้ทั้งแบบรายไตรมาส ครึ่งปี และรายปี, จัด mini event ที่บริษัทคู่ค้าตั้งเป้ายอดสั่งซื้อในช่วงระยะเวลานึงเพื่อกระตุ้นให้เซลเร่งหายอดจาก End-user เพื่อให้ขายแต่สินค้าของบริษัทฯเรา และให้ผลตอบแทนเป็นบัตรน้ำมัน หรือบัตรคูปองเงินสด หรือแจกเงินสดให้แก่เซลโดยตรงหรือเข้าบริษัทฯ ฯลฯ
2). #สร้างความสนิทสนิมส่วนบุคคลด้วยของฝากเวลาไปเยี่ยมและเข้าพบทุกครั้ง
ด้วยขนมนมเนย กาแฟ ของฝาก อันนี้เป็นวิธียอดฮิต ที่ทำกันบ่อยๆ แต่ปัจจุบันถ้าเป็นองค์กรใหญ่ๆ อาจจะเริ่มทำไม่ได้เพราะติดปัญหาเรื่องการรับผลประโยชน์ องค์กรสีขาว
3). #สร้างความสนิทสนมด้วยการทำกิจกรรมส่วนตัวร่วมกัน
เช่น การเล่นกีฬากอล์ฟ ส่วนมากก็จะชวนกันไปออกรอบ ไปสนามไดรฟ์ และก็มีการพูดธุรกิจกัน, มากกว่านั้นก็ไปสถานเริงรมย์ ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด วิธีนี้ต้องใช้เงินลงทุนมาก บางทีเซลอาจจะต้องควักเนื้อเองด้วย ในกรณีที่งบ entertain มีไม่พอ
4). #การสนับสนุนช่วยเหลือต่อคู่ค้าให้ดีที่สุดเต็มที่ถวายชีวิต
อันนี้จะเป็นวิธีที่ CM หรือ AM ใช้บ่อย เพราะแน่นอนการถูกกำหนดช่องทางจำหน่ายที่ต้องดูแลมาแล้ว คุณไม่สามารถหาหรือเพิ่มคู่ค้าใหม่ได้ หรือบางที่ทำได้แต่ก็ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ ในการหารายใหม่ เค้าเหล่านั้น จึงจำเป็นต้องทำงานสไตล์ ได้ครับพี่ ดีครับท่าน กับคู่ค้า หรือ partner เพื่อให้เกิดความประทับใจและให้เห็นในความพยายามทุ่มเทของ CM หรือ AM คนนั้นๆ
โดยมากที่องค์กรจะให้ CM หรือ AM ทำนั้นจะมีประมาณนี้ แต่วิธีเหล่านี้ ก็มีข้อเสีย โดยเฉพาะข้อ 4 ข้อเสียหลักคือ หากคุณต้องเพิ่งยอดสั่งซื้อจาก Distributor หรือ Partner หรือ SI อย่างเดียวแล้วนั้น อำนาจต่อรองคุณจะแทบไม่มีเลย ยิ่งถ้าแบรนด์ที่คุณอยู่ไม่ได้มีชื่อเสียงมากหรือไม่ได้มีจุดขายที่เด่นชัด อำนาจต่อรองยิ่งด้อยลงไปอีก ผลเสียที่ตามมาคือ CM หรือ AM คนนั้นๆ จะต้องทำงานเป็นผู้ตาม (Follower) support ทางคู่ค้าจนแทบไม่มีโอกาสได้หา partner หรือคู่ค้ารายใหม่ๆ เพื่อขยายช่องทางให้มากขึ้นเลย