26 ส.ค. 2020 เวลา 08:44 • ประวัติศาสตร์
พระมหาสังข์ทักษิณาวัฏ
สังข์ นอกจากจะเป็นอาวุธของพระนารายณ์ รวมทั้งใช้เป่าเป็นอาณัติสัญญาณในการสงครามแล้ว การถือเอาสังข์เป็นมงคล มาจากตำนานซึ่งเล่าว่า เมื่อครั้งที่พระอิศวรสร้างเขาพระสุเมรุ ทรงมีประกาศิตให้พระพรหมธาดาเป็นใหญ่กว่าพรหมทั้งหลาย เป็นเหตุให้พระพรหมองค์หนึ่งเกิดจิตริษยา จุติลงมาเป็น ‘สังขอสูร’ อยู่ใต้พระมหาสมุทรเชิงเขาพระสุเมรุ เบียดเบียนเขาพระสุเมรุไม่ให้อยู่เป็นปกติสุขและคอยจ้องทำร้ายพระพรหมธาดา
วันหนึ่งพระพรหมธาดาได้นำเอาคัมภีร์พระเวท พระธรรมศาสตร์ทั้งปวงลงมาเพื่อถวายพระอิศวรไว้สำหรับโลก แต่เกิดร้อนพระวรกายจึงเสด็จลงสรงน้ำที่ฝั่งพระมหาสมุทร โดยเอาคัมภีร์นั้นวางไว้เหนือฝั่งข้างพระองค์
สังขอสูรเห็นเช่นนั้นก็เกิดคิดว่า ถ้าไม่มีคัมภีร์สั่งสอนโลกแล้วเทพยดาและมนุษย์ก็จะไม่นับถือพระพรหมธาดาต่อไป จึงใช้ให้ผีเสื้อน้ำไปขโมยคัมภีร์พระเวทมา แล้วสังอสูรก็กลืนลงท้อง พระพรหมธาดาเมื่อไม่เห็นคัมภีร์ก็เสด็จไปเฝ้าพระอิศวรกราบทูลเรื่องราว หลังจากส่องญาณทราบความจริง พระอิศวรจึงให้พระนารายณ์อวตารลงไปสัประยุทธ์กับสังขอสูร
พระนารายณ์เป็นฝ่ายได้ชัย ทรงล้วงพระหัตถ์ขวาเข้าไปตามช่องปากสังขอสูรเอาคัมภีร์พระเวทออกมา แล้วสังหารสังขอสูร ปากสังข์จึงกลายเป็นรอยนิ้วพระนารายณ์ถึงทุกวันนี้
แล้วพระนารายณ์ก็ตรัสว่ารอยนิ้วแห่งเราอันเป็นมงคล ซึ่งยื่นเข้าไปล้วงเอาคัมภีร์พระเวท พระธรรมศาสตร์ตามช่องแห่งปากสังข์นี้ และอุทรสังข์ก็เป็นที่ทรงไว้ซึ่งคัมภีร์พระเวท พระธรรมศาสตร์ อนึ่งพระพรหมจุติลงมาเป็นสังข์ อานุภาพมงคลทั้งสามนี้ภายหน้าต่อไป บุคคลใดจะทำการมงคล ให้เอาสังข์ไปเป่าให้ยินเสียงไปถึงสถานที่ใดก็เป็นอุดมมงคลจนสุดเสียงสังข์นั้นแล
ส่วนความนิยมในการใช้สังข์หลั่งน้ำพระพุทธมนต์ในงานมงคล น่าจะเป็นการกำหนดขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ เพราะก่อนหน้านี้สังข์มีใช้แต่ในพิธีหลวง โดยพวกพราหมณ์เป็นผู้กระทำ ดังที่มีการกล่าวไว้ในเรื่องราชาภิเษกถึงสิ่งที่กษัตริย์ควรปฏิบัติว่า เมื่อตื่นจากพระบรรทมแล้ว ให้ชำระสรงพระพักตร์ด้วยน้ำสังข์
1
นอกจากนี้ ม.ร.ว.เทวาธิราช ป.มาลากุล ยังได้เล่าเรื่อง ‘ราชประเพณีการประสูติ’ ตอนหนึ่งว่า มีการหยอดน้ำพระมหาสังข์ใส่พระโอษฐ์สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอที่ประสูตรใหม่ตามบูรพราชประเพณี
ที่น่าสังเกตคือ ไม่เพียงแต่ไทยที่ถือเอาสังข์เป็นมงคลนิมิต แต่ในอังกฤษแต่เดิมก็ถือว่าหอยเป็นสิ่งนำโชค ขณะที่ชาวฮินดูถือหอยสังข์ศักดิ์สิทธิ์เสมอพระลักษมี เช่นเดียวกับที่ทางทมิฬก็มีตำนานว่าพระลักษมีจุติลงมาเกิดเป็นหอยสังข์
ในรัชกาลที่ 1 สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ปรากฏว่า มีแขกคนหนึ่งชื่อ นักกุดาสระวะสี ได้นำเอาสังข์ทักษิณาวัฏมาถวายเป็นคนแรก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้เป็นขุนนางมียศเป็น หลวงสนิทภูบาล สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าทรงยกย่องมหาสังข์ทักษิณาวัฏว่าเป็นของมงคลชั้นสูงและถือเป็นของสำคัญ อีกทั้งยังมีข้อห้ามไม่ให้สตรีจับต้องพระมหาสังข์บางองค์
นอกจากนั้น ในมงคล 8 ประการที่ถือกันว่าเป็นของสำคัญสำหรับชีวิตที่จะช่วยให้มีความสุขความเจริญนั้น ประกอบด้วย จักร สังข์ อุณหิส ธวัช ขอช้าง โคอุสภ และหม้อน้ำ บางบ้านจะจำลองของเหล่านี้ไว้ในบ้าน หรือมีการเขียนเป็นภาพสิ่งมงคลดังกล่าวไว้ อีกทั้งในราชพิธีโบราณ ยังมีการหยอดน้ำพระมหาสังข์ใส่พระโอษฐ์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอที่ประสูติใหม่ด้วย
พระมหาสังข์ของเดิม เป็นสังข์อุตราวัฏ คือ เวียนซ้าย ริ้วเวียนรอบหัวสังข์ และปากสังข์เลี่ยมทองคำสลักลายฝังพลอย ข้างในท้องสังข์ทำเป็นรูปดอกมะเขือฝังนพเก้า ร่องปลายปากสังข์จารึกอักขระ “อุ”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้พระมหาสังข์เดิมองค์นี้หลั่งน้ำพระราชทานแก่ราชสกุลชั้นหม่อมราชวงศ์ หม่อมหลวงราชสกุลและราชนิกุล เช่น ในงานสมรสพระราชทาน และให้แก่ข้าราชการที่กราบถวายบังคมลาไปปฏิบัติราชการ ณ ต่างประเทศ
นอกจากนี้ยังมีสังข์อีกองค์หนึ่งซึ่งใช้ในทำนองเดียวกันนี้ เรียกว่า สังข์นคร เพราะเจ้าพระยานครศรีธรรมราช เชิญมาทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ในรัชกาลปัจจุบันทรงใช้พระราชทานรดน้ำแก่ข้าราชการที่กราบถวายบังคมลาไปเป็นเอกอัครราชทูตประจำ ณ ต่างประเทศ งานสมรสพระราชทาน พระยาแรกนา และเทพีในงานพระราชพิธีพืชมงคล กล่าวได้ว่า สังข์เป็นของมงคล เมื่อเป่าเสียงออกมา ก็มีอำนาจสามารถขจัดภัยอันตราย เมื่อบรรจุน้ำพระพุทธมนต์ และน้ำเทพมนต์ก็เป็นมงคลแก่ผู้รับ หรือมีสังข์ไว้ในบ้านเรือน ก็เป็นสิริมงคลแก่เจ้าของบ้าน
ศิลปวัฒนธรรม ฉบับ พฤษภาคม 2541
เผยแพร่ วันพฤหัสที่ 18 เมษายน พ.ศ.2562
โฆษณา