26 ส.ค. 2020 เวลา 10:40 • ประวัติศาสตร์
สมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวัฒนา กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชอาณาจักรลาว
พระองค์ขึ้นครองราชย์ในวันที่ 29 ตุลาคม ปี 1959 ต่อจากพระราชบิดา สมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ เสด็จสวรรคตจากอาการป่วยอันเนื่องมาจากการได้รับความกระะทบกระเทือนใจรุนแรงจากการใช้อำนาจไม่เป็นธรรมของนายกรัฐมนตรีผุย ชะนะนิกอน (สมัยนั้น) ซึ่งทำให้แผนการปรองดองแห่งชาติถูกทำลายลง
สืบเนื่องมาจากยุคล่าอาณานิคม ลาวเป็นส่วนหนึ่งในประเทศอินโดจีนที่ถูกครอบครองโดยฝรั่งเศส ช่วงปลายปี 1953 จนถึงปี 1954 ฝรั่งเศสต้องเผชิญกับสงครามรอบด้านในอินโดจีน ทำให้เสียฐานที่มั่นไปหายแห่ง จนถึงสงครามในยุโรปที่ยืดเยื้อมานาน ทำให้ฝรั่งเศสถูกปีบให้เข้าสู่การเจรจาสงบศึก ซึ่งสนธิสัญญาเจนีวาในปี 1954 ใจความสำคัญส่วนหนึ่งคือ ฝรั่งเศสต้องมอบเสรีภาพให้แก่สามชาติอินโดจีน ได้แก่ ลาว, กัมพูชา และเวียดนาม โดยถอนทหารออกจากอินโดจีนภายใน 300 วัน
การประชุมเจนีวา ปี 1954
หลังจากสนธิสัญญาเจนีวาจบลง ดูเหมือนประเทศในกลุ่มอินโดจีนจะพยายามจัดตั้งรัฐบาลเพื่อบริหารบ้านเมืองของตัวเอง หลังจากถูกฝรั่งเศสปกครองมาหลายสิบปี แต่เหตุการณ์กลับยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เมื่อ กัมพูชา, เวียดนาม และลาว เป็นประเทศหุ่นเชิดระหว่างฝ่ายทุนนิยมอย่างสหรัฐอเมริกากับฝ่ายคอมมิวนิสต์จากโซเวียตและประเทศจีน ซึ่งอเมริกาดำเนินนโยบายต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ โดยเพ็งเล็งประเทศในกลุ่มอินโดจีนเป็นหลัก เพราะเชื่อว่าลัทธิคอมมิวนิสต์ลุกลามขยายตัวมาจากประเทศจีนเป็นโดมิโน
นักวิชาการเชื่อกันว่า อเมริกาทุ่มงบประมาณกว่าพันล้านดอลล่าร์เพื่อแทรกแซงการเมืองในกลุ่มประเทศอินโดจีน และมีทหารอเมริกันเข้าสู่สงครามมากกว่า 3 ล้านคน โดยชักนำพันธมิตรเสรีทุนนิยมเข้าสู่สงครามอย่าง ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และเกาหลี ส่วนเพื่อนบ้านในเอเชียอาคเนย์อย่าง ไทย และฟิลิปปินส์ ก็กลายเป็นฐานทัพของอเมริกา ซึ่งในประเทศลาวโดยเฉพาะทางภาคเหนือเป็นภูมิประเทศเชื่อมต่อไปจีน ทำให้อาวุธสงครามถูกลำเลียงต่อไปถึงเวียดนามและกัมพูชา เฉพาะหลายพื้นที่ในบริเวณนี้จะเกิดสงครามขึ้นบ่อยครั้ง มีทหารม้งรับจ้างจาก CIA สหรัฐฯ ร่วมรบกับคอมมิวนิสต์ ทั้งนี้เชื่อว่าประเทศลาวถูกทิ้งระเบิดมากกว่า 3 ล้านตัน
*หมายเหตุ: ผู้เขียนสรุปแค่ใจความสำคัญเท่านั้น ถ้าใครสนใจเรื่องราวสงครามในลาว ค้นหาคำว่า “สงครามกลางเมืองลาว” หรือ
เชื้อพระวงศ์ลาวแตกแยกกันเองเพราะต่างอุดมการณ์
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า สมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวัฒนาขึ้นครองราชย์ในระหว่างที่ประเทศลาวแตกเป็นหลายฝ่าย โดยหัวหน้าแต่ละฝ่ายต่างเป็นเชื้อพระวงศ์ที่มาจากวังหลวงและวังหน้าทั้งสิ้น ซึ่งแยกย้ายฐานอำนาจกระจายไปสู่หลวงพระบาง, เวียงจันทร์และจำปาศักดิ์ แต่ต่างอุดมการณ์กัน พระองค์ตัดสินพระทัยทรงเลื่อนพิธีราชาภิเษกถึง 2 ครั้ง ด้วยเหตุที่บ้านเมืองไม่สงบ (และไม่เคยจัดพิธีราชาภิเษกจนพระองค์สวรรคต) พระองค์เสด็จเยือนสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต เพื่อแสดงความเป็นกลางของประเทศลาว
เกิดชาติกษัตริย์ ตายอย่างนักโทษ
หลังจากพระราชบิดาสวรรคต สมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวัฒนา ทรงเป็นกษัตริย์ปกครองได้ 16 ปี พระองค์ครองราชย์ภายใต้สถานการณ์บ้านเมืองแตกแยกระหว่างฝ่ายทุนนิยมและคอมมิวนิสต์ ช่วงปี 1975 หลังจากสหรัฐอเมริกาพ่ายแพ้สงครามเวียดนาม และถอนกำลังออกจากอินโดจีนในที่สุด คอมมิวนิสต์ก็มีอำนาจมากขึ้น เวียดนามรวมประเทศ, กัมพูชาถูกปลดปล่อยประเทศ แต่ก็นำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากกลุ่มเขมรแดง พอมาถึงลาว เกิดกระแสการปลดปล่อยประเทศมากขึ้นหลังจากที่สองดินแดนเพื่อนบ้านปลดปล่อยประเทศสำเร็จ … ซึ่งภายใต้การบริหารประเทศลาว 3 ฝ่าย ได้เผยแพร่โครงการการเมือง 18 ข้อ มุ่งเน้นเสรีภาพของประชาชน (บ้างก็อ้างประชาธิปไตยของประชาชน แต่จริงๆคือแนวคิดแบบคอมมิวนิสต์ แบบที่จีนแดงใช้เมื่อครั้งปฏิวัติประเทศนั้นเอง) โดยมีผู้นำคนสำคัญคือ ไกสอน พมวิหาน ทำให้การขบวนการต่อต้านฝ่ายขวาหรือเสรีทุนนิยมมากยิ่งขึ้น มีการปราศรัยเดินขบวนหลายแห่ง ประกอบด้วย นักเรียน นักศึกษา กรรมกร ชาวนา รวมถึงข้าราชการฝ่ายซ้าย เพื่อกดดันข้าราชการและรัฐมนตรีฝ่ายขวาให้ลาออก หรือจับเป็นนักโทษทางการเมือง
*หมายเหตุ: ปัจจุบันในประเทศลาวยกย่อง ไกสอน พมวิหาร เป็นวีรบุรุษ มีอนุสาวรีย์ของเขาอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงบนธนบัตรลาวอีกด้วย
ไกสอน พมวิหาน ขบวนการปะเทดลาว ผู้มีส่วนสำคัญในการล่มล้างระบอบกษัตริย์ในลาว จนเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นคอมมิวนิสต์แบบจีนและเวียดนามในที่สุด
วันที่ 25 พ.ย. 1975 กลุ่มขบวนการปะเทดลาวร่วมกับรัฐบาลผสมและคณะรัฐมนตรีผสมการเมืองแห่งชาติ ประชุมขึ้นที่เมืองเวียงไซ (ทางเหนือของลาว) ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ลบล้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิ์ราชย์ในประเทศลาว โดยท่านสุพานุวง, ท่านสุวันนะพูมา และท่านพูมี วงวิจิด นำมติที่ประชุมเพื่อกราบบังคมทูลต่อเจ้าศรีสว่างวัฒนาที่พระราชวังหลวงพระบาง
วันที่ 29 พ.ย. 1975 เป็นวันที่ชาติลาวต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ถือว่าเป็นการสิ้นสุดการปกครองระบอบกษัตริย์ยาวนานถึง 704 ปี (ค.ศ.1271-1975) คณะรัฐบาลเข้าเฝ้าพระองค์ ณ พระราชวังหลวงพระบาง กราบบังคมทูลมติของที่ประชุม สมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวัฒนาตัดสิ้นพระทัยสละราชบังลังก์ (บ้างก็ว่า จากสถานการณ์แล้วพระองค์ถูกบังคับ) โดยพระองค์ยังได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาสูงสุดของประธานประเทศ และพระองค์ไม่ขอรับโอกาสที่จะหลีภัยทางการเมือง โดยพระองค์ตรัสว่า
“เราเป็นคนลาวด้วยกันก็ต้องคุยกันได้”
วันที่ 2 ธันวาคม 1975 ฝ่ายปะเทดลาวจัดตั้ง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยให้เจ้าสุพานุวง เป็นประธานประเทศ(ประธานาธิบดี) ไกสอน พมวิหาน เป็นนายกรัฐมนตรี และเจ้าศรีสว่างวัฒนา ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประธานประเทศ
*หมายเหตุ: แง่มุมอีกด้าน หลังจากที่ฝ่ายคอมมิวนิสต์ยึดประเทศลาว ล้มล้างระบบกษัตริย์ได้สำเร็จ รวมถึงล้างสมองประชาชนให้ต่อต้านทุนนิยมแล้ว การจัดการบริหารประเทศไม่เป็นไปตามนโยบายที่ให้ไว้ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ใครไม่เห็นด้วยจะถูกส่งไปที่ศูนย์สัมมนา ที่เวียงไซ แล้วยังมีข้อห้ามมากมาย เช่น ห้ามประชาชนออกนอกบ้านตอนกลางคืน, ห้ามแต่งตัวตามอย่างตะวันตก ซึ่งประชาชนที่อยู่ตามหัวเมืองใหญ่ๆไม่สามารถใช้ชีวิตในแบบสังคมนิยมได้ ทำให้ยุคนั้นมีชาวลาวหลีภัยมายังประเทศไทยนับหมื่นคน นอกจากนี้ค่ายผู้หลีภัยในประเทศไทยจัดตั้งเมื่อปี 1975 ในระยะเวลาสงครามอินโดจีนหลายปี ไทยได้ให้การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยจากลาว, กัมพูชา และเวียดนาม ราว 1.3 ล้านคน
ถึงแม้ว่าพระองค์จะเป็นสามัญชน แต่พระองค์ยังคงประทับอยู่ในพระราชวังหลวงพระบาง จนในปีถัดมา รัฐบาลลาว นำโดย พูมี วงวิจิด สั่งให้พระราชวังและทรัพย์สินพระราชวังตกเป็นของแผ่นดิน มีผลให้พระองค์และพระญาติวงศ์เสด็จไปประทับ ณ ที่พักใกล้วัดเชียงทอง
ต่อมาวันที่ 11 มีนาคม ปี 1977 เหตุการณ์บ้านเมืองลาวยังไม่สงบดี และรัฐบาลลาวสมัยนั้นหวั่นว่า พระองค์จะถูกมองเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านคอมมิวนิสต์ เพราะยังมีทหารและชาวลาวที่ยังต่อต้านรัฐบาลอยู่ จึงนำพระองค์, พระมเหสี, เจ้าฟ้าชายมกุฏราชกุมาร, เจ้าฟ้าศรีสว่าง, และพระอนุชาของพระองค์คือ เจ้าฟ้าสุพันธรังสี และ เจ้าฟ้าทองสุก รวมถึงพระญาติวงศ์และข้าราชการที่ติดตามพระองค์ ได้ถูกพามาอยู่ศูนย์สัมมนาที่เมืองเวียงไซ ประทับ ณ “ค่ายหมายเลข 1” โดยจับแยกหญิงแยกชาย ถึงแม้ว่าศูนย์สัมมนาจะเป็นที่รู้กันว่า เป็นสถานที่เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับคอมมิวนิสต์ ต่อต้านระบอบเสรีทุนนิยม แต่จริงๆแล้วที่นี้เปรียบเสมือนค่ายกักกันนักโทษทางการเมือง มีทั้งราชวงศ์, ข้าราชการ, ปัญญาชน มากมาย
เจ้าศรีสว่างวัฒนา, พระมเหสี และพระโอรส จบชีวิตลง ณ ศูนย์สัมมนา โดยคำบอกเล่าต่างๆจากเอกสารที่รวบรวมเกี่ยวกับศูนย์สัมมนา (ซึ่งมีออกมาน้อยมาก) เจ้าศรีสว่างวัฒนาถูกข่มเหงต่างๆนานา ต่อมาสวรรคตด้วยสาเหตุจากความชราภาพและการอดอาหาร ไม่มีพระราชพิธีถวายเพลิงพระศพอย่างสมพระเกียรติแต่อย่างใด ส่วนเจ้าฟ้าชายมกุฏราชกุมารได้สิ้นพระชนม์ก่อนหน้านี้จากการขาดอาหาร รวมถึงพระมเหสีที่ผิดใจกับผู้คุ้มหลังถูกขโมยแมวที่รักไปฆ่ากินเป็นอาหาร โดยพระศพของทั้ง 3 พระองค์ถูกฝังที่ในป่าใกล้ศูนย์สัมมนา(ปัจจุบันไม่มีแล้ว)
… ปัจจุบันไม่มีใครทราบว่า พระศพถูกฝั่งบริเวณไหนกันแน่ ถึงแม้ว่าจะมีผู้รอดชีวิตจากศูนย์สัมมนา แต่เรื่องราวถูกเปิดเผยน้อยเหลือเกิน รวมถึงข้อเท็จจริงต่างๆยังถูกเป็นความลับยาวนานกว่า 40 ปี ตั้งแต่อาณาจักรลาวเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นคอมนิวนิสต์แบบเดียวกับเวียดนาม เรียกประเทศว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
*หมายเหตุ: เจ้าหญิงมณีไลย เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกปล่อยตัวจากศูนย์สัมมนาหลังจากเหตุการณ์ในลาวสงบ พระองค์ใช้ชีวิตอยู่ที่หลวงพระบาง ปัจจุบันพระชนม์มายุ 75 พรรษา (ประสูติปี 1941)
จากชาติกษัตริย์สู่นักโทษทางการเมือง สมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวัฒนา กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งชาติลาว พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งประเทศของพระองค์ถึงแม้ว่ามีโอกาสลี้ภัยทางการเมืองก็ตาม พระจริยวัตรและความเมตาของพระองค์ยังคงอยู่ในความทรงจำของคนแก่คนเฒ่าชาวลาว โดยเฉพาะคนหลวงพระบางที่เคยพบพระองค์ ในทางตรงกันข้ามพระองค์ค่อยๆเลือนลางและกำลังจะจางหายไปจากความทรงจำของคนรุ่นหลัง เหลือไว้เพียงพระราชวังหลวงพระบางที่ยังเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชม รวมถึงโรงเมี้ยนโกศ ณ วัดเชียงทอง ที่เก็บราชรถที่ยังคงสง่างามถึงแม้จะถูกใช้งานเพียงครั้งเดียวในพระราชพิธีถวายเพลิงพระบรมศพเจ้าศรีสว่างวงศ์ และครั้งนั้นก็คือ ครั้งสุดท้ายก็ตาม …
คัดลอกจาก >> https://www.facebook.com/NightPhoominOfficial/

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา