Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
A
A major 🎶
•
ติดตาม
2 ก.ย. 2020 เวลา 12:58 • บันเทิง
เก่ง อธิป กับเรื่องเล่าจากคอนเสิร์ต Episode 1 “ยกพวกตีกันที่สุรินทร์”
ข่าวการยกพวกตีกันของกลุ่มวัยรุ่นในคอนเสิร์ตที่เราคุ้นเคย ส่วนใหญ่มักจะเป็นคอนเสิร์ตของวงดนตรีเพลงเพื่อชีวิต เช่น คอนเสิร์ตของวงคาราบาว หรือ คอนเสิร์ตของปู พงษ์สิทธิ์ หรือคอนเสิร์ตวงดนตรีเพลงร็อค เช่น ไมโคร หินเหล็กไฟ เป็นต้น
แต่เชื่อมั้ย… เมื่อ 10 กว่าปีก่อน เกิดเหตุการณ์ยกพวกตีกันกลางคอนเสิร์ตวงดนตรีเด็ก!
ใช่แล้ว… คุณอ่านไม่ผิดหรอก มีคนมายกพวกตีกันงานคอนเสิร์ตของศิลปินเด็ก “วงลูกหิน”
เก่ง อธิป กับภาพความสนุกกับแฟนเพลง (ภาพจาก MV เพลง Boom อัลบั้ม Cheer ลิขสิทธิ์ของ GMM Grammy)
แล้วเหตุการณ์มันเป็นยังไง? เราสงสัย เราจึงชวนเก่งคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตทันที
เก่ง อธิป หนึ่งในอดีตสมาชิกวงลูกหิน เล่าย้อนอดีตให้เราฟังถึงคอนเสิร์ตครั้งที่มีคนเข้าร่วมมากที่สุดในชีวิตของเขา และในครั้งนั้น ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่คาดฝันว่าจะเกิดขึ้นในคอนเสิร์ตของวงดนตรีของศิลปินเด็ก
(วงลูกหิน ออกอัลบั้มเดียวกับชื่อวง ในปี 2544 มีสมาชิกเป็นหนุ่มน้อยนักกีตาร์ 2 คน คือ เก่ง - อธิป เจริญชัยสกุลสุข และ ร็อค - ดนตรี เดชะ)
เก่งเริ่มเล่าเรื่องด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ตื่นเต้น เร้าใจ เข้ากับเนื้อหาเรื่องราวที่เขากำลังจะเล่า และนี่เอง จึงเหมือนกำลังสะกดให้ผู้สัมภาษณ์ตั้งใจฟังเรื่องราวนี้อย่างจิตใจจดจ่อ
“ในตอนนั้นวงลูกหินมีงานคอนเสิร์ตเข้ามาตลอด เราไปทัวร์คอนเสิร์ตกันทั่วประเทศเลยครับ”
“แล้วเรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ ถือว่าเป็นประสบการณ์คอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดในชีวิตผมครับ…”
“ช่วงนั้น… 3-4 เดือน ผมแทบจะไม่ได้เข้าไปเรียนที่โรงเรียนอัสสัมฯ เลยครับ หยุดแบบชนิดที่เรียกว่ารวมๆ วันหยุดแล้ว น่าจะได้ราวๆ 100 วันเลยมั้งครับ หยุดแบบ… สลับไปเรียน สลับหยุด สลับเรียน รวมๆ วันหยุดกันก็น่าจะได้ประมาณ 3 เดือนเลยครับ ช่วงเวลาที่กลับไปเรียน เพื่อนๆ ก็เริ่มจำหน้ากันไม่ได้ เพื่อนๆ ก็มีบอกกันครับว่า ‘เฮ้ย… ไม่เจอตัวจริงเลย เจอแต่ในทีวี’ ซึ่งตอนนั้น ผมรู้สึกว่า ชีวิตเปลี่ยนไปมาก ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนครับ”
“ผมไปเล่นคอนเสิร์ตให้กับจังหวัดหลายๆ จังหวัด ก็จะเป็นงานประจำปีของจังหวัดบ้าง งานเทศกาลต่างๆ ที่จังหวัดจัดขึ้นบ้างอะครับ ซึ่งคนดูโดยปกติ แต่ละครั้งก็จะคนดูมีมาประมาณ 17,000 คนครับ นี่คือจำนวนปกติที่เอสคอร์ด ผู้จัดการส่วนตัวของผม ซึ่งเค้าจะดูแลเรา จะบอกเราบนรถตู้ ในทุกๆ ครั้ง ในตอนที่กำลังเดินทาง ก่อนไปขึ้นเล่นคอนเสิร์ตครับ”
“17,000 นี่ถือว่าเยอะมากแล้วครับ แล้วเราไปเล่นในทุกๆ ที่ ก็ได้รับการต้อนรับที่ดีมากๆ เพราะในยุคนั้น ศิลปิน นักร้อง นักดนตรี คือเป็นแบบไอดอลมากๆ ครับ แฟนเพลงก็จะมาคอยกรี๊ด คอยเจอ คอยให้กำลังใจกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง และเราจำเป็นต้องมีบอดี้การ์ด 4-5 คนเป็นอย่างต่ำ รถตู้ที่เรานั่งไป จะเคลื่อนตัวได้ช้ามากครับ แฟนเพลงผลักกันไปกันมา และเบียดเสียดกันเข้ามาจนรถตู้แทบจะโดนขย่มเลยครับ ผมยังจำภาพนั้นได้ดีเลยครับ”
เรียกได้ว่า “ห้างแตก” เลยใช่มั้ย ผู้สัมภาษณ์ถาม
เก่งตอบกลับมาว่า “ใช่เลยครับ… คือเรียกได้ว่า ห้างแตกจริงๆ ครับ” แล้วเก่งก็หัวเราะเบาๆ
เก่ง และร็อค วงลูกหิน (ภาพจาก MV เพลง Boom อัลบั้ม Cheer ลิขสิทธิ์ของ GMM Grammy)
“มีจังหวัดนึงที่ผมไปเล่นคอนเสิร์ต คือจังหวัดสุรินทร์ครับ แล้วเป็นที่ที่ผมจำได้ ไม่เคยลืมเลยครับ เป็นคอนเสิร์ตที่ใหญ่มาก ที่ผมจะต้องไปเล่นปิดงาน ตรงศาลากลางจังหวัด ของจังหวัดสุรินทร์ครับ… วันนี้ ผมนั่งรถตู้เข้าไป แล้วต้องฝ่าหมู่มวลมหาชนเลยครับ ซึ่งผู้จัดการผม เปิด ประตูรถ แล้วก็มาบอกว่า เดี๋ยวเราจะต้องขับรถฝ่าเข้าไปให้ถึงเวที ที่อยู่จุดตรงกลางของมวลมหาชนน่ะครับ เพราะเวทีมันเป็นเหมือนจุดไข่แดง แล้วเราจะถูกห้อมล้อมด้วยคนดูครับ แล้ว
ผู้จัดการส่วนตัวผม ก็บอกกับพวกเราว่า ‘ตั้งสติดีๆ นะ วันนี้’ เค้าบอกผมแบบนี้อะครับ”
“คน 70,000 คน!” เก่งพูดด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ
“นี่คือสิ่งที่ผู้จัดการส่วนตัวของผม บอกผมครับ”
เรานึกภาพตาม… ถ้าจำนวนคนดูเยอะขนาดนั้น ก็คงจะอยู่ในสภาพแออัดยัดเยียด เบียดเสียดกันไปมา เสียงพูดคุย และเสียงกรี๊ดต้อนรับศิลปินที่พวกเขาชื่นชอบก็คงจะดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
เก่งเล่าต่อด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นเร้าใจว่า “โอ้โห… ตายละ… อะไรกันเนี่ย! คน 70,000 คนเลย! แล้วคือ… มาแบบ ไม่ใช่แค่คนจากจังหวัดสุรินทร์ครับ มีคนจากจังหวัดใกล้เคียงมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นศรีสะเกษ มหาสารคาม นครพนม อะไรแบบนี้ด้วยครับ ก็เดินทางกันมาครับมอเตอร์ไซค์นี่เป็นหมื่นๆ คัน มาจอดเรียงกันอยู่ครับ พอเราเข้าไปถึงตรงเวที… คนดูเค้าก็ส่งเสียงกรี๊ดกันดังสนั่น จนผมแบบ… คือเกิดอาการหูดับเลยครับ คือผมไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงกรี๊ดของคนอะครับ เราก็อยู่จุดตรงกลางเลย”
“เล่นไปได้เพลงนึงคือเพลง ‘Say-โจ๊ะ’ ครับ ซึ่ง Say-โจ๊ะ ก็เป็นเพลงเปิดตัวของเรา เล่นเพลงที่ 2 ไป แล้วก็ขึ้นเพลงที่ 3 ไปได้นิดนึง ผมจำไม่ได้แล้วว่าคือเพลงอะไร… มันก็มีเรื่องเกิดขึ้น!”
มาถึงตอนนี้ ผู้สัมภาษณ์ลุ้นตามที่เก่งเล่า นั่งฟังนิ่ง รอให้เขาเล่าต่อ
“ผมเริ่มสังเกตว่าคนเริ่มชนกันๆ เบียดๆ ชนๆ แล้วสักพักนึง พอผมมองขึ้นไปบนฟ้า… โอ้โห ขวดลิโพ ขวดเหล้า ขวดเบียร์ขว้างกันกระจาย!”
“แล้วต่อหน้าเราเนี่ย มีผู้ชายถือขวดมาฟาดหัวผู้หญิง… ปัง! ต่อหน้าเราเลยครับ เลือดอาบ…”
“แล้วหลังจากนั้น คน 70,000 คน เฮโล… กระจายไปเป็นวงกว้างเลยครับ แล้วก็ สห. (สารวัตรทหาร) กับตำรวจ ก็กรูกันเข้ามาเพื่อช่วยระงับเหตุการณ์วุ่นวาย คือตอนนั้นมันโกลาหลมากครับ”
“บนท้องฟ้านี่ มีแต่ขวด เป็นแบบ… สงครามขวด ขว้างกัน… ขว้างกัน! ครับ”
ผู้สัมภาษณ์ จินตนาการภาพตาม ก็อดตื่นเต้นไปกับเรื่องเล่าของเก่งไม่ได้ เพราะในตอนนั้น เก่งอายุเพียง 14 ปี แล้วต้องมาเจอเหตุการณ์ที่ยากแก่การควบคุมแบบนี้ ตัวเขาเองคงช็อกกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
“แล้วตอนนั้น คุณพ่อผมไปด้วยครับ… คือที่บ้านเรา คุณพ่อกับคุณแม่จะมีข้อตกลงกันว่า ถ้าในกรุงเทพฯ คุณแม่จะไปดูแลผม ส่วนถ้าผมต้องไปต่างจังหวัด คุณพ่อก็จะออกไปด้วย คุณพ่อจะบอกกับคุณแม่ว่า ‘พ่อต้องไปปกป้องลูก ไปดูแลลูก’ ซึ่งคุณพ่อก็จะบินไปกับผม กับผู้จัดการของผมด้วยครับ… เหมือนแบบ เปลี่ยนคิวกัน สลับมือกัน คุณพ่อจะแท็กมือกับคุณแม่ครับ” พอเล่าถึงความรักและผูกพันของคนในครอบครัว น้ำเสียงของเก่งจึงนุ่มนวลลง แววตาแห่งความอบอุ่นฉายออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“คนแรกที่วิ่งเข้ามาหาผมบนเวทีคือคุณพ่อครับ!”
“คุณพ่อวิ่งเข้ามากอดผมไว้เลย แล้วก็บอกกับผมว่า ‘เก่ง… ก้มหัวให้ต่ำที่สุดลูก’ แล้วก็พาผมวิ่งไปทางข้างหลังเวทีครับ ผู้จัดการก็ตามมาคุมอีกทีนึง แล้วพากันวิ่งเข้าไปข้างหลังเวที แล้วทั้งสองคนก็ช่วยกันดันตัวผมเข้าไปในรถตู้ครับ หลังจากนั้นเนี่ย… ผมมองไม่เห็นอะไรอีกเลยครับ เพราะว่าภาพสุดท้ายต่อหน้าที่ผมเห็นและจำภาพได้ก็คือ ภาพผู้ชายเอาขวดฟาดหัว
ผู้หญิงจนเลือดอาบครับ แต่ตอนนั้น… มองก็ยังพยายามมองออกไปนอกถนน ผมก็เห็นคนพยายามวิ่งหนีไปทางโน้น ทางนี้ สับสนอลหม่านมากครับ แล้วผมก็ได้ยินเสียงคนโห่ โห่กันดังมาก บางคนก็กรี๊ด แล้วก็วิ่งหนีกันด้วยครับ”
“คอนเสิร์ตก็ต้องหยุดไปเลยครับ เพราะมันเกิดการชุลมุนวุ่นวาย โกลาหลมากๆ พอประกาศหยุดคอนเสิร์ต ก็มี สห. กับตำรวจเข้ามาควบคุมสถานการณ์ในตอนนั้นน่ะครับ”
ผู้สัมภาษณ์บอกกับเก่งว่า นี่ขนาดคอนเสิร์ตของวงของศิลปินเด็กนะ เท่าที่ฟังเล่าเรื่องมา จินตนาการภาพตามได้เหมือนกับว่า กำลังอ่านข่าวคอนเสิร์ตวงคาราบาว ที่มีวัยรุ่นยกพวก
ตีกันเลย
เก่งตอบกลับมาว่า “บังเอิญมากเลยนะครับที่ วงคาราบาว ก็มีเพลงชื่อเพลง ‘ลูกหิน’ ด้วยสิครับ” แล้วทั้งเก่งและผู้สัมภาษณ์ก็หัวเราะ บรรยากาศการสัมภาษณ์จึงดูคลายความตื่นเต้น และความเคร่งเครียดลงไปได้บ้าง
เราขอให้เก่งเล่าต่อ เก่งจึงเล่าต่อว่า “รถตู้ที่ผมนั่งเนี่ย ด้วยความที่คนรอบๆ รถมาออกันอยู่มาก รถก็แถบจะเคลื่อนตัวไม่ได้ คนก็ผลักๆ ดันๆ รถ จนรถเอนไปเลยครับ คนนั่งข้างในรถอย่างผม ก็คือเริ่มกังวล และกลัวว่า รถจะถูกฝูงชนดันจนเอียงและคว่ำเลยครับ แต่โชคดีที่ไม่คว่ำครับ”
“ในตอนนั้น… คุณพ่อกอดผมไว้ตลอด แล้วบอกกับผมว่า ‘ไม่ต้องดูนะลูก ไม่ต้องดู’ ‘ขอให้เราปลอดภัยก่อน และขอให้เราออกจากตรงนั้นไปที่พักให้ได้ ถ้าสวดมนต์ได้ ลูกสวดมนต์นะลูก’ คุณพ่อบอกกับผมแบบนี้ครับ”
เก่ง อธิป กับคุณพ่อ
“หลังจากนั้น… คือเหตุการณ์นี้ มันเป็นประสบการณ์ที่ผมไม่เคยลืมเลยครับ คนเยอะจริงๆ แต่เราก็ประทับใจมากนะครับ คือ… อย่างแรกที่คุณพ่อบอกกับผมก็คือ ‘เก่ง… เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ สิ่งแรกที่พ่อต้องทำก็คือ พ่อต้องปกป้องลูก สิ่งที่ลูกจะต้องมีคือ สติ’ ครับ”
“นี่คือ… สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมได้รับคำสอนมาจากคุณพ่อตั้งแต่เด็กเลยครับว่า ความเป็นพ่อและแม่คน นี่คือที่สุดจริงๆ ครับ คือตอนนั้น คุณพ่อไม่ได้เป็นห่วงชีวิตตัวเองเลยครับ พ่อบอกว่า ยังไงก็ตาม ลูกคือที่สุด พ่อดันผม กันผมออกจากอันตรายในตอนนั้นน่ะครับ ตอนนั้นเหมือนมีของหล่นใส่หลังคุณพ่อด้วยนะครับ ตอนที่คุณพ่อกอดผมไว้ แล้วก็พยายามดันผมให้ขึ้นไปในรถให้ได้น่ะครับ”
พอเก่งเล่ามาถึงตอนนี้ เราก็อดที่จะเอ่ยปากชื่นชมคุณพ่อของเก่งไม่ได้ เมื่อคุยกันสักพัก เก่งเลยเล่าเรื่องต่ออีกว่า
“พอผมถึงที่พัก เราก็ไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์นั้นกันเลยครับ ทุกคนเหนื่อยกันมามาก เราก็อาบน้ำ แต่งตัว แล้วก็นอนครับ”
“พอตื่นเช้าขึ้นมาครับ ผมก็ต้องประหลาดใจ เซอร์ไพรส์มากเลยครับ เพราะมีแฟนเพลงมารวมตัว จับกลุ่มกันเป็นร้อยคนที่เข้ามารอพบพวกเราครับ มาในนามคนสุรินทร์ เมืองสุรินทร์ มาขอโทษที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นครับ”
“แล้วแฟนเพลงก็เขียนจดหมาย เขียนข้อความใส่กระดาษ มีของขวัญ รวมกันมามอบให้เรา สร้างกำลังใจให้เรา เรารู้สึกประทับใจมากครับ เพราะว่า… นี่มันเป็นสิ่งเล็กน้อยที่ยิ่งใหญ่ในใจเราครับ แฟนเพลงแคร์เราขนาดนี้ แล้วเราจะแบบ… จะทำอะไรที่จะเป็นสิ่งตอบแทนให้เค้าได้บ้าง”
“แฟนเพลงก็ขอถ่ายรูป และบอกกับผมว่า สู้ๆ นะ แล้ววันนึงกลับมาที่สุรินทร์ใหม่นะ พวกเราจะรอต้อนรับน้องเก่งอย่างอบอุ่นเลย เราเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันนะ”
เก่ง อธิป และแฟนเพลง ในงานคอนเสิร์ตแห่งหนึ่ง
พอเล่ามาถึงตอนนี้ สีหน้าและแววตาของเก่ง สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นคนละเอียดอ่อนทางความรู้สึก เป็นคนอบอุ่นคนหนึ่งได้อย่างชัดเจน
เก่งบอกกับเราว่า จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้เขาคิดได้ว่า “ในวิกฤติทุกอย่างมันมีโอกาสที่ดีๆ นะ มันมี Good Chance มันมีความรู้สึกแบบ Good Feeling ทุกอย่างแฝงอยู่… ผมว่ามันอยู่ที่เราว่าจะมองจากมุมไหนจริงๆ เลยครับ… มันเป็นประสบการณ์ที่ดีในชีวิตของผม เหตุการณ์นึงเลยครับ” เก่งยิ้ม เมื่อพูดจบ
เราถามเก่งว่า แล้วตอนนั้นไม่ร้องไห้หรอ อายุแค่ 14 ปีเอง ต้องมาเจอเหตุการณ์โกลาหลแบบนั้น?
เก่งหัวเราะ “แล้วตอบว่า… ไม่ร้องครับ แค่ตกใจ และอึ้งๆ กับสิ่งที่เกิดตรงหน้าน่ะครับ” เราเลยหยอกเก่งกลับไปว่า ไม่เหมือนเรื่อง “ผม” สินะ แล้วเก่งและเราก็หัวเราะเสียงดัง
(เรื่องผม ที่ว่า หมายถึงเรื่องทรงผม และสีผม - ที่เก่งเล่าถึงในบทความเรื่องที่แล้ว - อ่านเรื่องราว “เรื่องของผม” เรื่องเล่าจาก เก่ง อธิป อย่างละเอียดได้ในโพสต์ก่อนหน้า ของ “A major 🎶“ ใน Bolckdit)
ภาพปัจจุบัน เก่ง อธิป ร้องเพลงในงานคอนเสิร์ตแห่งหนึ่ง
เราถามเก่งอีกคำถามว่า แล้วหลังจากนั้น ได้ไปเที่ยวหรือไปงานคอนเสิร์ตที่สุรินทร์อีกมั้ย?
เก่งตอบกลับมาว่า “ก็ได้ไปสุรินทร์อีกหลายครั้งนะครับ แฟนเพลงและชาวสุรินทร์น่ารักทุกคนเลยครับ” “จริงๆ ก็ไม่ใช่แค่ชาวสุรินทร์นะครับ ต้องบอกว่าแฟนเพลงจากทุกๆ จังหวัดเลยครับ ที่น่ารักและให้การต้อนรับผมอย่างอบอุ่นทุกครั้งที่ไปแสดง ไปร้องเพลง เล่นดนตรี…
ทุกคนจะส่งเสียงต้อนรับ ร้องเพลงไปกับเราครับ”
“ทุกๆ ครั้งที่ผมได้ร้องเพลง สำหรับผม… มันคือการส่งพลังดีๆ ส่งความสุข ผ่านเสียงเพลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมถนัดมากที่สุดครับ สำหรับคนอื่น อาจจะมีอย่างอื่นที่ใช้แทนความรู้สึก หรือส่งพลังดีๆ ได้ เช่น บางคนอาจจะถนัดการเขียน การประดิษฐ์ประดอยสิ่งของ แต่ของผมนี่คือ… เสียงเพลงครับ” เมื่อเก่งพูดจบ เขายิ้ม
ในตอนท้ายของการสัมภาษณ์ เก่งยังฝากข้อคิดดีๆ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาในวัยเด็กไว้ด้วยว่า “ในสถานการณ์คับขัน… สติคือสิ่งสำคัญที่สุดครับ เมื่อเรามีสติ เราจะรู้ว่าเราควรจะต้องทำยังไงต่อ แล้วเราจะแก้ปัญหา และผ่านพ้นมันไปได้ในที่สุดครับ”
”ที่สุดแล้ว… เหตุการณ์นี้ ทำให้ผมได้เห็นถึงความรักของพ่อกับแม่ว่าที่สุดก็คือลูก มันเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ที่ผมได้สัมผัสอีกเหตุการณ์หนึ่งในชีวิตจริงๆ ครับ” เก่งยิ้มอีกครั้ง
ภาพปัจจุบัน เก่ง อธิป ร้องเพลงในงานคอนเสิร์ตแห่งหนึ่ง
เจ้าของเรื่องเล่า เรื่องราวดีๆ สร้างพลัง และแรงบันดาลใจ :: เก่ง - อธิป เจริญชัยสกุลสุข
Facebook Fanpage: Atip Official
https://www.facebook.com/atip.keng
Facebook: Atip Keng Charoenchaisakulsuk
https://www.facebook.com/keng.atip
YouTube: Atip Channel
1 บันทึก
3
6
1
3
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย