Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ไอ้โจ๋สมองเพชร
•
ติดตาม
28 ส.ค. 2020 เวลา 05:19 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
สาระแล้ว[EP.10} : เปลี่ยนจุดหมุน เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน
เปลี่ยนจุดหมุน เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน
อาร์คีมีดิสซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์และนักคณิตศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคกรีกโบราณกล่าวไว้ว่า “จงหาคานที่ยาวพอและจุดหุนสำหรับยึดคานให้ข้า แล้วข้าจะขยับให้ดู”
หลังจากนั้น 2,200 ปี ขณะที่นั่งอยู่ในหอพักสำหรับนักศึกษาปีหนึ่งและมองดูเพื่อนๆ อ่านหนังสือเตรียมสอบ ผมก็เกิดความเข้าใจอย่างหนึ่งนั่นคือ สมองของเราทำงานแบบเดียวกับสูตรของอาร์คีมีดิส
ผมจะอธิบายโดยยกกระดานหกเป็นตัวอย่าง จุดหมุนของกระดานหกอยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางระหว่างปลายกระดานทั้งสองฝั่ง ถ้าเด็กผู้ชายหนัก 45 กิโลกรัมสองคนนั่งอยู่ที่ปลายกระดานทั้งสองฝั่งโดยมีระยะห่างจากจุดหมุนเท่ากัน พวกเขาจะเกิดความสมดุลซึ่งกันและกัน(ถ้าพวกเขาไม่โยกตัวไปมานะครับ) แต่ในสถานการณ์เดียวกันนั้น หากเด็กสองคนมีน้ำหนักตัวต่างกัน โดยคนหนึ่งหนัก 45 กิโลกรัม ส่วนอีกคนหนัก 68 กิโลกรัม ปลายกระดานฝั่งเด็กที่ตัวเล็กกว่าจะลอยค้างอยู่กลางอากาศจนกว่าเด็กที่มีน้ำหนักตัวมากกว่าจะยันพื้นเพื่อถีบให้ปลายกระดานฝั่งตัวเองลอยขึ้นหรือกระโดออกจากกระดานหกและปล่อยให้เพื่อนที่ตัวเล็กกว่าหล่นลงมากระแทกพื้น(อย่างที่เด็กผู้ชายชอบทำ)
แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราเปลี่ยนตำแหน่งของจุดหมุน ยิ่งเราย้ายจุดหมุนไปอยู่ใกล้เด็กที่มีน้ำหนักมากกว่าเท่าไหร่ เขาก็จะถูกยกตัวลอยได้ง่ายขึ้นเท่านั้น เมื่อขยับจุดหมุนเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ในที่สุดฝั่งเด็กที่ตัวเล็กกว่าก็จะมีน้ำหนักมากกว่า ถ้าเราขยับจุดหมุนเข้าไปใกล้เด็กที่ตัวใหญ่กว่ามากพอ เด็กที่ตัวเล็กกว่าก็จะสามารถลุกออกจากกระดานหกแล้วใช้นิ้วเพียงนิ้วเดียวกดปลายไม้กระดานเพื่อยกเพื่อนตัวใหญ่ให้ลอยขึ้นได้ พูดง่ายๆก็คือแค่ย้ายจุดหมุนซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางที่มีแรงมากระทำ เราก็จะสามารถเปลี่ยนกระดานหกที่สมดุลเป็นคานดีดที่ทรงพลังได้
สิ่งที่ผมตระหนักได้คือสมองของเราทำงานในลักษณะนี้เช่นกัน ความสามารถในการเพิ่มศักยภาพของตัวเองให้ถึงขีดสุดขึ้นอยู่กับสิ่งสำคัญสองอย่างคือ (1) ความยาวของคาน ซึ่งก็คือความเชื่อว่าเรามีศักยภาพและความสามาถแค่ไหน และ (2) ตำแหน่งของจุดหมุน ซึ่งก็คือ วิธีคิดที่เป็นต้นกำเนิดของการเปลี่ยนแปลง
หากจะพูดให้เห็นภาพก็คือไม่ว่าคุณจะเป็นนักศึกษาที่พยายามทำผลการเรียนให้ดีขึ้น ผู้บริหารระดับล่างที่ทุ่มเทพยายามเพื่อให้ได้เงินเดือนสูงขึ้น หรือครูที่หวังจะสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกศิษย์ได้ดีขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องพยายามจนเลือดตาแทบกระเด็น อย่างที่เราได้เห็นกันไปแล้วในส่วนที่ 1 ว่าศักยภาพของเราไม่ใช่สิ่งตายตัว ยิ่งเราขยับจุดหมุน(วิธีคิด) มากเท่าไหร่ คานของเราก็ยิ่งยาวขึ้นแล้วเราก็จะมีพลังมากขึ้นเท่านั้น ถ้าขยับจุดหมุนไปยังตำแหน่งที่เอื้อให้วิธีคิดเชิงลบได้เปรียบ เราก็จะไม่มีวันลอยสูงขึ้นจากพื้นได้ แต่ถ้าย้ายจุดหมุนไปยังวิธีคิดเชิงบวก คานของเราก็จะมีพลังมากขึ้นและพร้อมที่จะยกทุกอย่างให้สูงขึ้น
พูดง่ายๆก็คือแค่เปลี่ยนตำแหน่งจุดหมุนหรือวิธีคิดซึ่งจะทำให้คานความสามารถของเรายาวขึ้น เราก็จะเปลี่ยนความเป็นไปได้ทั้งหลายได้ สิ่งที่ตัดสินความสำเร็จของเราไม่ใช่สิ่งต่าง ๆบนโลกใบนี้ แต่เป็นจุดหมุนและคานของเราต่างหาก
ย้ายจุดหมุนแล้วชีวิตจะเปลี่ยนไป
ตอนเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย ผมได้ลงเรียนวิชา “การปฏิวัติแบบไอน์สไตน์” ของปีเตอร์ แกลิสัน หนึ่งในอาจารย์ที่กระตือรือร้นมากที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จัก ในวันแรกของการเรียน นักศึกษาสาขามนุษยศาสตร์ทุกคนในชั้นเรียนต่างหวาดหวั่นเพราะคิดว่าจะต้องเจอกับการบ้านกองโต ผมยังแอบกระซิบกับเพื่อนคนหนึ่งด้วยระหว่างการแนะนำเนื้อหาว่า “ถ้าขนาดไอน์สไตน์ยังใช้เวลาถึง 20 ปี แล้วเราจะเข้าใจมันก่อนถึงวันสอบกลางภาคได้ยังไง” แต่ศาสตราจารย์แกลิสันก็ทำให้หนึ่งในวิชาที่ยากที่สุดของฟิสิกส์กลายเป็นเรื่องสนุก
ทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษของไอน์สไตน์กล่าวว่า แท้จริงแล้วกฎบางอย่างที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและดูเหมือนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้นั้นขึ้นอยู่กับคนแต่ละคน ทฤษฎีนี้ทำให้สิ่งที่ดูจะไม่มีทางเป็นไปได้อย่างสิ้นเชิงในโลกที่ “ยึดข้อเท็จจริงและตายตัว” กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ สมมุติว่ามีคนสองคน คนหนึ่งยืนอยู่กับที่ ส่วนอีกคนเดินทางด้วยความเร็วเกือบเท่าความเร็วแสง หากคิดโดยใช้สามัญสำนึก คุณอาจคิดว่าอายุของทั้งสองคนเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกัน แต่ความจริงแล้วคนที่อยู่กับที่จะแก่เร็วกว่า ซึ่งเป็นผลจากการเปรียบเทียบเวลากับการเคลื่อนที่ของเรา ยิ่งเราเคลื่อนที่เร็วเท่าไหร่เวลาก็จะยิ่งผ่านไปช้าเท่านั้น พูดง่ายๆก็คือเวลาซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ตายตัวและไม่มีการเปลี่ยนแปลง แท้จริงแล้วมันเปลี่ยนแปลงไปตามความเร็วของการเคลื่อนที่ ไอน์สไตน์กล่าวว่าความยาว ระยะทาง และเวลาล้วนสัมพันธ์กัน แนวคิดนี้ฟังดูเหลือเชื่อมาก ลองคิดดูสิครับว่ามันทำให้แนวคิดดั้งเดิมทางฟิสิกส์สั่นคลอนมากแค่ไหน
สัมพันธภาพไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิชาฟิสิกส์เท่านั้น สิ่งที่เราพบเจอในทุกวินาทีล้วนต้องผ่านการประมวลผลของสมองที่ช่างเปรียบเทียบและยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง พูดง่ายๆว่า “ความจริง” เป็นเพียงความเข้าใจที่เกิดจากการเปรียบเทียบ ขึ้นอยู่กับว่าเรามองมันอย่างไรและยืนอยู่ในจุดไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราสามารถเปลี่ยนมุมมองของตัวเองได้ตลอดเวลา และเมื่อมุมมองเปลี่ยนไป ความรู้สึกที่เรามีต่อสิ่งต่าง ๆที่พบเจอก็จะเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งการเปลี่ยนตำแหน่งจุดหมุนที่ผมพูดถึงไปก่อนหน้านี้คือการเปลี่ยนมุมมองนี่เอง ความคิดและความรู้สึกที่เรามีต่อโลกใบนี้ไม่ใช่สิ่งตายตัว แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ถ้านี่เป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับคุณ ลองคิดดูสิครับว่าชายวัย 75 ปีกลุ่มหนึ่งที่จู่ ๆก็ย้อนเวลากลับไปยังอดีตและค้นพบเรื่องนี้เข้าจะตกใจมากแค่ไหน
เนื้อหาส่วนหนึ่งจากหนังสือ THE HAPPINESS ADVANTAGE ความสุขกับความสำเร็จอะไรเกิดก่อนกัน ผู้แต่งคือ Shawn Achor
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย