27 ส.ค. 2020 เวลา 14:44 • หุ้น & เศรษฐกิจ
3 วิธี มี #เงินล้าน [ยู ศิระ]
1
เมื่อ 2-3 ปีก่อน มีเพื่อนคนนึงมาบ่นกับผม ว่ามันทำงานมาตั้งนาน แต่มีเงินเก็บไม่ถึงล้านซะที ตอนนั้น ผมก็แอบภูมิใจเล็กๆ เพราะผมผ่านจุดนั้นมานานแล้ว ทั้งที่มันเงินเดือนมากกว่าผม
www.facebook.com/HappyWithYuSira
ผมสงสัยว่าเพราะอะไร? มันถึงมีไม่ถึงล้าน เลยลองวิเคราะห์ดู จากที่ผมสังเกตไลฟ์สไตล์ของมัน เนื่องจากมันเป็นหัวหน้าคน มีลูกน้องในทีมต้องดูแลมาก หลายครั้งที่มันพาลูกน้องไปเลี้ยงร้านแพงๆ แล้วมันเป็นคนมีคอนเนคชั่นเยอะ ซึ่งคอนเนคชั่นของมันก็เป็นคนมีระดับกันทั้งนั้น มีปาร์ตี้ ไปเที่ยวกลางคืนกันเป็นประจำ
ผมเลยได้ข้อสรุปว่า บางทีการอยู่ตำแหน่งสูงๆ มีคอนเนคชั่นเยอะ ก็มี “ภาษีสังคม” ที่สูงตาม ดังนั้น ตำแหน่งที่สูงกว่า เงินเดือนมากกว่า ก็ไม่ได้แปลว่าจะเก็บเงินได้มากกว่าเสมอไป ถ้าได้มาเยอะ แต่ใช้เยอะกว่า
ผมย้อนกลับมาดูตัวเอง และพบว่ามีอยู่ 3 วิธีที่ผมใช้ จนมีเงินเก็บถึงล้านแรก และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็คือ
1) #ออมก่อนใช้
ที่คนส่วนใหญ่เก็บเงินกันไม่ได้ เพราะไม่ออมก่อนใช้ เค้าคิดกันว่าใช้ไปก่อน เหลือเท่าไหร่แล้วค่อยเก็บ แต่สุดท้าย ถึงสิ้นเดือนทีไร “ไม่เคยเหลือ”
ทุกครั้งที่เงินเดือนเข้า ให้หักเงินอย่างน้อย 10% (มีช่วงนึง ผมหักถึง 40%) โอนเข้าบัญชีเงินออมก่อนเลย (เปิดบัญชีแยก อย่าเอาไปปนกับบัญชีใช้จ่าย)
เช่น สมมุติเงินเดือนคุณ 30,000 พอเงินเดือนออก คุณก็หัก 3,000 โอนเข้าบัญชีเงินออม และเหลือ 27,000 ไว้ใช้จ่าย ทริคก็คือ ให้คุณคิดไปเลย ว่าเงินเดือนคือ 27,000 ต้องใช้ให้พอถึงสิ้นเดือน และถ้าถึงสิ้นเดือนยังมีเงินเหลือ คุณก็โอนส่วนที่เหลือไปในบัญชีเงินออมให้หมด
จากตัวอย่าง พอถึง 1 ปี คุณจะมีเงินเก็บ 36,000 (น้อยไปหน่อย แต่ยังดีกว่าไม่เก็บเลย) แต่ถ้าคุณอยากเก็บเงินได้เร็วกว่านั้น เช่น หัก 40% แบบผม ก็ออมเดือนละ 12,000 ใช้ 18,000 พอถึงสิ้นปี คุณจะมีเงินเก็บ 144,000!! (เงินแสนก็มา..) ใช้เวลา 7 ปีมีเงินล้าน!
อย่าเพิ่งท้อกับตัวเลข “7 ปี” นะครับ ยังมีอีก 2 วิธี ที่ช่วยเร่งสปีดเงินเก็บคุณ ตามผมมาเลยครับ..
2) #ลงทุน
ถ้าคุณอยากติดสปีดเงินเก็บของคุณ ให้เร็วขึ้นไปอีก นอกจากทำงานหาเงินเองแล้ว ต้องให้เงินเก็บ ช่วยคุณทำงานหาเงินอีกแรง (ต้องเก็บเงินสดส่วนนึง ไว้เป็นเงินสำรองฉุกเฉินก่อนนะครับ) ด้วยการลงทุนในสินทรัพย์สร้างรายได้ เช่น หุ้น, อสังหา, ทอง, กองทุนรวม, แฟรนไชส์ธุรกิจ ฯลฯ
การลงทุนใน “ความรู้” ที่จะสร้างรายได้เพิ่มให้คุณในอนาคต ก็น่าสนใจเช่นกัน
“มีตั้งหลายอย่าง.. แล้วจะลงทุนอะไรดีล่ะ?” คุณอาจเกิดคำถามนี้ในใจ ที่จริงมันขึ้นอยู่กับความชอบ ความถนัดของแต่ละคน บางคนชอบทอง, อสังหา แต่ส่วนตัวผมชอบหุ้น เพราะทองไม่สามารถสร้างกระแสเงินสด เหมือนหุ้นที่ “จ่ายปันผล” ให้ผมทุกปีได้
ในขณะที่อสังหา แม้จะสร้างกระแสเงินสดได้ด้วย “ค่าเช่า” และกู้เงินธนาคารได้ แต่จากประสบการณ์ตรงของผม มันยุ่งยากกว่าหุ้นมาก กระจายความเสี่ยงก็ยาก ภาระหนี้ยาว และถ้าจำเป็นต้องใช้เงิน ก็ปล่อยขายยากอีกด้วย
ถ้าตอนนี้ คุณยังรู้เรื่องหุ้นไม่มากพอ ผมแนะนำให้ใช้วิธีเดียวกันกับผม ช่วงที่เพิ่งเริ่มลงทุนใหม่ๆ คือซื้อ “กองทุนหุ้น” แทน “ซื้อหุ้นเอง” ไปก่อน ระหว่างนั้นก็หมั่นศึกษาเรื่องหุ้น จนกว่าจะมั่นใจ แล้วค่อยซื้อหุ้นเอง ก็ยังไม่สายครับ
(#กดติดตาม เพื่อศึกษาเรื่องหุ้นจากเพจของผมด้วยก็ได้ครับ ฮ่าาา)
จากตัวอย่างในข้อแรก สมมุติว่าคุณเอาเงินออมเดือนละ 12,000 มาลงทุนได้ผลตอบแทน 5% ต่อปี (ตีต่ำๆ ไว้ก่อน ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี) คุณจะมี “เงินล้าน” ในเวลาไม่ถึง 6 ปี! (จาก 7 ปี ถ้าเก็บเงินในธนาคาร ไม่เอามาลงทุน) ประหยัดเวลาเก็บเงินคุณไปตั้ง 1 ปี!
แต่คุณต้องเข้าใจนะว่า ผลตอบแทนมันไม่ได้มา 5% ตายตัวทุกๆ ปีแบบนั้น ระหว่างทาง ราคามันจะขึ้นลงผันผวนมาก และบางช่วงมูลค่าอาจติดลบด้วยซ้ำ ถ้าคุณมัวแต่เช็คราคารายวัน #ผลตอบแทนที่คุณจะได้อาจไม่คุ้มกับสุขภาพจิตที่คุณเสีย
ถ้าคุณเลือกลงทุนในกองทุนหุ้น ผมแนะนำให้คุณทำเรื่องกับธนาคาร ให้ตัดเงินในบัญชีคุณอัตโนมัติรายเดือนไปเลย แล้วไม่ต้องไปสนใจมันอีก เอาเวลาไปโฟกัสเรื่องงาน แล้วใช้ชีวิตให้ผ่อนคลายหลังเลิกงานดีกว่าครับ
3) ผลตอบแทนที่ได้ ให้เอาไป #ลงทุนเพิ่ม
ไม่ว่าจะเป็น เงินปันผล, เครดิตภาษีเงินปันผล, เงินลดหย่อนภาษีกองทุนหุ้น เช่น SSF/ RMF, ค่าเช่า ฯลฯ ได้มาแล้วอย่าเอาไปใช้นะครับ ถ้าคุณเอามันไปลงทุนเพิ่ม พอเวลาผ่านไป 10 ปี... 20 ปี….. ผลตอบแทนที่ได้ จะต่างกันมหาศาลเลยทีเดียว..
และนี่คือ 3 วิธี ที่ผมใช้จนมีเงินล้าน ข้อแนะนำเพิ่มเติมก็คือ ถ้าคุณรู้สึกว่าเงิน 1 ล้าน มันดูไกลตัวเกินไป เคล็ดลับคือ #ให้เริ่มจากเป้าหมายเล็กๆ ก่อน เช่น 1 แสน พอถึงแล้ว ค่อยขยับเพิ่มเป็น 2 แสน จากนั้น 3 แสน ค่อยๆ สะสมความสำเร็จเล็กๆ ไปเรื่อยๆ พอความสำเร็จเล็กๆ มารวมกันนานวันเข้า ในที่สุด วันที่คุณมี “เงินล้าน” จะมาถึง..
สำคัญคือ คุณต้องมี “ก้าวแรก” แล้วก้าวต่อๆ ไปจะตามมาเอง
คำถามคือ ก้าวแรกของคุณจะเริ่มวันไหน?
ถ้าไม่ใช่ ...... “วันนี้”
ป.ล. หากคุณอยากคำนวณผลตอบแทน จากเป้าหมายเงินออมรายเดือนของตัวเอง เสิร์ชกูเกิ้ล คำว่า “โปรแกรมคำนวณดอกเบี้ยทบต้น” ดูครับ มีโปรแกรมคำนวณเงินอัตโนมัติ ฟรีๆ มาประเคนให้คุณเพียบเลย
ติดตามเพจ:
โฆษณา