28 ส.ค. 2020 เวลา 03:00 • กีฬา
" รางวัลที่รับไม่ได้ "
ฟุตบอลในอังกฤษและสก็อตแลนด์ นานมาแล้วที่เราคุ้นเคยกับการมอบแชมเปญให้กับนักเตะดีเด่นประจำเกม หรือ แมน ออฟ เดอะ แม็ทช์
ประเพณีนี้มีมานาน โดยเฉพาะในยุคที่บริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่าง "คาร์ลิ่ง" เป็นสปอนเซอร์หลัก แต่แม้หลังจากที่ "บาร์เคลย์ส" ธนาคารและการเงิน เข้ามาเป็นสปอนเซอร์หลัก ก็ยังคงมีการมอบแชมเปญกันต่อ
ความเปลี่ยนแปลงมาถึงเอาในปี 2012 เพราะต้องย้อนไปว่าแต่ไหนแต่ไร จากจุดเริ่มต้นที่มีการมอบแชมเปญให้แมน ออฟ เดอะ แม็ทช์ ไม่มีใครคาดคิดว่าลีกในสหราชอาณาจักรจะมีนักเตะจากทั่วโลกเดินทางมาค้าแข้งมากมายขนาดนี้
มันไม่ใช่แค่เชื้อชาติ สีผิว การมีนักฟุตบอลจากทั่วโลกมาเล่นที่นี่ ยังรวมถึงความหลากหลายทางความเชื่อและศาสนาด้วย
แน่นอน นักฟุตบอลมุสลิม ไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ได้
แรกๆ คงมีอยู่บ้างแต่ไม่เยอะ แต่ไปๆ มาๆ เริ่มมีนักเตะมุสลิมมากขึ้น ทั้งจากฝรั่งเศสอย่าง ซามีร์ นาสรี่, ฮาร์เต็ม เบน อาร์กฟา และนักเตะจากตะวันออกกลางอย่าง อาลี อัล ฮับซี่ รวมถึงผู้เล่นจากแอฟริกา ที่หลายชาติ นับถือศาสนาอิสลาม ยกตัวอย่างเช่น พี่น้องตูเร่, เดมบา บา และอีกหลายๆ คน จนมาถึงยุคปัจจุบันนำโดย โม ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่
นักเตะเหล่านี้หลายคนทำผลงานโดดเด่นจนได้รางวัล แมน ออฟ เดอะ แม็ทช์ แต่เมื่อมีการมอบแชมเปญให้ มันก็กระอักกระอ่วน พวกเขารับมันไว้ไม่ได้อยู่แล้ว ก็มักจะรีบส่งต่อให้เพื่อนร่วมทีมที่มายืนให้สัมภาษณ์อยู่ข้างๆ ทันที
พรีเมียร์ ลีก เลยริเริ่มแนวคิดที่ว่า หากเป็นนักเตะมุสลิม จะมอบเครื่องดื่มที่เรียกว่า "Waard" ที่มีส่วนผสมหลักคือน้ำทับทิมแทน
จากนั้นไม่นาน พรีเมียร์ ลีก ยกเลิกการมอบแชมเปญให้กับ แมน ออฟ เดอะ แม็ทช์ ในแต่ละเกม พวกเขาเปลี่ยนมาเป็นโล่ชิ้นเล็กๆ ที่มีตราของสปอนเซอร์หลักอย่าง "บาร์เคลย์ส" ที่เป็นรูปนกอินทรีสีฟ้า แทน
พวกเขาใช้รางวัลนี้อยู่เกือบ 4 ปี จนมาถึงในปี 2016/17 เป็นต้นมา ที่มีการเปลี่ยนรางวัล แมน ออฟ เดอะ แม็ทช์ ใหม่และยังใช้มาจนถึงตอนนี้ คงนึกกันออก นั่นคือเป็นแท่งสีเหลี่ยมสีเหลืองมีโลโก้พรีเมียร์ลีก ข้างล่างเป็นแถบดำ
นั่นพัฒนาการของรางวัล แมน ออฟ เดอะ แม็ทช์ จากแชมเปญมาจนถึงแท่งสีเหลี่ยมสีเหลือง
แต่ไม่ใช่ทั่วโลกจะยกเลิกการมอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้นักเตะยอดเยี่ยมประจำเกม เพราะส่วนใหญ่บริษัทพวกนี้เงินสูง มักเป็นสปอนเซอร์ อย่างในอเมริกา หรือแม้แต่ในสก็อตแลนด์ ก็ยังมีอยู่
คำถามอีกอย่างที่น่าคิดคือ หากวันใดวันหนึ่ง เกมใดเกมหนึ่ง มีการมอบรางวัลด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ แมน ออฟ เดอะ แม็ทช์ ยังเป็นดาวรุ่ง อายุไม่ถึงเกณฑ์บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำยังไง?
กฏหมายในสหราชอาณาจักรระบุว่า คุณต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไปถึงจะซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ (หากอายุ 16-17 ไปผับพร้อมผู้ปกครอง อนุญาตให้ดื่ม แต่ไม่อนุญาตให้เดินไปซื้อเองที่บาร์)
เคสแบบนี้เคยมีมาแล้วหลายหน
แกเร็ธ เบล ตอนอยู่กับ เซาธ์แฮมป์ตัน ใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เขาเคยเล่นดีจนได้รางวัล แมน ออฟ เดอะ แม็ทช์ แต่ตอนนั้นอายุแค่ 17 ปี แชมเปญเลยต้องถูกส่งต่อให้เพื่อนร่วมทีมที่อายุเกินเกณฑ์รับไปดูแลก่อน นั่นก็คือ แอนดรูว์ เซอร์แมน ซึ่งตอนนั้นอายุ 18 ปีพอดี!
อีกหนึ่งเกมที่แฟนบอลคงยังจำได้ไม่ลืม เมื่อเดือนเมษายน 2009 ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แซงชนะแอสตัน วิลล่า 3-2 จากการยิงสุดสวย ในเกมประเดิมสนามชุดใหญ่ของ เฟเดริโก้ มาเคด้า ในวัยเพียง 17 ปี
เกมนั้น มาเคด้า ลงมาเป็นสำรองแต่กลายเป็นฮีโร่ยิงประตูชัย เขาได้รางวัล แมน ออฟ เดอะ แม็ทช์ ไปครองเป็นแชมเปญขวดโต ตอนมีการมอบกัน พิธีกรบอกว่า ด้วยการที่คุณอายุไม่ถึง เราจึงมอบให้ แกรี่ เนวิลล์ ดูแลไปก่อน
แต่เมื่อมีการสัมภาษณ์เสร็จ มาเคด้า ก็คว้าแชมเปญขวดนั้นหมับ ไปจากมือของ แกรี่ แล้วเดินเข้าห้องแต่งตัวไปเลย และเราไม่มีโอกาสรู้อีกเลยว่าแชมเปญขวดนั้นลงเอยยังไง
อีกเคสเกิดขึ้นในสก็อตแลนด์ เมื่อปี 2017 นี่เอง
ขณะที่ เบรนดัน ร็อดเจอร์ส ยังคุม กลาสโกว์ เซลติก พวกเขาเป็นทีมที่ หากเป็นเกมในประเทศ ไม่ว่ารายการไหน แทบแพ้ไม่เป็นเลย ตอนนั้นพวกเขาไม่แพ้ใครในสก็อตแลนด์มาติดต่อกัน 69 นัดแล้ว
กระทั่งพวกเขาเจอกับ ฮาร์ทส์ ทีมดังแห่งเอดินเบอระห์ และสถิติดังกล่าวก็ถูกหยุดลงที่นัดนี้เอง เมื่อ เซลติกแพ้ให้กับ ฮาร์ทส์ ไปถึง 0-4
ประตูแรกของ ฮาร์ทส์ มาจากดาวรุ่งวัย 16 ปีเศษ ที่เพิ่งเล่นชุดใหญ่ได้ไม่กี่นัดชื่อ แฮร์รี่ ค็อครัน
แน่นอนว่า ค็อครัน อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ทำให้ ดาวิด มิลคิโนวิช เพื่อนร่วมทีมที่บรรลุนิติภาวะแล้วต้องรับไปดูแลแทน
แฮร์รี่ ค็อครัน อายุครบ 18 ปีเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2019 ซึ่งในช่วงระหว่างนั้น เขายังเคยได้รางวัล แมน ออฟ เดอะ แม็ทช์อีกแต่ทางฝ่ายจัดตัดสินใจมอบ Irn-Bru ซึ่งเป็นเครื่องดื่มคล้ายๆ น้ำอัดลม สีส้ม นิยมมากในสหราชอาณาจักรโดยเฉพาะในสก็อตแลนด์ ให้กับดาวรุ่งรายนี้แทน
แต่ในบางครั้งก็มอบเป็นแชมเปญให้จริงๆ ซึ่งถามว่ายังเป็นเด็กอายุไม่ครบ 18 เขาจะทำยังไงกับแชมเปญเหล่านี้ คำตอบคือ คุณแม่
"ผมเคยได้รางวัลแมน ออฟ เดอะ แม็ทช์ อยู่บ้าง แต่แม่ของผมขโมยมันไปหมด แม่บอกว่าแม่ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน แต่แม่รู้ดี... ปีที่แล้ว ผมได้ Irn-Bru มากระป๋องนึง ก่อนหน้านั้นไม่กี่สัปดาห์ผมได้แชมเปญขวดแรกมาแต่คุณแม่ท่านดื่มไปหมดแล้ว"
หรืออย่างในช่วงปรีซีซั่นที่เตะกันในอเมริกาอย่าง อินเตอร์แนชนั่ล แชมเปี้ยนส์ คัพ ที่เอาทีมดังๆ จากยุโรปไปฟาดแข้งกันที่นั่น ก็มีการมอบรางวัล แมน ออฟ เดอะ แม็ทช์ เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมีสปอนเซอร์เป็นเบียร์ยี่ห้อดังประจำชาติ
ตอนที่ดอร์ทมุนด์เจอกับลิเวอร์พูลหน้าร้อนปี 2018 แล้วเอาชนะไปได้ 3-1 คริสเตียน พูลิซิช อายุ 19 ปีเศษ ได้รางวัลไปครอง แต่ด้วยการที่กฏหมายหลายรัฐในอเมริกา ต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไปถึงซื้อหาแอลกอฮอล์ได้ ดังนั้น ฝ่ายจัดเลยโยก เปลี่ยนไปมอบให้กับ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังลิเวอร์พูลแทนเสียเลย
อ่านบทความย้อนหลัง
" ผู้รักษาประตูเตี้ย " : หากจะหาผู้รักษาประตูที่ถือว่า "เตี้ย" และฝีมือใช้ได้ มีชื่อเสียงที่สุดคงต้องเป็น ฮอร์เก้ คัมโปส นายด่านจอมสีสันแห่งทีมชาติเม็กซิโกคัมโปส สูงแค่ 170 ซม. เท่านั้น แต่เล่นฟุตบอลในระดับสูงได้ เป็นมือ 1 ทีมชาติ เล่นฟุตบอลโลกมาแล้ว
" บทอำลาของโซล่า " : ขวัญใจตลอดกาลของแฟนเชลซี จานฟรังโก้ โซล่า ตัดสินใจย้ายกลับไปบ้านเกิด เพื่อทิ้งทวนเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพกับกายารี่ และนี่คือบทส่งท้ายพ่อมดร่างเล็กคนนี้
" 44 วันของไบรอัน คลัฟ " : ไบรอัน คลัฟ คือหนึ่งในยอดกุนซือตลอดกาลของวงการลูกหนังอังกฤษ ทว่าอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ คลัฟ โดดเด่นกว่ากุนซืออังกฤษคนอื่นๆ ก็คือนิสัยการพูดขวานผ่าซาก
เรียกว่าเก่งทั้งบู๊ทั้งบุ๋น ถ้านึกใครไม่ออก ลองนึกภาพ โชเซ่ มูรินโญ่ ตอนพีคๆ นั่นเลยคือ ไบรอัน คลัฟ
" ฟิโก้คนฆ่าแมวดำ " : หนึ่งความเชื่อที่เหมือนกับอีกหลายประเทศ นั่นก็คือเรื่องของ "แมวดำ"คนอิตาลีเชื่อกันว่าหากแมวดำเดินตัดหน้าคุณ หรือผ่านทางที่คุณกำลังจะเดินทางไปไหนนั่นคือโชคร้ายครั้งหนึ่งความเชื่อนี้ก็ถูกจับมาโยงกับฟุตบอลจนได้ เกือบกลายเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา