29 ส.ค. 2020 เวลา 00:04 • ประวัติศาสตร์
มเหสีผู้โดดเดี่ยว ที่ถูกปลงพระชนม์ เมื่อ ๕๙ ปีก่อน
พระนางเธอลักษมีลาวัณ พระมเหสีใน รัชกาลที่ ๖ สิ้นพระชนม์ โดยถูกคนร้ายลอบปลงพระชนม์ เพื่อปล้นพระราชทรัพย์ เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๐๔
เมื่อทรงพระชรา พระองค์ก็ทรงมีพระจริยาวัตรหงุดหงิดง่าย ใครเข้าพระพักตร์ไม่ใคร่จะได้ พระประยูรญาติจึงมิใคร่สามารถทนอยู่ถวายปรนนิบัติได้ ประกอบกับพระนางเธอฯ ปรารถนาจะประทับโดยสันโดษ ทรงโปรดความวิเวก ทำสวน และเพื่อประโยชน์ในการทรงงานประพันธ์ ซึ่งบรรดาข้ารับใช้ในพระนางเธอไม่มีผู้ใดจะทนอยู่ได้นานนัก
ในการพอพระทัยแบบสันโดษนี้เอง ได้เคยมีพระประยูรญาติที่หวังดีเตือนพระสติว่าไม่เป็นการปลอดภัยและเสี่ยงต่อภยันตรายยิ่งนัก แต่ทุกองค์ที่หวังดีกลับได้รับสั่งจากพระนางเธอฯ ว่า “ก็ให้มันรู้ไป ใครจะมาทำพระนางเธอลักษมีลาวัณ บ้านก็อยู่ใกล้กรมทหาร ติดถนนใกล้โรงพักอย่างนี้” พระนางเธอฯ ทรงกล้าหาญเด็ดเดี่ยวไม่ทรงกลัว จึงยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้คนร้ายวางแผนชิงพระราชทรัพย์ได้
ลำดับเหตุการณ์จากการบันทึก
◎ ๑๘ มีนาคม ๒๕๐๔
พระนางเธอลักษมีลาวัณ เสด็จพระดำเนินไปทรงร่วมงานการกุศลของมูลนิธิสตรีภาคพื้นแปซิฟิก นำโดยหม่อมในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ พระเชษฐา โดยมีชื่องานว่างานเมตตาบันเทิงรื่นฤดี ซึ่งขอพระราชทานพระอนุญาตจัดขึ้นที่วังรื่นฤดีของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีในรัชกาลที่ ๖ และสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โดยมีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ ๙ ทรงเสด็จเป็นองค์ประธานในงาน ซึ่งเป็นพระกรณียกิจครั้งสุดท้ายของพระนางเธอลักษมีลาวัณ
◎ ๒ กันยายน ๒๕๐๔
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ พระเชษฐาต่างพระมารดาของพระนางเธอ ทั้งยังเป็นรองนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ได้รับโทรศัพท์จาก นางสาวแน่งน้อย แย้มศิริ นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตข้าในพระองค์ของพระนางเธอฯ ในเวลา ๑๕.๓๐ น. ว่าเธอกับมารดาไปกดกริ่งและโทรศัพท์เข้าไปยังวังลักษมีวิลาศ แต่ไม่มีใครตอบหรือรับสายกลัวว่าอาจจะมีเหตุร้าย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ จึงเสด็จโดยรถยนต์พระที่นั่งส่วนพระองค์ไปยังวังลักษมีวิลาศ ก็เสด็จขึ้นชั้นบน พร้อมตรัสเรียกพระขนิษฐาตลอดเวลา เมื่อเสด็จถึงห้องพระบรรทมพบว่าเครื่องฉลองพระองค์และพระราชทรัพย์ในห้องถูกรื้อกระจาย พอเสด็จลงมาด้านล่างก็ได้กลิ่นเหม็นคละคลุ้งขึ้นมา เมื่อทรงตรวจดูก็พบพระศพของพระนางเธอลักษมีลาวัณอยู่บริเวณข้างโรงรถ จากนั้นจึงทรงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ สน.พญาไท เพื่อให้มาชันสูตรพระศพ เมื่อเสด็จไปที่ด้านหลังวัง ก็ทรงพบกระเป๋าทรงของพระนางเธอทิ้งอยู่ เมื่อตรวจสอบก็พบว่าเงินสดจำนวนหนึ่งและปืนพกขนาดเล็กได้หายไป เหล่าพระราชวงศ์ พระอนุวงศ์ เมื่อทราบข่าวก็ทรงรีบเสด็จรุดมาเฝ้าพระศพที่วังลักษมีวิลาส
◎ ๓ กันยายน ๒๕๐๔
เคลื่อนพระศพจากวังลักษมีวิลาสไปยังโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อทำการชันสูตรพระศพโดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ ทรงเป็นประธาน และมีตำรวจ ๓๐ นายรักษาความปลอดภัยรอบโรงพยาบาลตำรวจ มิให้ผู้ใดเข้าใกล้พระศพได้ ซึ่งแพทย์ได้วินิจฉัยว่าพระนางเธอฯ สิ้นพระชนม์มาแล้วไม่ต่ำกว่า ๓ วัน
◎ ๔ กันยายน ๒๕๐๔
เคลื่อนพระศพพระนางเธอลักษมีลาวัณสู่วัดมกุฎกษัตริยาราม โดยเชิญพระศพประดิษฐานในพระโกศกุดั่นน้อย ประดิษฐานที่ศาลามรุพงศ์ ภายใต้ฉัตรโหมดทอง ๕ ชั้น รายล้อมด้วยอภิรุม ชุมสาย ฉัตร บังแทรก บังสูรย์ พัดโบก โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ เป็นองค์ประธานในการพระราชทานน้ำสรงพระศพ
ภายหลังผู้ต้องหาทั้งสองถูกจับได้ และถูกพิพากษาให้ประหารชีวิต แต่ทั้งสองได้รับสารภาพ จึงได้รับการหย่อนโทษหนึ่งใน ๓ คือให้จำคุกตลอดชีวิต เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป ด้วยพระนางเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นพระองค์เจ้า สำนักพระราชวัง มีประกาศเรื่อง พระนางเธอลักษมีลาวัณ ในรัชกาลที่ ๖ สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๐๔ มีใจความว่า
“...พระนางเธอลักษมีลาวัณ ได้เสด็จสิ้นพระชนม์จากการถูกคนร้ายลอบปลงพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทด้วยความสลดพระราชหฤทัยยิ่ง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ไว้ทุกข์ในพระราชสำนักมีกำหนด ๑๕ วัน ประดิษฐานพระศพ ณ ศาลามรุพงศ์ ในวัดมกุฎกษัตริยาราม...”
สำนักพระราชวัง มีประกาศเรื่อง พระนางเธอลักษมีลาวัณ ในรัชกาลที่ ๖ สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๐๔ มีใจความว่า
“...พระนางเธอลักษมีลาวัณ ได้เสด็จสิ้นพระชนม์จากการถูกคนร้ายลอบปลงพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทด้วยความสลดพระราชหฤทัยยิ่ง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ไว้ทุกข์ในพระราชสำนักมีกำหนด ๑๕ วัน ประดิษฐานพระศพ ณ ศาลามรุพงศ์ ในวัดมกุฎกษัตริยาราม...”
สำนักพระราชวัง
๓ กันยายน ๒๕๐๔
ท่ามกลางความเจริญที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อนุสรณ์เรื่องความรัก ความอาภัพ ความทรงจำต่อพระองค์ก็เริ่มเลือนหายไปตามกาลเวลา เพราะภายหลังการสิ้นพระชนม์ของพระนางเธอลักษมีลาวัณ วังลักษมีวิลาสได้ถูกทิ้งร้างว่างเปล่าอยู่นานหลายปี จนต่อมามีการเจรจาขอซื้อที่ดินผืนนี้จากคริสตจักรแบ๊บติส จนได้กลายเป็น คริสต์จักรนิมิตใหม่ ศูนย์รวมนักศึกษาแบ๊บติสต์ บริเวณสี่แยกพญาไทในปัจจุบันถูก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา