29 ส.ค. 2020 เวลา 18:27 • ไลฟ์สไตล์
9 นิสัยเปลี่ยนแปลงตัวเอง
สวัสดี😊 อาจจะต้องแนะนำตัวกันใหม่ เพราะหายไปนาน ใครยังจำเราได้ ขอเสียง
หน่อยย
กลับมาเพราะคิดถึงแหละ ที่ผ่านมาไม่ได้เขียน แต่เป็นผู้อ่านมาตลอดนะ อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง แต่แอป blockdit สังคม blockdit ลบออกจากโทรศัพท์ไม่ได้จริงๆ
วันนี้ถือโอกาสกลับมาเป็นคนเขียน ให้เพื่อนๆอ่านบ้าง
ไปเจอ podcast จาก mission to the moon ใครชอบฟังอะไรที่มีสาระแบบสบายๆ แง่บวก รักการพัฒนาตัวเอง น่าจะรู้จักดี
"9 นิสัยเล็กๆในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง"
ถามว่าทำไมประทับใจอันนี้ ก็นั้นแหละ คนเราชอบมองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆแต่ส่งผลอันยิ่งใหญ่
สำหรับเรา 9 ข้อนี้ทำเป็นบ้างข้อ หลายๆข้อ ลองฟังดู มันคือพื้นฐานของนิสัยที่จะนำมาเราไปสู่เป้าหมายที่คาดหวังในชีวิตเลย
1. delay your reaction ลดความเร็วในการตอบโต้สิ่งต่างๆ
การพูดคุย การพิมพ์ตอบแชท หรือแม้กระทั่งการแสดงอารมณ์ โกรธ ชอบ
ข้อนี้ ส่วนตัวเคยทำ ถึงแม้ไม่ได้ทำตลอด แต่เห็นด้วย หลายครั้งเรามักจะรู้สึกพลาด กับการแสดงอารมณ์ ความรุ้สึก ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การกระทำ ข้อนี้คล้ายๆกับเป็น
การหยุดให้เราได้คิด เมื่อมีการรับสาร ให้ใช้ความคิดมากกว่าอารมณ์ การโต้ตอบ
อะไรแบบปัจจุบันทันด่วน หลักๆแล้วมันก็น่าจะมาจากอารมณ์มากกว่า หรือจะเป็นการตัดสินใจ ข้อเสนอ โอกาสต่างๆ ช้าลงนิดนึง คิดก่อนและค่อยโต้ตอบกลับไป
2. put yourself to complete a task when you don't feel like it
ทำงานให้เสร็จในตอนที่คุณไม่อยากทำ
ใน podcast ยกตัวอย่างเรื่องการล้างจาน ทุกครั้งเมื่้อเราทานอาหารเสร็จเอาจานไปวางที่อ่าง เคยไหมที่วางจานไว้ก่อนแลัวค่อยกลับมาล้าง เพราะฉันยังไม่อยากล้าง ฟังดูเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ถ้าเราฝืนตัวเอง พยายามทำงานอะไรสักอย่างให้เสร็จ ให้มันจบ ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงอารมณ์ที่เราไมอยากทำ ในชีวิตเราการที่จะบรรลุเป้าหมาย ความสบาย การตามใจอารมณ์ของตัวเองถือเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ ถ้าเราข้ามจุดนี้ ถือเป็นการปลดล็อคตัวเองได้ทีเดียว ถึงแม้จะเป็นแค่การล้างจาน เป็นกิจกรรมเล็กๆน้อยๆ แต่เป็นการฝึกนิสัย ที่เป็นพื้นฐานของเรา
3. spent away a day from social media
ใช้เวลาหนึ่งวันให้ห่างออกจาก social media
นอกจากข้อดีที่ทำให้เราได้ติดต่อสื่อสารกันในระยะทางไกล การแลกเปลี่ยนความสาร แต่มันก็เป็นดาบสองคม เราเคยได้ยินข้อเสียของมัน ในบางครั้งการเอาตัวเองออกจาก ข้อมูลอันวุ่นวาย การติดตามรับรู้เรื่องราวของคนอื่น มันก็ดีเหมือนกัน จริงๆแล้วข้อนี้อาจดูทำง่าย แต่มันก็อาจเป็นข้อที่ยากที่สุดของใครหลายคน การตื่นเช้ามาโดยที่ไม่ต้องหยิบโทรศัพท์เป็นอย่างแรก เราจะทำมันได้ไหม ลองดูกัน
4. prepare your next day the night before การเตรียมตัวก่อนเริ่มต้นวันใหม่
ข้อนี้โดยส่วนตัวไม่ค่อยทำ เพราะปกติในหนึ่งวันของที่ใช้ก็เดืมๆอยู่ในกระเป๋าตลอด ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไม่มีอะไรให้ต้องเตรียม แต่นอกจากกระเป๋าก็มีของบางอย่างที่ต้องเตรียมในทุกวัน เช่น เสื้อผ้า ภารกิจสิ่งที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้
ข้อนี้เป็นข้อหนึ่งที่เห็นด้วยมาก เพราะเกิดจากการเปรียบเทียบตัวเองเป็นหลัก จะมีเรา 2 คนก่อนหน้านี้ ทีเตรียมเสื้อผ้า อาหารเช้า ชาร์จแบตโทรศัพท์ สิ่งของอื่นๆเล็กๆน้อยๆที่แพลนไว้ว่าต้องเอาใส่กระเป๋าเพิ่มไปจากของใช้เดิมๆที่มีอยุ่ กับอีกคนหนึ่งที่แม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่เตรียม การเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความพร้อม มันเหมือนเป็นการพยากรณ์ว่าเวลาทั้งวันต่อจากนี้ ที่เราไปทำงานไปเจอเรื่องต่างๆ มันจะผ่านไปด้วยดี
ไม่เชื่อลองทำดู อันนี้สำหรับใครที่เคยเป็นเหมือนเราก่อนหน้านี้ ที่ไม่ค่อยเตรียมอะไรเลย กระเป๋า เสื้อผ้า ลองเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องพวกนี้ดู แล้วคุณจะพบกับความแตกต่างของวันที่คุณเตรียม กับ ไม่เตรียมอะไรเลย
5. eat mindfully กินอย่างมีสติ
การกินเป็นกิจกรรมพื้นฐานเป็นสิ่งที่เราต้องทำ ฟังดูเป็นเรื่องที่ไม่น่ามีความพิเศษอะไรเลย แต่มันมากกว่านั้น อาหารเป็นพื้นฐานของการมีสุขภาพที่ดี การกินที่ดีควรเคี้ยวอย่างน้อย 20-30 ครั้ง การกินอาหารในแต่ละครั้งก้ควรที่จะกินอย่างเดียว ไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ ไม่ต้องโฟกัสที่อย่างอื่น รับรู้รสชาติของอาหาร ในชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ แต่เรื่องพื้นฐานอย่างเช่นการกิน ก็ให้เวลากับมันหน่อยนะ โดยส่วนตัว ถึงแม้จะทำงานเป็นพยาบาล ชีวิตก็เร่งรีบตามที่หลายคนรู้กันอยู่ ก็จะเลือกอาหารที่เน้นพลังงาน โปรตีน ผัก ไม่เน้นปริมาณ ถึงเราจะเคี้ยวช้าๆ ค่อยๆกิน แต่เราก็ใช้เวลาไม่มาก เรื่องแบบนี้มันส่งผลระยะยาวมากกว่า
6. use a timer for your task มี target ว่าเราจะทำงานกี่นาที
คือการแบ่งเวลาในการทำงาน กำหนดขอบเขตว่าเราจะใช้เวลาทำงานนี้กี่นาที และจะแบ่งเวลาการทำงานยังไง แต่สรุปรวมๆแล้ว คือเราต้องมีกรอบเวลาในการทำงาน มีเป้าหมายว่าต้องทำงานให้เสร็จภายในเวลาเท่าไร และแบ่งเวลาพัก เวลามำงาน
7. place your phone on the opposite side or the room
นำโทรศัพท์ไปวางไว้นอกห้อง
แน่นอน คลื่นโทรศัพท์ส่งผลเสียต่อสมอง นอกจากเรื่องคลื่น การวางโทรศัพท์ไว้ในห้อง ทำให้เราไม่ได้โฟกัสที่การนอน สนใจอยุ่แต่กับโทรศัพท์ ให้เอาโทรศัพท์ไปชาร์จนอกห้อง ถ้าจะใช้นาฬืกาปลุกก็ให้ซื้อนาฬิกาปลุกโดยเฉพาะเลย หรือ ตั้งปลุกเสียงดังๆ
8. set a spending waiting period ให้เวลาสักพักก่อนซื้อของชิ้นหนึ่ง
มันคืออีกทริคหนึ่งในการยั้บยั้งชั่งใจ ไม่ให้เงินรั่วไหลออกจากกระเป๋าซื้อของที่ไม่จำเป็น เรามีของหลายชิ้นแล้วที่วางอยู่ส่วนใดส่วนหนึ่งของบ้านโดยที่เราไม่ได้หยิบมันออกมาใช้ ถ้าเวลาผ่านไปหลายวัน ดดยที่เรยังโหยหาต้องการของชิ้นนั้นอยู่ มันก็อาจเป็นของที่เราต้องการ จำเป็นจริงๆก็ได้ อีกวิธีหนึ่งคือ เม่อเจอของลดราคา ให้ถามตัวเองว่าถ้าของชิ้นนี้ขายเต็มราคาเรายังจะซื้อมันอยู่ไหม ถ้าตอบว่าไม่ ก็เป็นไปได้ว่าของชิ้นนี้ถ้าเราซื้อไป เราอาจจะไม่หยิบมันออกมาใช้ก็ได้ แต่ถ้าตอบว่าใช่ ก็ซื้อเลย
9. write down every idea คิดอะไรได้เขียนออกมาให้หมด
หลายครั้งความคิดดีๆมักจะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ตั้งใจ และเราก็จะปล่อยผ่านไป หารู้ไม่ ความคิดนั้นแหละ มันอาจเป็นที่มาของการต่อยอดอะไรดีๆในอนาคต จะใช้วิธีการจดด้วยกระดาษ ดินสอ หรือจะใช้โทรศัพท์ เครื่องมืออะไรก็ได้ ผ่่านไปนานๆ วันหนึ่งความคิดของคุณในวันนั้นที่ดูเหมือนไม่มีอะไร มันอาจจะมีประโยชน์กับคุณในอนาคตก็ได้
...
จบไปแล้ว สำหรับ 9นิสัยเล็กๆแต่เปลี่ยนแปลงอะไรที่ยิ่งใหญ่ บางอย่างดูเป็นเรื่องที่เรามองว่าไม่มีอะไร แต่ความจริงแล้วมันคือนิสัยพื้นฐานที่บอกว่าเราเป็นคนแบบไหน อนาคตเราจะเป็นเช่นไร ถ้าไม่เริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงสิ่งใกล้ตัว เล็กๆน้อยๆ แล้วเราจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ใหญ่กว่านี้ได้อย่างไร
เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ และทำไปเรื่อยๆ บอกกับตัวเอง และสุดท้ายฝากให้เพื่อนๆลองทำดู
ที่มา
podcast mission to the moon ep 873
โฆษณา