1 ก.ย. 2020 เวลา 02:00 • ความคิดเห็น
10 เรื่องจริง สุดปัง! ที่คนจำไม่ลืม
“บางสิ่งที่อยากจำเรากลับลืม บางสิ่งที่อยากลืมกลับจำ” เป็นท่อนหนึ่งของเพลง “อยากลืมกลับจำ” ของเดอะฮอทเปปเปอร์ ที่หลายคนน่าจะเคยได้ยินได้ฟังกันมาบ้าง ซึ่งในปี 2563 ตั้งแต่ต้นปีมาถึงตอนนี้ มีเหตุการณ์น่าสนใจเกิดขึ้นมากมายแต่ละเหตุการณ์เรียกได้ว่าเป็นเรื่อง “สุดปัง” ที่มีผลกระทบกับชีวิตและความเป็นอยู่ของคนทั้งประเทศ คำว่าเรื่องสุดปังจึงหมายถึงเรื่องดังที่ต่อให้เราไม่อยากรับรู้แต่เราก็ต้องรู้และเอาตัวรอดให้ได้ มูลเหตุตั้งต้นที่ทำให้ปีนี้มีเรื่องสุดปังมากมายแน่นอนว่าเริ่มต้นจาก “การแพร่ระบาดของ COVID 19” แต่ก็มีอีกหลายเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับ COVID 19 แต่ก็กลายเป็นเรื่องสุดปังได้เช่นกัน
 
www.ThaiSMEsCenter.com ได้รวบรวม 10 เรื่องจริงสุดปัง ที่เชื่อว่าคนไทยจะจำไม่มีวันลืมมาฝาก
 
1. นโยบาย “งดใช้ถุงพลาสติก”
ภาพจาก bit.ly/2YCjCiX
เรื่องสุดปังรับต้นปี 2563 เมื่อภาครัฐมีนโยบายต้องการเลิกใช้ถุงพลาสติกให้ได้ภายในปี 2564 ทำให้เริ่มต้นจริงจังกันตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา ในช่วงเวลาดังกล่าวก่อให้เกิดกระแสในโซเชี่ยลร้อนแรงอย่างมาก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะเห็นด้วย ก่อให้เกิดมุขตลกล้อเลียนวิถีชีวิตการเข้าไปซื้อของในห้างค้าปลีกที่จะเปลี่ยนไป เช่นบางคนโชว์ภาพเอาเสื้อห่อของกลับบ้าน บางคนโชว์ภาพเอาตะกร้าใส่ผ้ามาใส่ของกลับบ้าน เป็นต้น และถึงตอนนี้ห้างค้าปลีกบางแห่งก็ยังคงเข้มงวดกับนโยบายงดใช้ถุงพลาสติกดังกล่าว
 
2. ทั่วโลกได้รู้จักกับ “COVID 19”
ภาพจาก bit.ly/2EMvXK4
น่าจะเป็นเรื่องสุดปังที่ร้อนแรงที่สุดในโลก ซึ่งเป็นครั้งแรกที่โลกได้รู้จักไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 นับตั้งแต่จีนประกาศว่าพบผู้ติดเชื้อที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย เมื่อเดือน ธ.ค. 2562 ที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปอดอักเสบรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้ โดยที่เชื้อไวรัสตัวนี้สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านการ ไอ จาม หรือสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย ในประเทศไทยเริ่มพบผู้ป่วยครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2563 เป็นหญิงจากเมืองอู่ฮั่น ส่วนคนไทยที่ป่วยพบครั้งแรกเมื่อ 31 มกราคม 2563 เป็นชายไทยวัย 50 ปีอาชีพขับแท็กซี่ ซึ่งช่วงแรกคนไทยและคนส่วนใหญ่ทั่วโลกก็ไม่คาดคิดว่า
COVID 19 จะระบาดรุนแรงได้มากขนาดนี้
 
3. เศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วโลก
ภาพจาก bit.ly/31yZaRO
จากการแพร่ระบาดของ COVID 19 ก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างนักเศรษฐศาสตร์จากหลายสถาบันออกมาชี้ชัดว่าหายนะจากการแพร่ระบาดนี้หนักกว่าการแพร่ระบาดของซาร์สเมื่อปี 2546 โดยเฉพาะธุรกิจด้านการท่องเที่ยวที่สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ(IATA) ประเมินว่ารายรับการท่องเที่ยวโลกจะลดลง 63,000 ล้านดอลลาร์โดยเอเชียจะได้รับผลกระทบสูงสุด รองลงมาคือ ยุโรป ซึ่งภาพรวมถึง ณ ตอนนี้ก็ชัดเจนว่าเศรษฐกิจทั่วโลกเสียหายอย่างหนัก และยังไม่มีท่าที่ว่าจะฟื้นตัวได้ในช่วงเวลาอันสั้นด้วย
 
4. ปัญหาคนตกงานหนักสุดในรอบหลาย 10 ปี
ภาพจาก bit.ly/2QzHAHb
น่าจะเป็นเรื่องที่คนไทยได้รับผลกระทบชัดเจนและไม่มีใครอยากจำเรื่องนี้ กับปัญหาการตกงานที่หนักสุดในรอบหลาย 10 ปี โดย ทีดีอาร์ไอ ระบุว่า ปัญหาการว่างงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจการทำงานขอประชากร เดือนมีนาคม 2563 มีผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงาน 38.21 ล้านคน ซึ่งประกอบด้วย ผู้มีงานทำ 37.33 ล้านคน ผู้ว่างงาน 3.92 แสนคน และหากธุรกิจต้องปิดกิจการเพิ่ม โดยเฉพาะภาคบริการ เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยประเมินว่าจำนวนแรงงานที่ตกงานปีนี้อาจพุ่งถึง 3-4 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10
 
5. ปัญหา PM2.5
ภาพจาก bit.ly/31CyTCd
นอกจากเรื่อง COVID 19 ในปีนี้เรื่องสุดปังที่ไม่อยากจำคือสถานการณ์ PM2.5 หรือ ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอนที่วิกฤติอย่างหนัก โดยเมื่อวันที่ 8 มกราคม2563 กรมควบคุมมลพิษตรวจวัดค่าปริมาณฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน (ไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.) ถึง 38 พื้นที่ ส่งผลให้ค่าอากาศของกรุงเทพแย่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก ถึงขนาดที่ภาครัฐต้องออกมากำหนดมาตรการต่างๆ และจากปัญหานี้ยังทำให้เกิดปัญหาหน้ากาก PM2.5 ราคาพุ่งสูงขึ้นอีกหลายเท่าตัวด้วย
 
6. มือปืนปล้นร้านทอง / เหตุกราดยิงที่โคราช
ภาพจาก bit.ly/3lyLGh9
ทั้ง 2 ข่าวนี้สร้างความสะเทือนใจให้กับคนไทยชนิดช็อคความรู้สึกอย่างแรงเริ่มจาก วันที่ 9 มกราคม 2563 เกิดเหตุคนร้ายสวมหมวกไอ้โม่งบุกชิงทองในห้างสรรพสินค้าจังหวัดลพบุรี มีผู้เสียชีวิตรวม 3 ราย ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะติดตามและจับตัวคนก่อเหตุได้ และต่อจากนั้นอีกไม่นานหลังจากข่าวแรกยังไม่เงียบหายดี วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 เกิดเหตุช็อคยิ่งกว่าเมื่อเกิดเหตุกราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าในโคราช เป็นคดีสะเทือนขวัญที่คนทั้งประเทศตามข่าวกันแบบข้ามคืน โดยเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิตถึง 30 ราย บาดเจ็บ 57 คน ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 32 คน ก่อนที่คนร้ายจะถูกวิสามัญได้ในที่สุด
 
7. สนามมวยลุมพินี จุดเริ่มต้นซูเปอร์สเปรดเดอร์ COVID 19
ภาพจาก bit.ly/31BS0fS
นับตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2563 ที่มีประกาศจากรัฐบาลว่าพบผู้ป่วยติดเชื้อ COVID 19 คนแรกในประเทศไทย แม้จะเป็นชาวต่างชาติ แต่ก็นับว่าเป็นคนแรกที่พบภายในประเทศ หลังจากนั้นเป็นต้นมามีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อ COVID 19ตั้งแต่เลขหลักเดียวไปจนถึงเลขสองหลัก กระทั่งวันที่ 13 มีนาคม 2563 ที่มีนักแสดงชื่อดังและพิธีกรสนามมวยลุมพินีประกาศว่าติดเชื้อ COVID 19 และกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่มีการแพร่ระบาดของ COVID 19 พุ่งขึ้นจากสิบแตะหลักร้อย และเข้าสู่หลักพันกว่าที่ตัวเลขจะเริ่มคงที่และควบคุมการระบาดให้อยู่ในวงจำกัดได้ก็ใช้เวลานานหลายเดือนจนถึงทุกวันนี้ที่ COVID 19 เริ่มมีมาตรการผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อยๆ
 
8. ราคาน้ำมันดิ่งแรง / ราคาทองคำพุ่งสูง
ภาพจาก bit.ly/31CfaCs
ช่วงการแพร่ระบาดของ COVID 19 หลายประเทศมีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงน้อยลงจากหลายเหตุปัจจัย โดยในช่วงเดือนมีนาคมราคาน้ำมันในประเทศดิ่งลงอย่างแรง ราคาไปแตะอยู่ที่ประมาณ 18 บาท/ลิตร ซึ่งถือว่าต่ำมาก แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนั้นที่คนไทยก็ไม่สามารถเดินทางไปไหนได้สะดวกจึงทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันโดยรวมในประเทศก็น้อยเช่นกัน แต่ก็ถือเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่เราต้องจดจำกับราคาน้ำมันที่ไม่คิดว่าจะถูกได้ขนาดนั้น สวนทางกับราคาทองคำที่เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาราคาทองคำแท่งสูงกว่า 30,200 บาท ในขณะที่ทองรูปพรรณขายออกราคาสูงถึง 29,700 บาท ทำให้มีการเทขายทองกันเป็นจำนวนมากก่อนที่ราคาจะค่อยๆ ขยับลงมาในภายหลัง
 
9. ปีที่ไร้เทศกาลสงกรานต์
ภาพจาก bit.ly/3b60leL
ประเพณีสงกรานต์ที่อยู่กับคนไทยมานานใครจะคิดว่าปีนี้เราจะไม่มีเทศกาลสงกรานต์ อันเนื่องมาจากสถานการณ์แพร่ระบาด COVID 19 ที่ภาครัฐต้องการควบคุมการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัดจึงได้งดการจัดกิจกรรมสงกรานต์ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ แถมยังให้สงกรานต์ปีนี้เป็นวันทำงานตามปกติ ซึ่งเป็นอารมณ์แปลกใหม่ที่คนไทยไม่เคยเจอ ซึ่งภายหลังภาครัฐได้ให้สัญญากับประชาชนว่าจะมีการชดเชยวันหยุดสงกรานต์ให้ในภายหลัง ถึงตอนนี้ได้หยุดชดเชยให้แล้ว 1 วันส่วนอีก 2 วันคาดว่าจะเป็นวันที่ 4 และ 7 กันยายน
 
10. หวยหยุดออกรางวัล 3 งวดติด เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ภาพจาก bit.ly/3jpR6J4
สลากกินแบ่งรัฐบาลคือความหวังของคนอยากรวยแต่ใครจะเชื่อว่าจากสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID 19 ทำให้ต้องงดการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลติดต่อกันถึง 3 งวดคือ งวด 1 เม.ย. 63 , งวด 16 เม.ษ 63 และงวด 1 พ.ค.63 โดยกลับมาออกรางวัลอีกครั้งในงวดที่เป็น 16 พ.ค. 63 และจากการเลื่อนออกรางวัลดังกล่าวคาดว่าภาครัฐสูญรายได้รวมกันถึง 5,400 ล้านบาท และคนที่ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลและบรรดาคอหวยต่างๆ ก็ต้องรอคอยการออกรางวัลกันอย่างยาวนานเลยทีเดียว
 
ความจริงเหตุการณ์สุดปังในปีนี้ก็ยังไม่มีเท่านี้ เพราะนี่คือปีที่คนไทยได้รู้จักกับคำว่า “New Normal” และต้องมีการปรับตัวหลายอย่าง เช่นร้านอาหารที่ต้องนั่งกินคนเดียว การมีฉากกั้นระหว่างพ่อค้ากับคนซื้อตามตลาดสด การเว้นที่นั่งในที่สาธารณะ การต้องสวมหน้ากากอนามัย การต้องพกเจลล้างมือติดตัว รวมถึงอีกหลายปรากฏการณ์ที่เกิดจากการล็อคดาวน์และการประกาศเคอร์ฟิวของภาครัฐ ถือเป็นปีที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายซึ่งแต่ละเรื่อง “สุดปัง” มีทั้งที่อยากจำและไม่อยากจำผสมกันไป
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaisme
อัพเดทและติดตามข่าวสารได้ที่
Line : @thaifranchise
Twitter : @thaifranchise
โฆษณา