#เจ้าหญิงแสนหวีเรื่องจากชีวิตจริงของเจ้าสายเมือง ณ เชียงตุง
พลตรีหลวงวิจิตรวาทการได้นำเค้าโครงเรื่องจริงของเจ้าสายเมืองมาประพันธ์เป็นนิยายเรื่องนี้ ที่กล่าวถึงเจ้าหญิงแสนหวีที่มีความรักและความผูกพันกับเจ้าชายเขมรัฐ และนี่คือส่วนหนึ่งของบทความนี้....
พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ ได้นําอัตชีวประวัติของท่านมาเขียนเป็นบทประพันธ์ที่มีชื่อเสียงเรื่องหนึ่งที่ชื่อ “เจ้าหญิงแสนหวีกับ เจ้าชายเขมรัฐ” และเจ้าชายเขมรัฐนี้ก็หาใช่ใครอื่น แท้จริงแล้วก็คือ ท่านเจ้าสายเมือง มังราย นั่นเองอันที่จริงเรื่องราวของบทประพันธ์ดังกล่าวมีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงว่า ก่อนที่เจ้าสายเมืองจะได้พบรักกับคู่ชีวิตในปัจจุบันนั้น
เจ้าสายเมืองได้มีความรักความผูกพัน ให้กับธิดาเจ้าฟ้าเมืองแสนหวีองค์หนึ่งซึ่งเป็นน้องสาวเจ้าห่มฟ้า มีนามว่า เจ้านางเฮินคํานับตั้งแต่สมัยเจ้านางเป็นนักเรียนของโรงเรียนเซนต์แอกเนส คอนแวนต์(St.Agnes Convent School) ที่เมืองกะลอว์(Kalaw) ในรัฐฉาน ซึ่งความรักระหว่างทั้งสองนี้ได้รู้ถึงเจ้าห่มฟ้าผู้เป็นพี่ชายที่ต้องการให้ น้องสาวของตนได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองเห็นว่าเป็นคนที่เหมาะสม โดยคนแรก ชื่อ ขุนเมียทซา ซึ่งได้ถูกเจ้าเฮินคําปฏิเสธโดยไม่ใยดีอีกทั้งยังได้ประกาศกับ พี่ชายของเจ้านางว่า “เจ้านางจะแต่งงานกับคนที่เจ้านางรักเท่านั้น และไม่มีวันที่จะแต่งงานกับคนที่เจ้านางไม่ได้รักอย่างเด็ดขาด ” ทําให้เจ้าห่มฟ้านั้นโกรธมาก จนในที่สุดก็ถูกบังคับให้แต่งงานกับเจ้าฟ้าส่วยแตก เจ้าฟ้าเมืองหยองหวยซึ่งเป็นเพื่อนกับเจ้าห่มฟ้าและแก่กว่าเจ้านางเฮินคําถึง 20 ปี เพื่อเห็นแก่บุญคุณ ที่เจ้าห่มฟ้าเป็ผู้ปกครองเจ้านาง
เมื่อเรื่องนี้ได้ล่วงรู้ถึงเจ้าสายเมือง ทําให้ท่านเดินทางไปเมืองแสนหวีกับเจ้าจันทร์ฟองน้องสาวของท่านไปหาเจ้าเฮินคํา เมื่อเรื่องนี้รู้ถึงเจ้าห่มฟ้าท่านก็ได้ทําการกักบริเวณน้องสาวของตนไม่ให้ออกมาพบเจ้าสายเมือง ทําใหเจ้าสายเมืองเสียใจมากและก่อนเดินทางกลับท่านได้ใช้ มีดกรีดบริเวณต้นขาของท่านและใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเลือดนั้นส่งให้กับเจ้าเฮินคําเพื่อเป็นอนุสรณ์ครั้งสุดท้าย และท่านเองก็ปิดตัวเงียบตามลําพัง
ในวันที่มีการ อภิเษกของคู่รักเก่า เรื่องราวความเคลื่อนไหวในหอแสนหวีที่กําลังมีเรื่องได้รับการบอกกล่าวผ่านจดหมายมายังเจ้าสายเมืองโดยการติดต่อของน้องสาวของ เจ้าสายเมืองต่างพระมารดา คือ เจ้านางแว่นทิพยซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าเฮินคําสมัยเป็นนักเรียนประจําและได้อภิเษกกับเจ้าห่มฟ้า และเป็นมหาเทวีในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ด้วย(ปี 2479)
เจ้านางแว่นทิพย์ได้แนะนําให้เจ้าสายเมืองเขียนจดหมายถึงคนรักโดยใช้ภาษาไทขืน(คล้ายภาษาล้านนา) เพราะว่าที่แสนหวีไม่มีใคร อ่านและรู้ความหมายในจดหมายที่เจ้าสายเมืองส่งไปได้นอกจากเจ้านางเองกับเจ้าพี่สายเมืองเท่านั้น แต่ชีวิตคู่ของเจ้านางเองก็ไม่สมหวังเช่นเดียวกันและได้ หย่าร้างกับเจ้าห่มฟ้าหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลงจึงได้กลับไปใช้ชีวิตที่เชียงตุงบ้านเกิดจนวาระสุดท้ายของชีวิต เจ้าส่วยแตกได้เป็นประธานาธิบดีคนแรกคู่กับมหาเทวีเฮินคําที่เป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของประเทศสหภาพพม่าหลังบรรลุสนธิสัญญาปางโหลงกับชาติพันธุ์ต่างๆ ในปี 2490
ก่อนที่สัญญา ปางโหลงจะถูกฉีกลงด้วยจอมเผด็จการทหารที่ชื่อนายพลเนวิน ในปี 2505 พร้อมกับสิ้นสุดของประเทศที่ใช้ชื่อว่า สหภาพพม่า และปิดฉากเจ้าฟ้าส่วยแตก ในปีต่อมาจากการถูกทารุณกรรมจากการคุมขังในคุกอินเสง
ส่วนมหาเทวีเฮินคําได้ลี้ภัยการเมืองไปอยูที่ประเทศแคนาดาและได้จากโลกนี้อย่างสงบเมื่อ วันที่ 17 มกราคม ปี 2546 สิริอายุได้ 86 ปี
จากบทความเรื่อง :
รำลึกถึง เจ้าสายเมือง มังราย: เจ้าชายเขมรัฐ
เนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปี แห่งการจากไปของผู้ก่อตั้งสมาคมวรรณคดีรัฐฉาน