Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เล่าเป็นเรื่อง | พงษ์ บาติก
•
ติดตาม
3 ก.ย. 2020 เวลา 12:06 • หนังสือ
Ep.06 สาบเสือดำ
คืนนี้ไม่มีดาวแม้แต่ดวงเดียวมีเพียงจันทร์เสี้ยวที่เห็นเป็นแสงรางๆ ในม่านดำ บนท้องฟ้ามีแสงฟ้าแลบและร้องครืนๆ อยู่ไกลๆ พ่อใส่เสื้อแขนยาวสีฟ้าครามตัวเก่ง ใส่รองเทาบู๊ท ทะมัดทะแมง กำลังทดลองเปิดไฟฉายสี่ท่อนสาดแสงมองไปรอบๆ บ้าน
บนบ้านมีเสียงแม่บ่นว่าไม่รู้จะตามพ่อไปทำไมกลางค่ำกลางคืน ลุยป่าลุยน้ำมันไม่ค่อยปลอดภัย แต่มือก็กำลัง รื้อเสื้อแขนยาวในตู้มาส่งให้ผม คืนนี้พ่อจะไปหากบ พ่อนั่งฟังเสียงมันร้องตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้ว มันประสานเสียงดังไกลๆ ออกไปแถวริมคลองบางทรายนวล หลังจากฝนตกมาหลายวันแล้ว
พอได้ยินว่าพ่อจะไปหากบ ผมก็รบเร้าพ่อตั้งแต่ตอนเย็นว่าจะขอไปด้วยจนสำเร็จ เพราะพ่อบอกว่าผมน่าจะโตพอไปด้วยได้แล้ว แต่แม่ก็ยังคงห้ามปรามไปตามประสา
เสียงพ่อเรียกเร่งให้เร็วๆ เข้าผมสวมหมวกกันน้ำค้างแล้วรีบก้าวลงบันได ขณะที่พ่อฉายไฟให้ผมใส่รองเท้าบู๊ท ในมือพ่อมีฉมวกสามง่ามที่ทำจากซี่ล้อรถเครื่อง พร้อมมีดพร้าประจำกาย ส่งเชือกหวายยาวประมาณเมตรกว่ามาให้ผมช่วยถือ ผมเหน็บหนังสติ๊กที่เอวรีบก้าวเดินตามพ่อไปติด ๆ
พ่อเดินฉายไฟนำหน้า พอพ้นชายคาก็สัมผัสละอองฝนบางๆ บนผิวตัว เสียงไอ้ดำครางหงิง ๆ อยู่ที่ใต้ถุนบ้านเพราะอยากตามไปด้วย แต่พ่อผูกมันไว้กับเสาบ้านบอกขืนให้มันไปด้วย มันจะวิ่งนำหน้า ทำให้กบตกใจกระโดดหนีไปหมด
ลมหนาวพัดเอาละอองฝนมากระทบร่างกายเย็นฉ่ำ เสียงครืนๆ อยู่ที่ขอบฟ้าไกลออกไป หิ่งห้อยหลายสิบตัวบินส่องแสงวาบๆ อยู่ในความมืด เสียงจิ้งหรีดร้องประสานเสียวอยู่รอบๆ ตัว สลับเสียงรองเท้าบู๊ทย่ำลงบนทางเฉาะๆ เดินมาได้ไม่นานพ่อก็หยุดเดินส่องไฟฉายนิ่งไปที่พุ่มไม้เบื้องหน้า อึดใจก็เรียกผมเข้าไป พลางชี้ให้ดูตาดวงกลมโตที่สะท้อนแสงไฟฉายอยู่บนพุ่มไม้ พ่อบอกว่าตัวนางอาย มันชอบหากินกลางคืน ไต่ต้วมเตี้ยมอยู่ตามต้นไม้ ไม่เป็นอันตรายและเชื้องช้า มีให้เห็นตลอดตอนกลางคืนเพราะไม่มีใครล่าเอามากิน ผมมองตามนางอายตัวสีเทา ที่ค่อยไต่อย่างเชื่องช้าจนหายเข้าไปในพุ่มไม้
พ่อก็ปิดไฟฉาย ความมืดเข้ามาปกคลุมทันใดจนมองเกือบไม่เห็นมือตัวเอง พ่อบอกให้ผมฟังดู่วามีเสียงกบร้องมาทางไหนบ้าง ผมนิ่งยืนฟังเสียงรอบตัว ทั้งเขียด อึ่งอ่าง คางคก จิ้งหรีด ประสานเสียงกันปนเปจนแทบแยกไม่ออก แต่ในสรรพเสียงนั้นก็ มีเสียงอ๊บๆ ปนแทรกอยู่เป็นระยะจากริมคลองบางทรายนวลที่อยู่เบื้องหน้า ละอองฝนดูเหมือนลงหยุดโปรยปรายแล้ว
พ่อพาผมเดินต่อ ผ่านสวนเงาะมาหยุดตรงริมคลองที่มีเสียงน้าไหลตลอด มีเสียงกระโดดลงน้าจ่อมๆ ของลูกเขียดแถวๆ นั้น พ่อสอนว่าการหากบไม่ต้องเดินลงในคลอง แต่ให้เดินเลียบริมคลองหรือใต้ต้นเงาะที่มีลานโล่งๆ ก็จะเจอ เพราะมันจะขึ้นมาร้องหาคู่อยู่บนบก หรือไม่ก็ใช้วิธีฟังเสียงเอา ถ้าได้ยินเสียงร้องอยู่ตรงบริเวณ ไหนก็ค่อยเดินไปหามัน
พ่อนำผมเดินมาได้นิดเดียวก็หยุดเดิน ส่องไฟฉายบนพื้นนิ่ง เบื้องหน้าที่แสงไฟฉายจับอยู่คือกบสีเหลืองอมน้ำตาลตัวเขื่องพ่อส่งไฟฉายให้ผมถือส่องไว้นิ่งๆ ผมรับไฟฉายมาถือเหมือนกลั้นหายใจ กลัวกบจะกระโดดหนีไป พ่อยกสามง่ามด้ามยาวขึ้นสูงแล้วกดไปแรงๆ บนตัวกบ แม่นยำและรวดเร็ว สามง่ามทะลุตัวกบกดแน่นอยู่กับพื้นดินพ่อก้มตัวลงไปจับแล้วมาร้อยปากมันไว้กับเชือกหวายที่นำไปด้วย ผมถามว่ามันตายไหม พ่อบอกว่ามันไม่ตายหรอกแขวนทิ้งไว้เป็นคืนก็ยังไม่ตาย พลางส่งมาให้ผมเป็นคนถือ
เราเดินมาจนเกือบสุดเขตแดนสวนเงาะของเรา ขณะที่กบที่ร้อยเป็นพวงอยู่ในมือผมเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ รวมแล้วสิบกว่าตัว ตัวโตๆ ทั้งนั้น อากาศก็หนาวมีอาการง่วงเข้ามาแทรกเล็กน้อย จะบ่นก็ไม่ได้กลัวเสียเชิง ก็เป็นคนรบเร้าขอมาเองนี่นา
ระหว่างทางพ่อก็ส่องไฟฉายให้ผมดูโน่นดูนี่เป็นระยะๆ มีครั้งนึงอีเห็น ตัวใหญ่กระโดดตัดหน้าอย่างกระชั้นชิดจนเราตกใจทั้งคู่ มันเองก็หยุดหันมามองแสงไฟอย่างสงสัยอยู่อึดใจก็วิ่งหายลับไป พ่อบ่นเสียดายที่ไม่ได้เอาปืนแก๊ปมาด้วย
ได้กบเพิ่มอีกตัวตรงสุดเขตสวนเงาะพ่อดี พ่อถามว่าง่วงนอนยัง ผมก็ตอบไปตามตรง พ่อก็หัวเราะเบาๆ แล้วชวนกลับบ้าน พ่อเอาพวงกบในมือผมไปถือเองแล้วส่งฉมวกมาให้ผมถือแทน
ผมแบกฉมวกขึ้นบ่าแล้วรีก้าวเดินตามหลังพ่อไปติดๆ พ่อเดินนำหน้าเลียบริมคลองย้อนกลับทางเดิม เจอกบอีกสี่ห้าตัว แต่พ่อบอกว่าพอแล้วไม่ต้องเอาเยอะ แค่พอกิน ถ้าอยากกินวันหลังค่อยมาหาใหม่
ขากลับเราเดินเร็วกว่าขาไปเพราะไม่ต้องคอยระวังเสียงดังให้กบตกใจ ครู่เดียวเราก็เดินมาถึงบนเส้นทางหลักที่จะเดินตรงกลับบ้าน พ่อเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นผมก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินตามไปติดๆ ฝนเริ่มลงเม็ดบางๆ ลงมาอีกแล้ว และมี ที่ทำว่าจะหนักขึ้นเรื่อยๆ พ่อบอกให้เร่งฝีเท้าเพื่อจะไปถึงบ้านก่อนฝนตกหนัก
ขณะที่ผมกำลังก้มหน้าเดินงุดๆ ตามหลังพ่ออยู่นั้น ทันใดก็เหมือนมีเสียงของหนักๆ หล่นตุ้บตรงเบื้องหน้า พ่อหยุดเดินกะทันหัน ผมเบรคไม่ทันชนหลังพ่ออย่างแรงแล้วหงายหลังลงกับพื้น ก่อนที่ผมจะเอ่ยเสียงโวยวาย เสียงพ่อตวาดเสียงเข้มเบาๆ “อยู่นิ่งๆ” ผมตกใจนิ่งตามสั่ง พ่อส่องไฟฉายนิ่งอยู่อย่างนั้น
ผมมองลอดหว่างขาพ่อไปก็เห็นสัตว์ตัวใหญ่เท่าลูกวัว สีดำมะเมื่อม ยืนจังก้าย่อขาหน้า ตาทั้งคู่สบสู้กับแสงไฟฉายห่างไปไม่ถึงห้าเมตร แววตานั้นทรงอำนาจ และกลิ่นสาบสางที่ไม่เหมือนสัตว์ใดที่ผมเคยได้กลิ่น ผมเย็นที่ไขสันหลังวูบ ตัวนี้ผมรู้จัก เพราะเคยเห็นลูกของมันที่ชาวบ้านเคยจับได้มาก่อนหน้านี้แล้ว มันคือเสือดำ
เหมือนกับเวลามันช่างยาวนานเหลือเกิน ทั้งคนทั้งสัตว์ยืนนิ่งสบตากันอยู่ย่างนั้น ผมสังเกตเห็นพ่อคว่ำคมมีดพร้าในมือลงอย่างช้าๆ และบีบด้ามแน่นพร้อมรบ ตอนนั้นผมเหมือนจะร้องให้แต่เหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างมาจุกอยู่ที่คอหอย คงเพราะความกลัวและความตกใจมันวิ่งมาชนพร้อมกันจนแยกไม่ออก
ระยะเวลาครึ่งนาทีที่ยาวนานเหมือนครึ่งชั่วโมง ในการหยั่งเชิงทั้งสองฝ่าย สุดท้ายเสือร้ายก็กระโจนเข้าป่าข้างทางไปเฉยๆ ผมยังไม่ทันหายตะลึง มือแข็งปานคีมเหล็กของพ่อดึงผมขึ้นยืนทันที ลากผมกึ่งวิ่งกึ่งเดินเร็วโดยไม่เอ่ยอะไรซักคำ ส่องไฟฉายสลับหน้าหลังตลอดทาง ยังไม่ทันก้าวเข้าชายคาพ่อตะโกนเสียงเข้าให้แม่รีบเปิดประตูแล้วให้รีบส่งปืนมาให้หน่อย
ระหว่างที่แม่กำลังเปิดประตู พ่อก็ไปปล่อยไอ้ดำที่ผูกเอาไว้ ในตอนนี้มันเอง ก็ทำจมูกฟุดฟิดท่าทางตื่นๆ มองไปในเส้นทางที่เราเพิ่งเดินผ่านมา พ่อรับปืนจากแม่ ไล่ผมขึ้นไปบนบ้าน บอกให้แม่รีบปิดประตู
ผมรีบขึ้นบนบ้านอย่าวเร็ว เอาหน้าแนบฝามองลอดช่องไม้ไผ่สับ เสียงแม่เร่งเร้าถามว่ามีอะไร ผมบอกลอย ๆ ไปว่าเจอเสือ เสียงม้าในคอกครางฟืดฟาดตลอดเวลา พ่อแนบไฟฉายกับลำกล้องปืนประทับเตรียมยิง ขณะที่ไอ้ดำก็วิ่งวนอยู่ข้างๆ พ่อ สักพักพ่อก็เอาฟางในยุ้งข้าว ก่อกองไฟกองใหญ่ข้างๆ คอกม้า แสงไฟสีส้มสว่างไปเกือบทั่วบริเวณ มองเห็นรอบบ้าน ครู่ใหญ่ทุกอย่างก็เริ่มสงบ ม้าเริ่มเงียบ ไอ้ดำหยุดวิ่งวน
ผมล้างมือล้างเท้าบนบ้านหยาบๆ แล้วมานอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มในมุ้ง มองยอดแสงไฟตะเกียงที่อยู่กลางบ้านส่ายไปมาตามลมที่พัดทะลุฝาไม้ไผ่ นอนฟังพ่อเล่าเรื่องให้แม่ฟังคร่าวๆ ว่าเสือมั่นคงวิ่งมาตามเส้นทางของ มันแล้วบังเอิญกระโดดลงกลางทางพอดี ดูท่าเสือเองก็งงและตกใจเหมือนกัน ยืนนิ่งแล้วก็กระโดดหนีไปเอง แต่ถ้ามันคิดจะสู้พ่อก็จะเอาพร้าฟันขาดสองท่อนเป็นแน่ ฝ่ายแม่ก็ต่อว่าพ่อว่าไม่น่าพาผมไปด้วย
พ่อกับแม่คุยอยู่ครู่นึงแล้วก็ดับตะเกียงเข้านอน แม่บอกให้ผมีรีบ หลับพรุ่งนี้จะให้ไปไร่ข้าวโพดกับแม่แต่เช้า แต่ผมยังนอนตาแป๋วหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง นึกไปต่างๆ นาๆ นึกว่าถ้าพอสู้กับเสือตอนั้นกับมีดพร้าอันเดียว ผลมันจะเป็นยังไง แต่ผมมีหนังสติ๊กจะช่วยยิงสู้เสือกับพ่อ ยิงตามันให้บอดไปเลย เฮ้อ.. แต่ว่าไปในตอนนั้นผมเองก็ลืมหนังสติ๊กที่เอวนั่งนิ่งเห็นหิน ขวัญบิน ไปตั้งนานแล้ว…ส่วนกบที่พ่อทิ้งไว้กลางทางเสือมันจะเอาไปกินหรือเปล่าน้อ....
บันทึก
5
2
5
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย