3 ก.ย. 2020 เวลา 05:01 • นิยาย เรื่องสั้น
วันนี้เป็นวันที่ฉันรู้สึกสบายใจ เป็นความสุข ความอิ่มเอมใจ ที่ได้เห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะของคนสำคัญของฉัน
วันที่แสนธรรมดา แต่เป็นช่วงเวลาที่แสนวิเศษ
พ่อแม่ของฉันประกอบอาชีพทำสวน ทำนา เลี้ยงวัว
ก่อนหน้านี้ ฉันทำมาหลายอาชีพ ลองมาหลายอย่าง มีทั้งสิ่งที่ชอบ สิ่งที่อยากทำ หรือลองทำแล้วมันไม่ใช่
เพราะผลกระทบของโควิท 19 ฉันจึงกลับมาใช้ชีวิตอยู่กับพ่อแม่ อยู่กับลูก ๆ อยู่กับธรรมชาติ อยู่กับท้องไร่ท้องนา
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ ฉันเติบโตในพื้นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์นี้ แต่กลับหนีไปทำงานต่างถิ่น
ไปใช้ชีวิตดิ้นรนเพื่ออะไร ต้องการพิสูจน์อะไร กำลังวิ่งไล่ หรือตามหาอะไรอยู่
ทุกวัน ฉันตื่นนอนมาตอนตีห้ามาเตรียมอาหาร เพื่อให้ทุกคนตื่นขึ้นมาจะได้กินเลย
"อาหาร ที่ทำจากความรัก"
หลังจากซักผ้า ทำความสะอาดบ้านเสร็จ พอสาย ก็ออกไปทำสวน ทำงานกลางแดด
3-4 ทุ่มเป็นเวลาเข้านอน ในต่างจังหวัดเราเข้านอนกันเร็ว ฉันชอบวันที่พระจันทร์ส่องสว่าง มันเหมือนมีสปอร์ตไลท์ขนาดใหญ่ ฉันสามารถมองเห็นทุ่งนาข้างบ้านได้ชัด
ฉันชอบแสงนวลของพระจันทร์ที่มองแล้ว ให้ความรู้สึกอบอุ่น ฉันนอนมอง แล้วเผลอหลับไปในแบบนั้น
แสงที่ลองเข้ามา จากหน้าต่างของห้องที่ทิ้งเปิดไว้
ฉันหลับสบาย ภายในบ้านธรรมดาที่ไม่ได้ใหญ่โต มีข้าวของเครื่องใช้แค่พอจำเป็น เพราะเน้นที่ประโยชน์ใช้สอยมากกว่า
ข้างบ้าน มีแปลงแตงกวาเนื้อที่ 2 งาน ( 200 ตารางวา ) ออกผลผลิตให้เก็บขายได้วันเว้นวัน มีผักสวนครัวที่ปลูกไว้กินเอง เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ที่สำคัญ ไม่ต้องเสี่ยงเรื่องสารเคมี
ทิศตะวันตกของบ้าน มองเห็นทุ่งนาสีเขียวขจี มีต้นไม้ใบหญ้า มีหมอกจาง ๆ สะท้อนกับแสงของดวงอาทิตย์ในตอนเช้า
เวลาระหว่าง 17.30 - 18.00 น. หลังจากเตรียมอาหารเย็นเสร็จ ฉันชอบไปนั่งมองพระอาทิตย์ตกดิน ฟังเพลงที่ชอบ ร้องเพลงที่ชอบ สลับกับเสียงนกร้อง
"ท้องฟ้าที่ฉันเห็นในแต่ละวันไม่เหมือนกัน"
ฉันนั่งสังเกตการเคลื่อนตัวของก้อนเมฆที่ค่อย ๆ เคลือนผ่านไป เปลี่ยนสี เปลี่ยนรูปทรงไปตามแรงลมและสภาวะอากาศ
คงคล้ายกับอารมณ์ความรู้สึกของคนที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ถ้าไม่สังเกตดี ๆ อาจเข้าใจผิดคิดว่ามันจะคงอยู่แบบนั้นตลอดไป
เวลาฝนตก ฉันชอบยืนมองสายฝนอยู่ริมหน้าต่าง สังเกตการไหลผ่านของสายฝน นึกถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้น เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
รวมถึง คำที่ได้ยินกันบ่อยจนคุ้นหู
"จงมีความสุข แล้วอยู่กับปัจจุบัน"
สายฝนที่หล่นลงมาเป็นสาย มันไหลเร็วมาก สิ่งที่คิดว่า ตอนนี้คือ "ปัจจุบัน" อาจเป็นอดีตของเมื่อ 1 วินาทีที่เพิ่งผ่านไป
ฉันตระหนักกับตัวเองว่า
ฉันไม่สามารถจับ หรือยึดอะไรไว้ได้นาน หรือบางครั้งก็อาจไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลด้วยซ้ำว่า
ฉันได้อะไรมา ฉันเสียอะไรไป
ทำไมมันถึงเกิดกับฉัน ?
เพราะอะไรต้องเป็นฉัน ?
ฉันรู้แค่ว่า สิ่งไหนที่มีประโยชน์ สามารถช่วยแบ่งเบาได้ ฉันจะทำ
วันนี้ ฉันจะเลือกเดินออกจากเส้นทางที่คนอื่นเดิน แม้ทางนั้น เป็นวิถีชีวิตที่แสนเรียบง่าย
เพราะฉันได้ยินเสียงของหัวใจตัวเอง เสียงที่บอกกับฉันว่า ตอนนี้อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ฉันจะได้เรียนรู้ชีวิต ได้อยู่กับครอบครัว อยู่กับตัวเอง
เพราะความสุขและความหมายของชีวิต อาจไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทองเสมอไป แต่เกิดจากเรื่องง่าย ๆ ในชีวิตประจำ
ท้ายที่สุด ปลายทางอาจไม่สำคัญเท่ากับ " ช่วงเวลาระหว่างการเดินทาง "
เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้น ผู้คนที่ผ่านเข้ามา บทเรียน บาดแผล ความผิดพลาด สิ่งที่ภูมิใจ สิ่งที่ไม่ภูมิใจ
คนที่รัก คนที่ไม่รัก คนที่เคยเกลียดฉัน หรือคนที่ฉันเคยไม่ชอบเค้า
ฉันเคยทุกข์เพราะใครบางคน และเคยเป็นสาเหตุให้ใครบางคนต้องทุกข์เช่นกัน
มันเป็นเรื่องจริงแค่ตอนนี้ ความเจ็บปวด ความคับแค้นใจ มันก็เกิดขึ้นแค่ตอนนั้น จบไปแล้ว ในตอนนั้น
ทั้งความสุข ความทุกข์ คงไม่สามารถแยกจากกันได้ขาด
ไม่สามารถบอกว่าใครมากกว่า น้อยกว่า แต่ขึ้นอยู่กับเวลา โอกาส จังหวะชีวิตของแต่ละคน
ขึ้นอยู่กับว่า ใครสามารถยอมรับ เรียนรู้ ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ ปรับตัวเข้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างกลมกลืนกว่ากัน
เหมือนท้องฟ้าที่บางวันมีเมฆหนา ฝนตก ฟ้าร้อง ลมพายุ ทำให้ต้นไม้หักโค่น ข้าวของเสียหาย น้ำฝนก็ทำให้ตัวเปียกหรือหนาวสั่นในบางครั้ง แต่ก็เย็นสบายในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว
บรรยากาศหลังฝนหยุดตก ให้ความรู้สึกเหมือนการเริ่มต้นใหม่ กลิ่นไอดิน แสงแดดที่ลอดผ่านก้อนเมฆสลับกับสายรุ้ง หยดน้ำฝนบนยอดข้าวที่พิ้วไปตามแรงลม สะท้อนกับแสงของดวงอาทิตย์
"ของขวัญจากธรรมชาติ" ความงดงามที่ธรรมชาติมอบให้เรา
ฉันไม่รู้หรอก ความรู้สึก ถ้าอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่สุดหรู หรือคอนโดที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองในย่านธุรกิจ แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย
ฉันรู้แค่ว่าตอนนี้ ที่นี่ คือสวรรค์ของฉัน เป็นช่วงเวลาที่แสนวิเศษสำหรับฉัน ^^
บรรยากาศยามเย็น หลังฝนหยุดตก
โฆษณา