3 ก.ย. 2020 เวลา 06:36 • ไลฟ์สไตล์
การเป็นคนใจดี มันกลับมาทำร้ายตัวเราเอง
คนในออฟฟิศรักเรา แต่ทำไมเรารู้สึกเกลียดตัวเอง
และนิสัยที่แก้ไม่หาย “การขี้เห็นใจคนอื่น” (เกินเหตุ)
ออฟฟิศโลกแตก
เรื่องราววันนี้เป็นเรื่องสดๆร้อนๆเลย เมื่อตอนเที่ยงที่ผ่านมาผมไปทานข้าวแถวเซ็นทรัลเวิล แล้วได้ไปเจอรุ่นพี่ที่เคยร่วมงานด้วย ที่กำลังต่อแถวซื้อกาแฟอยู่ ผมเลยเข้าไปทักทายแกและนั่งดื่มกาแฟด้วยกัน
เราพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย ถามสาระทุกข์สุขดิบ เป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ย แกก็ถามผมว่ายังจัดรายการอยู่มั้ย
ผมก็บอกแกว่า ทำบ้างครับ แต่ส่วนใหญ่ตอนนี้มาทำเพจต่างๆแทน รวมถึง ออฟฟิศโลกแตกนี้ด้วย
แกก็เอาไปดู พร้อมกับชมว่าน่าสนใจดี ผมก็ยิ้มขอบคุณ แล้วแกก็พูดขึ้นว่า พี่อยากแชร์บ้างได้มั้ย ผมก็รีบตอบกลับเลยว่า ยินดีมากๆเลย
ผ่านมา4 บรรทัดยังไม่ได้เข้าเรื่องเลย ฮ่าๆ มา!! เข้าเรื่องกัน!
พี่คนนี้ชื่อแจง หรือ จุ้บแจง เรียกพี่แจงละกันง่ายดี
พี่แจงเป็นพนักงานขาย นาฬิกาแบรนด์ดังร้านหนึ่ง
ผมรู้จักพี่แจงเพราะ ร้านที่พี่แจงทำอยู่เคยเชิญผมเข้าไป สัมภาษณ์ตอนเปิดตัวนาฬิกาแบรนด์ใหม่ ด้วยความพี่แจงเป็นคนอาวุโสสุด และเป็นคนน่ารักมากๆ ผมเลยได้พูดคุยกับพี่เค้ามากสุด เเละกลายเป็นรู้จักกัน
ผมเคยร่วมงานกับพี่แจงแค่ตอนนั้นแต่รู้สึกได้ว่า พี่แจงเป็นคนน่ารัก ใจดี และพวกน้องๆในร้านก็ดูรักแกมากๆด้วย ชอบหยอกแก แกก็เล่นด้วย คือเห็นแล้วก็อยากร่วมงานด้วยอีก
เรื่องราวของพี่แจงที่มาแชร์คือ พี่แจงเล่าว่าตอนนี้แกกำลังเจอกับปัญหาหนักใจ
พี่แจงเล่าว่าแกเป็นคนขี้เห็นใจคนอื่น เคยพยายามเลิกนิสัยนี้แล้ว แต่มันก็อดใจไม่ได้เวลาเจอใครลำบาก ถ้าแกช่วยได้แกก็อยากช่วย และก็ช่วยแบบนั้นมาตลอด
น้องบางคน ไม่มีเงินซื้อนมให้ลูก แกก็ให้ยืมเงิน
และใครมีปัญหาอะไรแกก็ช่วย มาตลอด คนที่ร้านเลยรักแกมากทุกคน
บางคนบ้านอยู่ไกลในวันฝนตก แกก็ขับรถไปส่ง ซึ่งคนละทางกับบ้านแก
คือฟังๆดูแล้ว แกเหมือนเป็นแม่พระ ของที่นั้นเลยก็ว่าได้
แต่ปัญหาที่แกหนักใจอยู่ตอนนี้ ก็คือ มีน้องคนหนึ่งทำนาฬิกาที่ร้านหลุดมือ ตกลงพื้น ภายนอกนาฬิกาไม่เป็นไรแต่ตัวเครื่องนาฬิกาน่าจะพังเพราะนาฬิกาไม่เดิน
และตอนที่เกิดเหตุ มีแค่พี่กับน้องเค้า2 คนในเหตุการณ์ ยังไม่มีใครรู้ เพราะนาฬิกาเรือนนี้เป็นตัวโชว์หน้าร้าน ไม่ใช่ตัวที่ลูกค้ามาจับบ่อยๆ
และน้องคนนี้เค้าก็สติแตกมาก กระวนกระวายและขอให้พี่แจงช่วยปิดเรื่องนี้ไปก่อน เพราะน้องเค้าไม่รู้จะทำยังไง นาฬิกาที่น้องเค้าทำตกมีราคา ประมาณ 5 แสนบาท ซึ่งไม่มีเงินชดใช้แน่นอน
น้องเค้าก็มาขอให้พี่ช่วยหาทางออก ว่าจะทำยังไงดี
ซึ่งพี่ก็กำลังตกใจ เลยไม่รุ้จะทำยังไงเหมือนกัน น้องเค้าก็ขอให้พี่ปิดเรื่องนี้ไปก่อน อย่าให้ผู้จัดการรู้
แต่ถึงยังไง อีกไม่นานก็ต้องมีคนรู้อยู่ดี พี่ก็เลยหนักใจมาก ล่าสุดน้องเค้าก็จะชิ่งลาออกหนีไปก่อนแล้ว
สุดท้ายก็ต้องเหลือพี่คนเดียว
พี่หนักใจมากเลยจะทำยังไงดี ถ้าผู้จัดการรู้พี่ก็ต้องโดนตักเตือนด้วยเพราะช่วยกันปิดบังความผิด
ตอนนี้คือรู้สึกเกลียด ตัวเองมากๆเลย มาทำงานก็ไม่มีความสุข
พอผมได้ฟังปัญหาของพี่แจงแล้ว ผมนึกถึงคำนี้ขึ้นมา
“ เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด “ ผุดขึ้นมาในหัวเลยทันที
แต่ผมก็ไม่กล้าพูดออกไป เพราะเดียวไปตอกย้ำความรู้สึกพี่แจง ซึ่งผมสัมผัสได้ว่า พี่แจงต้องการกำลังใจมากที่สุดในตอนนี้
ผมเลยให้ คำปรึกษาพี่แจงไปว่า เราควรทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ยิ่งปกปิดไปก็ยิ่งมีแต่ผลเสีย
สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือ ปรึกษากับผู้จัดการหาทางออกร่วมกัน มันคืออุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
เชื่อผมว่า ทุกร้านนาฬิกาเค้าเตรียมวิธีรับมือกับเหตุการณ์นี้ไว้แล้ว เพราะมันเป็นเรื่องที่อาจจะต้องเกิดขึ้นไม่เร็วก็ช้าในแต่ละที่
ซึ่งจากประสบการณ์ของผม ของโชว์ที่ร้านผมจะเป็นตัว โปรโตไทป์ ( prototype ) ซะส่วนใหญ่เพื่อป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ และ เรื่องความปลอดภัยด้วย เผื่อมีโจรมาปล้นร้าน และตัวเรือนจริงส่วนใหญ่จะอยู่ในตู้เซฟ
เพราะฉะนั้นพี่ลองเข้าไปคุยกับผู้จัดการว่า ตัวที่โชว์คือ โปรโตไทป์หรือเรือนจริง ถ้าเรือนจริงก็อาจจะให้ผู้จัดการช่วยหาทางออกเพิ่มอีกแรง ง่ายกว่าที่พี่กับน้องเค้าจะมานั่งกังวลกัน2คน
หลังจากที่ผมให้คำปรึกษาพี่แจงไป สีหน้าแกก็เริ่มดีขึ้น
สำหรับผมแล้ว การเห็นใจคนอื่นเป็นสิ่งที่ดีมากครับ แต่เราควรจะหาจุดกึ่งกลางที่ไม่ลำบากตัวเราด้วย
ก่อนผมแยกกับพี่แจง ผมเลยเน้นอีกเรื่องไปว่า พี่แจงห้ามไปใจดี ค้ำประกัน หลักทรัพย์อะไรให้ใครนะ ไม่งั้นพี่ได้เดือดร้อนจริงๆแน่ ฮ่าๆๆ
พี่แจงก็ขำ แล้วผมกับพี่แจงก็แยกกัน
ผมคิดว่าเรื่องของพี่แจงเป็นเรื่องใกล้ตัวของใครหลายๆคนเพราะว่า นิสัยพื้นฐานคนไทยเราคือความมีน้ำใจ
ขี้เกรงใจและเห็นใจคนอื่น บางครั้งเราก็อาจจะช่วยคนอื่นจนตัวเองต้องตกที่นั่งลำบาก เหมือนกับพี่แจง
ผมเองก็เป็นบ่อย แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเริ่มมาหัดทำคือ
เวลามีใครมาขอให้ช่วยอะไร หรือใครมีปัญหาอะไร ผมจะมานั่งคุยปัญหากันก่อน แล้วหาทางออกหลายๆทางช่วยกัน ว่าเค้าสามารถทำอย่างไรได้บ้าง ถ้าไม่ได้จริงๆ
เราก็มาดูว่า ตัวเราเองสามารถช่วยยังไงได้บ้างที่ไม่เดือดร้อนตัวเอง
เรื่องราวของพี่แจงนี้ ผมหวังว่าจะเป็นประโยชน์และให้แง่คิดกับเพื่อนๆทุกคนนะครับ
ถ้าเพื่อนๆมีความคิดเห็นเพิ่มเติมอะไรยังไง ก็คอมเม้นมาได้เลยครับ
ออฟฟิศโลกแตกขอบคุณมากครับ
โฆษณา