Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ยิปซี สำนักพิมพ์
•
ติดตาม
9 ก.ย. 2020 เวลา 00:00 • ประวัติศาสตร์
สูตรยารักษา 'หัวล้าน' สมัยกลาง
ผู้ชายสมัยกลางก็ไม่ต่างสมัยนี้เท่าไรนัก ยังคงมีความกังวลกับสภาวะ 'ขุนช้าง' หรือศีรษะที่มีเส้นผมบาง น้อยไปจนถึงไม่มีเลย บางคนเสาะแสวงหาตำรับตำรายามารักษาจนแล้วจนรอดก็ไม่เป็นผลสำเร็จ จนต้องไปขอให้แม่อธิการ
ฮิลเดการ์ดแห่งบิงเงน (Hildegard of Bingen) ช่วยรักษา
ในคริสต์ศตวรรษที่ 12 แม่อธิการฮิลเดการ์ดแห่งอารามคณะเบเนดิกแห่งเยอรมัน มีบทบาทหลากหลายตั้งแต่นักเขียน นักปราชญ์ จอมขมังเวทย์ คีตกวี พหูสูตไปจนถึง
แพทย์ เธอได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้วางรากฐานวิชาธรรมชาติวิทยาเยอรมัน
แม้เธอจะเป็นที่นับถือในฐานะ 'นักบุญ' จากคณะต่างๆ ในศาสนจักรคาทอลิกมานับ
ศตวรรษ แต่เพิ่งได้รับการสถาปนาอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ.2012 ที่ผ่านมา และยังได้รับการสถาปนาเป็น 'ครูของศาสนจักร' (Doctor of the
Church) โดยสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกที่ 16 อีกด้วย
ทศวรรษ 1150 เธอเขียนหนังสือชื่อว่า 'ความซับซ้อนของธรรมชาติอันหลากหลายในสิ่งมีชีวิต' (the Intricacies of the Diverse Natures of Creatures) ซึ่งเน้น
วิทยาศาสตร์และยารักษาโรค พร้อมการพรรณนาแนวทางการรักษาสิ่งมีชีวิตต่างๆ บนโลก
ในงานเขียนเล่มดังกล่าวมีการกล่าวถึงการรักษา 'ศีรษะล้าน' อยู่จำนวนหนึ่ง โดย
อธิบายสาเหตุของผมร่วงในผู้ชายที่เชื่อมโยงกับแนวคิดสมัยกลางว่าด้วยความ
สัมพันธ์ของร่างกายกับความร้อน ความเย็น ความชื้น และความแห้งว่า
"คนที่ผมร่วงหรือศีรษะล้านเป็นวงใหญ่และกว้างจะมีความร้อนอยู่ภายในมาก ความร้อนและเหงื่อจากศีรษะทำให้ผมร่วง ความชื้นจากลมหายใจจะบำรุงและหล่อเลี้ยง
เนื้อหนังบริเวณปากและคางทำให้มีหนวดเครางอกขึ้นตรงนั้น แต่คนที่ไม่มีหนวด
เครามาก แต่บนศีรษะมีผมดกก็แสดงว่าร่างกายมีความเย็นและไม่ค่อยสมบูรณ์นัก
เมื่อลมหายใจสัมผัสเนื้อหนังใกล้ ๆ ปาก ก็พลอยไม่สมบูรณ์ไปด้วย"
สำหรับแม่อธิการฯ การมีผมน้อยหรือศีรษะล้านไม่ใช่ปัญหา แต่การไม่มีหนวดเคราต่างหากที่แสดงว่าร่างกายไม่สมบูรณ์ เธอเขียนสรุปว่า
“คนที่มีวงผมร่วงหรือศีรษะล้านใหญ่และกว้างก็จะมีหนวดเคราใหญ่และกว้างตาม
ไปด้วย ส่วนคนที่หนวดเคราขึ้นบางตาหร็อมแหร็มย่อมมีผมดก”
นั่นปะไร แสดงว่าแม่อธิการฯ มองว่าหนวดเคราเป็นตัวแทนของความ 'สมบูรณ์'
ที่เมื่อศีรษะร้อนจนผมทนอยู่ไม่ได้ ก็เลยมารวมกันอยู่ที่ปากและคาง
ฟังดูก็เป็นคำอธิบายที่เข้าทีเหมือนกัน…
คราวนี้มาดูว่า แม่อธิการฯ เสนอแนวทางการป้องกันศีรษะล้านไว้อย่างไรบ้าง
"เมื่อชายหนุ่มเริ่มผมร่วงให้นำไขมันหมี เถ้าฟางข้าวสาลีหรือฟางข้าวสาลีประเภท
ปลูกข้ามฤดูหนาว ผสมเข้าด้วยกันแล้วทาให้ทั่วศีรษะ โดยเฉพาะบริเวณที่ปรากฏว่าผมเริ่มร่วง ทิ้งไว้พักใหญ่ ห้ามล้างออก"
"ผมจะไม่ร่วงหล่นเพราะได้รับความชุ่มชื้นและแข็งแรงขึ้นจากส่วนผสมนี้และจะไม่
ร่วงไปอีกนาน ให้ทำซ้ำอีกและไม่ต้องล้างออก ความร้อนจากไขมันหมีมีคุณสมบัติทำให้ผมงอกได้ดีขึ้น และเถ้าจากฟางข้าวสาลีหรือฟางข้าวสาลีประเภทปลูกข้ามฤดูหนาวทำให้เส้นผมแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่ายๆ เมื่อผสมเข้าด้วยกันก็จะทำให้เส้นผม
แข็งแรงอย่างที่อธิบายมาแล้ว"
อ่านสูตรป้องกันผมร่วงของแม่อธิการฮิลเดการ์ดแห่งบิงเงนดูแล้ว หนักใจกับส่วน
ผสมอย่างเดียวคือ 'ไขมันหมี' นี่ละ ถึงไม่ได้บอกว่าหมีพันธุ์อะไรก็เถอะ ขืนไปทำสุ่ม
สี่สุ่มห้า เดี๋ยวจะกลายเป็นทำร้ายสัตว์ไปเปล่าๆ
อีกอย่าง สูตรของแม่อธิการฯ ถึงจะดูเป็นวิทยาศาสตร์เอามากๆ ก็ต้องเข้าใจว่ามีพื้นฐานมาจากความรู้ทางการแพทย์สมัยกลางที่สืบเนื่องมาจากอารยธรรมกรีก-โรมัน
ด้วย ดังนั้น การอธิบายสาเหตุของความเปลี่ยนแปลงของร่างกายก็ย่อมอิงเข้ากับ
หลักการวิชาแพทย์โบราณดังกล่าว ที่บ่อยครั้งไม่ค่อยจะ 'ลงรอย' กับการแพทย์
ปัจจุบันสักเท่าไร
กระนั้น ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าท่ามกลางกระแสการปลูกหรือสร้างผมใหม่ แม้แต่การทำยาหรือผลิตภัณฑ์อะไรต่อมิอะไรออกมามากมายที่มีให้เห็นกันทุกวันนี้ สูตรของ
แม่อธิการฯ ก็อาจเป็นอีกหนึ่ง 'ความหวัง' ให้กับท่านที่ขาดความมั่นใจจากการมี
ผมน้อยก็เป็นได้
ใครลองแล้วได้ผลบอกกันบ้างก็ดีนะ ...
เรื่อง : ชัยจักร ทวยุทธานนท์
ภาพประกอบ : ชุติมณฑน์ ปทาน
1 บันทึก
9
2
1
9
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย