3 ก.ย. 2020 เวลา 17:23 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ตอนที่ 4 ให้ความล้มเหลวกลายเป็นพลังอันสร้างสรรค์
“บุคคลที่ประสบความสำเร็จคือบุคคลที่เอาอิฐมาก่อสร้างรากฐาน และก้อนอิฐเหล่านี้แหละที่ครั้งหนึ่งเคยมีคนขว้างปาใส่เขา” ~ กล่าวโดย เดวิด บริคเลย์
ต่อจากบทความที่แล้วว่า ความผิดพลาดไม่ใช่สัญญาลักษณ์ของความล้มเหลว แต่ข้อผิดพลาดเป็นสัญลักษณ์ของการเรียนรู้
การเปลี่ยนวิถีทางวัฒนธรรมแนวคิดที่สร้างสรรค์ขององค์กร ผู้นำสามารถให้สัญลักษณ์ของความล้มเหลวให้กลายมาเป็นสิ่งสร้างแรงจูงใจ มองหาโอกาสเพื่อจะเติบโตและพัฒนาศักยภาพของพนักงานและองค์กรต่อไป
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอินเทอร์เน็ตมีอิทธิพลสำคัญต่อการหล่อหลอมวัฒนธรรมต่อองค์กรในปัจจุบัน สร้างความคล่องตัวให้กับธุรกิจอย่างรวดเร็ว
การซื้อขายสินค้าออนไลน์ แลกเปลี่ยนข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญในการขยายเครือข่ายและการสื่อสารความสัมพันธ์ทางธุรกิจข้ามองค์กรทั้งภายในและนอกประเทศ
มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าวัฒนธรรมและวิวัฒนาการขององค์กรเริ่มเปลี่ยนแปลงได้ก็ต่อเมื่อ:
🎮 มีปัจจัยภายนอกที่สามารถช่วยให้องค์กรนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลง
:
:
นั่นก็คือความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ส่งผลให้สังคมเริ่มเป็นสังคมที่โปร่งใส และเปิดกว้างขึ้นมากขึ้น มองเห็นลู่ทางและคู่แข่งทางการค้าได้ดีกว่าสมัยก่อน
🧡ขอกลับเข้าประเด็นหลักคือการที่ความล้มเหลวคือสัญลักษณ์ของการเรียนรู้ และบทความวันนี้อยากกล่าวถึงข้อผิดพลาดกลับกลายมาเป็นสิ่งสร้างสรรค์
นักวิจัยให้คำจำกัดความของความคิดสร้างสรรค์ว่าเป็นกระบวนการที่บุคคลหรือทีมเกิดแนวความคิดใหม่ๆ
อย่าลืมว่าคำว่าสร้างสรรค์นั้นกว้างขวางและยากที่จะเจาะจง แต่นักวิจัยได้แสดงให้เห็นเป็นขั้นตอนที่สามารถนำมาประยุกต์ให้สอดคล้องความคิดสร้างสรรค์ให้แต่ละบุคคล
1. เตรียมพร้อมที่จะสร้างสรรค์ ผู้คนมีความคิดสร้างสรรค์มากที่สุดเมื่อพวกเขาได้มีการเตรียมตัวรวบรวมข้อมูลที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหา
2. อิสระในการบ่มเพาะความคิด เนื่องจากความคิดต้องใช้เวลาในการพัฒนา ซึ่งเกิดขึ้นไม่ได้ชั่วข้ามคืน
3. ข้อมูลเชิงลึกของเอกสาร เมื่อถึงจุดหนึ่งในสองขั้นตอนแรกคุณอาจมีความคิดที่ไม่เหมือนใคร อย่างไรก็ตามความคิดนั้นอาจสูญหายไปหากไม่มีการบันทึกไว้
ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงพกสมุดบันทึกขนาดเล็กที่ช่วยให้พวกเขาจับภาพความคิดของตนได้ก่อนที่จะหลงไปอยู่ในวงกตของความคิดอื่น
ในทำนองเดียวกันนักเขียนจะเก็บบันทึกประจำวันศิลปินเก็บแผ่นสเก็ตช์และนักแต่งเพลงให้เครื่องบันทึกดิจิทัลมีประโยชน์ในการจับความคิดเมื่อใดก็ตามที่เกิดแรงบันดาลใจ
4. ตรวจสอบความคิด ประเมินประโยชน์จากความคิดนั้น และต้องใช้สติตรวจสอบคุณภาพของแนวคิดนั้นๆ
เช่นการได้ทบทวนว่าผู้อื่นพูดถึงอะไร กล่าวอีกนัยหนึ่งคือคุณต้องสามารถระบุดูว่าความคิดเหล่านั้นสร้างแรงบันดาลใจหรือไม่
💡ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในองค์กร
คนที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงย่อมถือว่าเป็นทรัพย์ทางปัญญาของทุกองค์กร 💡
แล้วองค์กรทำอะไรกันแน่เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในตำแหน่งงานของพวกเขา?
คำตอบอยู่ที่เราสามารถทำได้ในฐานะบุคคลและองค์กรสามารถร่วมมือกันโดยเฉพาะแนวทางหลัก 2 แนวทาง:
👩🏻‍💻ได้แก่ การฝึกอบรมพนักงานเป็นประจำ เพื่อให้ได้ข้อมูลใหม่ๆ มาผสานกับประสบการณ์ เทคโนโลยีในแนวสร้างสรรค์งายดีๆต่อองค์กร รวมไปถึงการพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานที่สร้างสรรค์
โดยธรรมชาติแล้วบางคนมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าคนอื่นๆ บุคคลดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเข้าใกล้สถานการณ์ในรูปแบบใหม่ๆ และมีแนวโน้มที่จะไม่จมอยู่กับวิธีการทำสิ่งต่างๆแบบเดิมๆ หรือเพียงวิธีใดวิธีหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นทักษะใดก็ตามทุกทักษะที่ทุกคนสามารถพัฒนาและสร้างสรรค์มากขึ้นได้ อย่าลืมว่าเราทุกคนมีพรสวรรค์
องค์กรสามารถมอบโอกาสและส่งเสริม ความคิดสร้างสรรค์ให้กับพนักงาน โดยการฝึกอบรมผู้คนให้มีความคิดสร้างสรรค์ผ่านการฝึกอบรมต่างๆ
⏳ความคิดที่ดีหลายอย่างไม่ได้รับการพัฒนาต่อเนื่องจากไม่สอดคล้องกับวิธีการทำสิ่งต่างๆในยุคปัจจุบัน
เช่นเทคโนโลยีได้มามีบทบาทมากขึ้น การพัฒนา AI (Artificial Intelligence)
ที่สามารถประมวลความคิด สร้างกระบวนการตัดสินใจ มีระบบการทำงานที่ค่อนข้างแม่นยำและรวดเร็วมาก ดังนั้นทำให้แนวคิดหลายๆแนวคิดที่ดีแต่กลับกลายเป็นสิ่งที่ล้าสมัยไปชั่วข้ามคืน
หรือ
:
:
ขาดการทำความเข้าใจกับปัญหา -
ความคิดที่มีความหมายไม่ค่อยเกิดขึ้นกับผู้ที่ไม่เข้าใจปัญหาอย่างถ่องแท้ และอาจต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้คนจะรายงานต่อหัวหน้าว่าพวกเขา "ถูกกดดัน"
⏳ลองสมมุติว่าคุณต้องคิดสร้างสรรค์ แต่คุณมีเวลาที่จำกัดคุณจะทำอย่างไร? ในขณะที่คู่แข่งทางการตลาดใช้เวลาอันสั้นในการสร้างผลงาน
นี่คือแนวคิดที่ว่าการบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือการเลือกบุคคลที่เหมาะสมตามเนื้องาน เหมาะสมกับตำแหน่งให้เขาได้อยู่ในสถานการณ์ของงานที่เหมาะสม เพื่อลดเวลาและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้เต็มที่
👨🏻‍💻การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการทำงานที่สร้างสรรค์เพื่อสร้างบรรยากาศการทำงานในรูปแบบที่ดึงความคิดสร้างสรรค์ของผู้คนออกมา
แนวทางเหล่านี้ยังเป็นประโยชน์สำหรับองค์กรในการดำเนินการเป็นอันดับต้นๆพอๆกับการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า
จากการวิจัยมีการระะบุแนวทางดังกล่าวทำได้หลายวิธี
อย่างที่เราทราบกันดีว่าคนเรานั้นจะมีความคิดสร้างสรรค์มากเป็นพิเศษเมื่อเขาได้รับอิสระภาพในทางความคิด และมีอำนาจในการตัดสินใจ
👾เช่น Nintendo ผู้ผลิตวิดีโอเกมของญี่ปุ่นให้ความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง ที่พนักงานได้รับบทบาทในการบริหารตนเอง มีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะใช้จ่ายอย่างไร
เพื่อดึงความคิดสร้างสรรค์นั้นออกมาด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครคิดว่ามันแปลก หากนักออกแบบเกมส์ออกจากงานเพื่อไปเข้าโรงหนังหรือหากิจกรรมอื่นทำเพื่อเป็นการรีชาร์จสมองกันใหม่ก่อนกลับเข้ามาทำงานใหม่
ผลจากความคิดสร้างสรรค์ของ Nintendo ในระดับขั้นสูงสุดได้นำไปสู่การพัฒนาเกมคอนโซล Wii ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
ฝากติดตามผลงาน กดไลท์ กดแชร์ด้วยนะค่ะเพื่อเป็นกำลัง♥️ และส่งข้อติชมกันได้ค่ะ
โฆษณา