4 ก.ย. 2020 เวลา 08:10 • ข่าว
EP. 67 “We picked children because children are precious”
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ต่างตกตะลึงกับปริศนา ว่าเด็กๆทีมฟุตบอลกับครูฝึกรวมด้วยกัน 13 ชีวิตนั้นหายตัวไปได้อย่างไร? หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น ทุกคนน่าจะทราบดีอยู่แล้ว เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่คนทั้งโลก ลุ้นจนตัวโก่ง แทบจะ 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ย้อนกลับไปในปี 1976 ที่สหรัฐอเมริกา ก็มีเหตุการณ์คล้ายๆกันค่ะ หากแต่ที่ต่างไปคือคราวนี้มีคนหายตัวไปทั้งหมดถึง 27 คนด้วยกัน และอยู่ๆก็หายตัวไปแบบไร้ร่องรอย ไม่มีใครทราบว่าชะตากรรมพวกเขาเป็นอย่างไร ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ที่ไหนมาก่อน ที่แย่กว่านั้นคือคนส่วนมากที่หายตัวไปนั้น เป็นแค่เด็กเล็กๆวัยประถมเท่านั้นเอง
1
ก่อนเกิดเรื่อง?:
วันที่ 15 กรกฎาคม ปี 1976 ช่วงหน้าฤดูร้อนในเมือง Chowchilla รัฐ California ซึ่งก็เหมือนฤดูร้อนทั่วไปของสหรัฐอเมริกา เด็กๆบางส่วนใช้เวลาในวันหยุดฤดูร้อนเข้าร่วม summer program ที่จัดขึ้นโดยโรงเรียน ที่โรงเรียน Dairyland Elementary School ก็จัดกิจกรรมนี้เหมือนกัน ในวันดังกล่าว โรงเรียนจัดกิจกรรมให้นักเรียนไปว่ายน้ำเล่นที่สระว่ายน้ำในเมือง ก่อนที่จะจบกิจกรรมในตอน 4 โมงเย็น และนักเรียนทั้งหมดจะถูกนำตัวไปส่งที่บ้านโดยรถบัสของโรงเรียน
1
Frank Edward Ray คนขับรถโรงเรียน วัย 56 ปี หรือที่เด็กๆต่างเรียกกันว่า “Mr. Ed” นั้น เป็นคนขับรถพาเด็กๆไปทำกิจกรรมต่างๆทั้งในและนอกโรงเรียน พร้อมทั้งพาเด็กๆไปส่งบ้าน เด็กๆนั้นชอบ Ed มาก โดยเฉพาะเด็กเล็ก เพราะ Ed เป็นคนใจดี และมักจะคุ้นหน้าคุ้นตาเด็กๆอยู่แล้ว เพราะปรกติก็ขับรถโรงเรียนรับส่งเด็กๆเป็นประจำ Ed เติบโตที่เมือง Chowchilla และนอกจากจะเป็นคนขับรถโรงเรียนแล้ว เขายังเป็นเกษตรกร ดูแลฟาร์มของตัวเอง เด็กๆที่เขาขับรถรับส่ง บางคนก็เป็นลูกหลานของเพื่อนที่เคยไปโรงเรียนเดียวกันกับ Ed นี่แหละ Ed ทำงานเป็นคนขับรถโรงเรียนมามากกว่า 30 ปี และจริงๆแล้วจะเกษียณก็ได้ แต่ Ed รักงานนี้และรักเด็กๆ เขาจึงยังขับรถโรงเรียนต่อไป
**รถนักเรียนที่นี้ จะไม่มีการเอารถตู้ รถกระบะ มาดัดแปลงนะคะ เป็นรถบัสสีเหลืองคันใหญ่ที่ถูกทำมาเพื่อรับส่งนักเรียนเท่านั้น เบาะก็จะมีพอสำหรับนักเรียนทุกคน ไม่มีการนั่งเบียด ไม่มีการให้ยืนค่ะ และหากรถนักเรียนจอด จะมีป้ายยื่นออกมา มีไฟกระพริบ รถทุกคนที่จะสวนไปมาต้องจอด ให้เด็กลงจากรถและข้ามถนนไปได้ก่อน ใครแซงตอนนี้นอกจากจะโดนกฎหมายเล่นงานอย่างหนัก จะโดนด่าจนแทบจะจมดินอีกด้วย
เมือง Chowchilla นั้นต่างหากเมืองใหญ่อื่นๆในรัฐ California คนส่วนมากชอบเรียกเมืองนี้ว่า Cow Town เพราะในสมัยนั้น ถึงแม้จะห่างไกลความเจริญ แต่คนในเมืองก็ทำงานอย่างหนัก และถือว่าเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูง ตนส่วนมากไม่ล็อกประตูบ้าน
1
ในวันดังกล่าวรถโรงเรียนของ Ed เป็นรถคันสุดท้ายที่ออกจากสระว่ายน้ำ และ Ed จะต้องไปที่จุดจอดรถเพื่อส่งนักเรียนให้ลงและเดินกลับบ้านทั้งหมด 4 จุด สามจุดแรก เด็กๆบอกลา Ed และลงจากรถเดินกลับบ้านอย่างไม่มีปัญหา Ed เหลือแค่พาเด็กๆไปที่จุดสุดท้ายซึ่งเด็กทั้งหมดที่เหลืออยู่ 26 คน จะลงจากรถที่จุดนี้
2
พ่อแม่ผู้ปกครองที่มารอรับลูกที่จุดจอดรถโรงเรียนกลับพบกับเรื่องประหลาดใจ รถโรงเรียนมาสาย แต่ทุกคนคิดว่า บางที อาจจะเกิดเหตุขัดข้องอะไรบางอย่างก็ได้นะ (ถึงแม้ปรกติ Ed จะไม่เคยมาสาย และไม่ขับรถออกนอกเส้นทาง) จนผ่านไป 30 นาที ผู้ปกครองเริ่มรู้สึกถึงความผิดปรกติ จึงพยายามตามไปที่โรงเรียน เจ้าหน้าที่ที่โรงเรียนสันนิษฐานว่ารถโรงเรียนอาจจะเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ เลยเกิดมาถึงช้าผิดปรกติ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีวี่แววของรถโรงเรียนเลย จึงมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่สุดเมื่อเวลา 19.00 น.
1
Finding the Children:
ตำรวจพยายามตามหารถโรงเรียนดังกล่าวไปตามเส้นทางที่รถโรงเรียนต้องใช้หากจะต้องมาส่งเด็กๆที่จุดนัดพบ แต่ก็หาไม่เจอ ในตอนนี้ทุกความสงสัยมุ่งเป้าไปที่ “Ed” เขาแน่ๆที่ลักพาตัวเด็กๆไป และเขาทำไปทำไม??? จนภรรยาของ Ed ต้องพยายามแก้ต่างให้กับสามีตัวเอง ว่ามันเป็นไปไม่ได้ Ed ไม่มีทางทำแบบนั้น เขารักเด็กมาก เขาไม่มีวันทำร้ายเด็กๆเด็ดขาด ตำรวจแจ้งผู้ว่าการรัฐ และแม้กระทั่ง FBI ให้มาช่วยตามหาตัวเด็กๆทั้ง 26 คน + Ed เจ้าหน้าที่รวบรวมตัวผู้ปกครองทั้งหมดให้มารวมกันที่สถานีดับเพลิงแห่งนึงในเมือง และจัดตั้งศูนย์บัญชาการทันทีเพื่อรับเรื่องเบาะแส และข้อมูล มีการใช้ Helicopter บินวนเพื่อค้นหาร่องรอยเด็กๆ และการใช้ Helicopter บินตามหานี้เองที่ทำให้เจ้าหน้าที่ไปเจอเข้ากับรถโรงเรียนในที่สุด
3
รถโรงเรียนสีเหลืองคันใหญ่ถูกจอดไว้ในพื้นที่ที่เป็นส่วนนึงของแม่น้ำแต่แห้งขอดในขณะนั้น มีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นสูงจนปกคลุมทั่วบริเวณพื้นที่ ทำให้คนไม่สามารถมองเห็นรถโรงเรียนคันดังกล่าวได้จากถนน แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถพบตัวเด็กๆเลยซักคน ร่องรอยก็ไม่มี เจ้าหน้าที่คาดเดาได้อย่างเดียวว่า พวกเด็กๆและ Ed ถูกลักพาตัวไปแน่นอน และมีคนเอารถมาประกบกับประตูรถโรงเรียนก่อนจะเอาคนทั้งหมดขึ้นรถ เพราะข้างล่างไม่มีรอยเท้าเด็กๆเลย
2
รถโรงเรียนที่ถูกจอดทิ้งไว้
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตามหาเบาะแสกันจ้าละหวั่น พ่อแม่ผู้ปกครองบ้างก็อ้อนวอนผ่านสื่อ ขอให้คนร้ายเอาตัวลูกๆมาคืน บ้างก็สวดมนต์ขอพรให้พระเจ้าคุ้มครองเด็กๆและพาพวกเขากลับบ้านอย่างปลอดภัย ใครกันที่ลักพาตัวเด็กๆไปเยอะขนาดนี้ และมันมีกันกี่คน? มันใช้วิธีไหนให้ทั้งเด็กๆและ Ed ยอมทำตาม?? และที่สำคัญที่สุด ตอนนี้เด็กๆทั้งหมดอยู่ไหน??? เจ้าหน้าที่ค่อนข้างมั่นใจว่า เด็กๆถูกลักพาตัวไปเพื่อเรียกค่าไถ่ แต่จะทำไปทำไมละ? พ่อแม่ครอบครัวของเด็กๆพวกนี้ไม่ได้มีฐานะที่ร่ำรวยนี่นา??? คำถามมีร้อยแปดคำถามก็ไม่มีคำตอบ ทุกคนได้แต่รอคนร้ายติดต่อมาอย่างใจจดใจจ่อ
2
**ตอนนี้เจ้าหน้าที่เริ่มส่งกำลังอีกส่วนไปคอยสอดส่องที่ธนาคาร เพราะอะไรเหรอคะ? เกี่ยวอะไรกัน? มันดันมีหนังสือเล่มนึง (กึ่งนิยาย) ที่มีชื่อว่า “The day the children vanished” ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการหายตัวไปของเด็กๆทั้งคันรถ (รถโรงเรียน) และในขณะที่ทั้งเมืองกำลังตามหาตัวเด็กๆ คนร้ายได้ที เลยตระเวนปล้นธนาคารในเมืองนั้นเองค่ะ
….ในจังหวะที่ทุกคนพยายามตามหาเด็กๆเพื่อพาพวกเขากลับบ้านนั้นเอง ในคืนวันที่ 16 กรกฎาคม 1976 ตำรวจได้รับโทรศัพท์จากเหมืองหินที่ตั้งอยู่ในเมือง Livermore รัฐ California (หากจากเมือง Chowchilla ไปร้อยกว่าไมล์) และพวกเขามีข่าวดี พวกเขาเจอกับเด็กๆทั้ง 26 คน รวมทั้ง Ed คนขับรถแล้ว และทุกคนปลอดภัยดี
1
รูปนี้น่าจะถ่ายในวันที่จัดงานในเมืองนะคะ มีเด็กๆเกือบครบ
และข้างล่างนี้คือคำบอกเล่าจากปากคำของผู้รอดชีวิตว่า เกิดอะไรขึ้นในวันนั้น
เกิดอะไรขึ้นในวันนั้น?:
ในวันดังกล่าว Ed ขับรถมาตามเส้นทางเดิมนั้นแหละ ขับมาเรื่อยๆ เหมือนเดิมทุกอย่าง หากแต่วันนี้ มีรถตู้สีขาวจอดอยู่ข้างหน้า ไม่ขยับไปไหนเลย Ed คิดว่ารถคันนั้นเสีย รถก็จอดอยุ่กึ่งกลางถนน จะขับอ้อมไปก็ไม่ได้ อยู่ดีๆเมื่อรถโรงเรียนชะลอและใกล้จอด มีชายสามคนกระโดดออกมาจากรถตู้พร้อมกับปืน ทุกคนใส่ถุงน่องคลุมหัวไว้ ก่อนจะบังคับให้ Ed เปิดประตูรถ เมื่อขึ้นมาได้แล้ว ชายคนร้ายขู่เด็กๆให้อยู่เงียบๆและทำตามที่เขาสั่ง (เด็กๆมีอายุตั้งแต่ 4 - 14 ปี ส่วนมากแล้วจะอายุน้อยกว่า 10 ขวบ เด็กบางคนยังเป็นพี่น้องกันอีกด้วย)
2
Ed กับรถโรงเรียนคู่ใจ
Ed บอกเด็กๆทุกคนว่าไม่เป็นไร ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไร และให้ทุกคนทำตามคำสั่งของชายคนร้าย (เด็กๆถึงกับแปลกใจว่าทำไม Mr. Ed ของพวกเขาพูดจาด้วยน้ำเสียงดุ และหนักแน่นมาก ปรกติ Ed ไม่พูดจากับพวกเขาแบบนี้นี่นา)
**เด็กที่อายุน้อยที่สุดคือ Monica อายุ 4 ขวบเกือบจะ 5 ขวบ Monica ถามชายคนร้ายว่าพวกเขาเป็นกระต่าย Easter เหรอ? (โถ ลูก) ที่ถามแบบนั้นเพราะถุงน่องที่สวมหัวอยู่ มันมีส่วนเป็นขาห้อยลงมาเหมือนหูกระต่ายในสายตาเด็กน้อย ก่อนที่ชายคนร้ายจะตวาดให้ Monica เงียบ Monica ตกใจมาก เธอรีบวิ่งไปหา Ed และกอดเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยตัว Ed อีกเลย
2
ชายคนร้ายคนนึงถือปืนคุมตัวทุกคนไว้ ชายคนที่สองไปขับรถโรงเรียน และชายคนที่สามขับรถตู้สีขาวคันดังกล่าวตามมา เมื่อพวกเขามาถึงแม่น้ำ ชายคนร้ายขับรถลงจากถนนลงไปข้างทาง ที่นั้นพวกเด็กๆเห็นได้ว่ามีรถตู้คันที่สองจอดอยู่เหมือนกัน ชายคนร้ายขับรถตู้เข้ามาจอดเทียบใกล้ๆกับประตูรถโรงเรียน และสั่งให้ทุกคนกระโดดเข้าไปในหลังรถตู้ (เพื่อที่จะได้ไม่ทิ้งรอยเท้าไว้) เด็กๆถูกแยกออกเป็นสองกลุ่ม บางส่วนถูกจับแยกจากพี่หรือน้องตัวเอง ในรถตู้คันแรกมี Ed พร้อมกับเด็กจำนวนนึง และอีกคันนึงมี Mike เด็กชายอายุ 14 ซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนที่โตสุด และเป็นเด็กวัยรุ่นคนเดียวในรถ
สภาพภายในรถตู้
**ปรกติแล้ว MIke จะไม่ได้ขึ้นรถโรงเรียนนะคะ เพราะแม่ของ Mike จะมารับ Mike เสมอ (ก่อนเวลาเลิกทำกิจกรรมปรกติ) แต่ในคืนก่อนหน้านั้น Mike ดันทำตัวออกนอกลู่นอกทาง กลับบ้านหลัง curfew และแม่มาเจอเขานั่งดื่มเบียร์กับเพื่อน แม่เลยบอก Mike ว่า ไหนๆก็มีเวลาว่างเยอะเอาไว้ทำเรื่องไม่ดี ก็อยู่ที่โรงเรียน แล้วหาเรื่องมีสาระเรื่องดีๆทำละกันและจะไม่ไปรับด้วย ให้นั่งรถโรงเรียนกลับมาเองละกัน Mike เลยต้องขึ้นรถโรงเรียนในวันที่ดันเกิดเหตุพอดี
1
Mike เด็กที่โตที่สุด
ภายในรถตู้ หน้าต่างทั้งหมดถูกทาสีทึบ มีการเอาไม้มาตีปิดไว้ทั่ว เพื่อไม่ให้คนมองเห็นเข้ามาจากภายนอก และไม่ให้คนภายนอกมองออกไปเห็นข้างนอกเหมือนกัน เด็กๆกับ Ed ต้องนั่งอยู่ในรถมืดๆอยู่แบบนั้นนานถึง 11 ชั่วโมง ข้างหลังรถไม่มีแอร์ บางทีถนนก็ขรุขระจนเหมือนโดนโยนไปโยนมาอยู่ในท้ายรถ เด็กบางคนเมารถจนอาเจียน บางคนทำธุระทั้งๆที่ยังใส่เสื้อผ้าอยู่ เพราะกลั้นไม่ไหว เด็กที่โตกว่าพยายามร้องเพลงปลอบโยนเด็กๆที่อายุน้อย เพื่อให้หายกลัวและหายตกใจ
1
จนกระทั่งรถตู้นั้นมาจอดอยู่ที่นึง บริเวณนั้นมืดมาก ชายคนร้ายสั่งให้เด็กๆนั่งนิ่งๆและมาเอาตัวเด็กๆไปทีละคน Ed นั้นเป็นคนแรกที่เดินลงจากรถไปก่อน เด็กบางคนกลัวมาก พยายามแอบอยู่ในรถ แต่คนร้ายก็เห็นอยู่ดี เมื่อลงจากรถ คนร้ายจะปิดประตู ถามชื่อ ถามที่อยู่ และขอสิ่งของชิ้นนึงของเด็กเก็บไว้ ก่อนจะส่งเด็กให้ปีนบันไดลงไปใต้ดิน คนร้ายทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนมาถึงรถตู้คันที่สองที่ Mike นั่งอยู่ ในตอนนี้เหลือแค่ Mike กับ Monica (เด็กน้อย easter bunny คนข้างบน) Monica นั้นกลัวมาก และไม่อยากลงจากรถ เธอเกาะ Mike ไว้แน่น Mike ไม่รู้ว่า พวกคนร้ายมันทำอะไรกับเด็กๆบ้าง และไม่สามารถทำใจ ยื่น Monica ออกไปให้กับชายคนร้ายได้ เขาอาสาออกจากรถไปเอง และต้องถึงกับแงะมือ Monica ออกจากแขนตัวเอง
ข้างนอกนั้นมืดมาก Mike ถูกบังคับให้ปีนลงบันไดไป…….ใต้ดิน ใช่แล้วค่ะ มีรูอยู่ข้างบนดินและคนร้ายบังคับให้เด็กแต่ละคน ปีนบันได้ลงมาอยู่ใต้ดิน เมื่อ Mike ลงมาได้นิดนึง เขาเริ่มได้ยินเสียเด็กเล็กๆคนอื่นตะโกน "It's Mike. … It's Mikey. Michael." Mike ค่อยโล่งใจเพราะเห็น Ed และเด็กๆทุกคนปลอดภัยดีอยู่ และไม่นาน Monica ก็ถูกส่งตัวให้ปีนลงมาใต้ดินตาม
3
รูที่นำไปสู่ห้องลับใต้ดิน
**ในตอนนั้นทุกคนไม่รู้ แต่ห้องใต้ดินที่พวกเขาถูกบังคับให้ลงไปอยู่ คือ trailer หลังรถบรรทุกที่ใช้สำหรับขนของ ในนั้นมีฟูกนอน มีน้ำ มี cereal มีขนมปังและเนยถั่ววางไว้ มีการตัด ดัดแปลงทำรูเล็กๆไว้ตรงล้อ เพื่อใช้เป็นสุขา และมีการเอาท่อต่อขึ้นไปข้างบนและติดพัดลมไว้เพื่อระบายอากาศ ที่น่ากลัวคือมันมืดมาก…..เพราะมันถูกฝังอยู่ลึกลงไปถึง 12 ฟุต
1
เมื่อ Monica ปีนลงบันไดไปเสร็จ ชายคนร้ายบอกกับพวกเขาว่าให้อยู่ในนั้นและพวกเขาจะมาหาอีกในไม่ช้า ก่อนที่ทุกคนจะได้ยินเสียงลากของมาปิดปากทางขึ้นไว้ และพวกมันชักบันไดหนี ตอนนี้ทั้งตู้ที่พวกเด็กๆถูกขังอยู่มืดสนิท มีเพียงแค่ไฟฉายอันเล็กๆที่คนร้ายทิ้งไว้ให้ Ed เท่านั้น เด็กส่วนมาก กลัวมาก และเริ่มคิดว่าพวกเขาจะต้องถูกฝังทั้งเป็นแน่ๆ อาหารเริ่มหมดและน้ำดื่มก็ไม่มีอีกแล้ว เด็กคนนึงร้องไห้อยากกลับบ้านจนไปเตะเอากับเสาอันนึงที่ค้ำเพดานของตู้ trailer ไว้ จนผนังกับเพดานเริ่มยุบตัวลงมา และมีทั้งดินและฝุ่นร่วงลงมาเต็มไปหมด สร้างความกลัวเพิ่มให้กับเด็กๆมากเข้าไปอีก เพราะในตอนนี้ ดินจากข้างบนจะถล่มลงมาทับพวกเขาเมื่อไหร่ก็ได้ ที่แย่ไปกว่านั้นคือพัดลมที่เคยเปิดเพื่อระบายอากาศ ตอนนี้มันหยุดทำงานแล้ว (คาดว่าแบตหมด) อากาศภายในเริ่มร้อนและอากาศเริ่มเหลือน้อยลงทุกที Ed และเด็กผู้ชายที่โตกว่า ไม่ยอมแพ้ พวกเขาคิดว่า หากจะตายก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด Ed กับ Mike เริ่มเอาฟูกนอนทั้งหมดที่มีอยู่มาต่อกันเป็นชั้นๆ เพื่อที่จะปีนขึ้นไปยังรูทางเข้าที่ทุกคนปีนบันไดลงมา (แต่ในตอนนี้บันไดหายไปแล้ว) เมื่อปีนขึ้นไปได้แล้ว พวกเขาไม่สามารถเปิดแผ่นเหล็กที่ใช้ปิดรูทางเข้าได้ Ed กับ Mike เลยเอาท่อนไม้ที่ใช้ดันผนังตู้ trailer ไว้มาแงะแผ่นเหล็กดังกล่าวดู (รู้ทั้งรู้ว่าเสี่ยงมาก เพราะหากเอาท่อนไม้ที่คานน้ำหนักนี่ออก ผนังตู้ trailer อาจจะถล่มลงมาเมื่อไหร่ก็ได้) และเมื่องัดออกก็ถึงเห็นว่า ที่พวกเขาเปิดและดันแผ่นเหล็กออกไม่ได้นั้น เพราะมีการเอาแบตเตอร์รี่รถยนต์ขนาดใหญ่ ที่ใช้กับรถ tractor ถึงสองอันมาปิดบนแผ่นเหล็กอีกทีพร้อมกับดินอีกจำนวนนึง
2
Ed Mike และเด็กผู้ชายที่โตขึ้นมาหน่อยพยายามช่วยกันผลักแบตเตอร์รี่ออก และส่ง Mike ให้ลอดผ่านช่องที่มีขนาดแค่เพียงครึ่งฟุต ขึ้นไปข้างบน เมื่อ Mike ขึ้นมาได้ เขาพึ่งเห็นว่า มันมีลังไม้ที่สร้างล้อมรอบรู้ทางเข้าอีกที Mike ทั้งเตะ ทุบ ตี กล่องลังไม้ดังกล่าวอย่างสุดแรง และใช้มือขุดดินเพื่อเปิดทางให้กว้างขึ้น โดยมีเสียงเชียร์จากเด็กตัวน้อยๆที่ยังอยู่ใน trailer ดังกล่าว "Come on Mike, you can do it. You can do it." เด็กๆมาให้สัมภาษณ์ทีหลังว่า Mike ขุดดินจนเหนื่อยหอบ แต่ยังไม่ยอมหยุด ขุดต่อไปจนกระทั่งรูนั้นกว้างพอที่เด็กๆทั้งหมดจะปีนขึ้นมาได้
 
**เราคิดว่าน่าจะเสี่ยงพอสมควร เอาหัวโผล่ขึ้นมาคนแรก ไม่รู้จะเจอปืนคอยส่องอยู่ไหม
เมื่อทั้ง 27 ชีวิตขึ้นมาเหนือดินหมดแล้ว ทั้งหมดไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และตอนนั้นเป็นเวลาประมาณสองทุ่มเศษ (ทั้งหมดอยู่ในหลุมนั้นถึง 16 ชั่วโมง) ณ บริเวณนั้นมีเครื่องจักรใหญ่ๆเสียงดังเต็มไปหมด เด็กๆที่ยังเล็กอยู่เกิดอาการกลัวมาก Ed ประคองทุกคนและต้อนทุกคนให้เดินตามเขา จนมาเจอกับป้อมยามของเหมืองหิน เมื่อยามของเหมืองเห็นพวกเขาทั้งหมดถึงกับตกใจ ยังไม่ทันที่ Ed จะพูดอะไร ยามรู้ทันทีว่าพวกเขาคือใคร
“The world has been looking for you”
ยามโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่บึ่งมารับตัว 27 ชีวิตไปทันที และเพราะมันฉุกเฉินมาก พวกเจ้าหน้าที่ต้องหาสถานที่ที่สามารถรองรับทั้ง 27 ชีวิตได้และที่ใกล้ที่สุด พวกเขาทั้งหมดถูกพาไปที่เรือนจำที่อยู่ไม่ไกล และถูกพาไปที่ห้องรับรอง เด็กๆได้รับ apple และน้ำอัดลม เจ้าหน้าที่เอาเสื้อคลุมอาบน้ำมาให้เด็กๆใส่ มันมีขนาดใหญ่มากจนเด็กบางคนเอาไปเล่นกระพือปีกกันในห้อง เมื่อตรวจสอบว่าทั้งหมดไม่เป็นอะไรมาก และไม่ได้บาดเจ็บอะไร มีแค่อาการเหนื่อยอ่อน และเพลีย จึงพาทั้งหมดขึ้นรถบัสเพื่อกลับไปยังเมือง Chowchilla เพื่อหาพ่อกับแม่ของพวกเขาที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ บางคนถึงกับเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน จนเจ้าหน้าที่ต้องอุ้มตัวลงจากรถเอามาส่งให้ถึงมือผู้ปกครอง
เด็กๆถูกพามารวมตัวกันที่เรือนจำก่อนส่งกลับบ้าน
Losers on the run:
หลังจากหาตัวเด็กๆเจอแล้ว ปัญหาต่อไปคือหาว่า ใครเป็นคนที่ริอาจทำการอุกอาจเช่นนี้??? ตำรวจไปที่เหมืองหินดังกล่าว และขุดเจอรถ trailer ที่อยู่ใต้ดิน พร้อมกับพยานหลักฐานอื่นๆ แน่นอนคนที่เข้ามาขุดหลุมขนาดใหญ่แบบนี้ได้ ต้องเป็นคนที่เข้าออกสถานที่นี้เป็นประจำ และจากคำบอกเล่าของลูกจ้าง ก็เป็นที่แน่ชัดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะเป็น Frederick Newhall Woods IV อายุ 24 ปี ลูกชายของเจ้าของเหมืองหินดังกล่าว และเพื่อนของเขาสองคน James Schoenfeld อายุ 24 ปี และ Richard Schoenfeld อายุ 22 ปี ที่มีธุรกิจขายรถยนต์มือสอง ทั้งสามคนยังเคยต้องโทษคดีขโมยรถและอยู่ในช่วงรับทัณฑ์บนอยู่ พนักงานหลายคนในเมืองให้การว่าเห็นทั้งสามคนนี้แหละเป็นคนขุดหลุมดังกล่าวเอง
ตำรวจออกหมายจับ และเข้าค้นบ้านชายทั้งสามคนทันที ที่บ้านของครอบครัว Frederick ตำรวจเจอปืน พร้อมจดหมายข้อความขู่เรียกค่าไถ่ในบ้าน แต่ชายทั้งสามคนหนีหายไปแล้ว
3
แต่แค่เพียง 8 วันหลังจากวันที่เกิดเหตุ Richard เดินเข้าไปยังสถานีตำรวจเพื่อมอบตัว เขาให้การว่า เขามีความเห็นแตกต่างจากพี่ชายและเพื่อน และทั้งหมดแยกย้ายกันหนี สองอาทิตย์หลังจากนั้นตำรวจจับ Frederick ได้ที่ประเทศแคนาดา ส่วน James ถูกจับได้ในวันเดียวกันที่รัฐ California
เมื่อทุกคนถูกจับตัวได้ สังคมต่างตกตะลึงกับรูปลักษณ์หน้าตาของทั้งสาม มันเป็นไปได้ยากที่จะนึกภาพชายหนุ่มสามคนที่มาจากครอบครัวที่ดี และมีฐานะดีมากถึงมากที่สุด (บ้านก็อยู่ใน area ที่แพงมากถึงมากที่สุด) ทำไมถึงมาทำเรื่องทุเรศทุรังขนาดนี้ได้????
1
ทั้งสามคนรับสารภาพว่า พวกเขาคิดแผนเรื่องนี้มาเป็นเดือนแล้ว และที่ทำไปก็เพราะทางบ้านเริ่มบอกให้พวกเขาหาเงินใช้เอง บวกกับหนี้ที่เพิ่มพูนอย่างรวดเร็ว ทั้งสามคนจึงร่วมวางแผนกัน (มี Frederick เป็นหัวโจกและตัวนำ) เพื่อลักพาตัวเด็กๆ เพราะหากลักพาตัวใครคนใดซักคนนึง หรือคนมีเงิน ก็จะไม่เป็นที่น่าสนใจ หากลักพาตัวเด็ก ยิ่งเด็กเล็กๆ และเด็กเยอะๆนี่ละ รัฐต้องเข้ามาสนใจ และเรียกเท่าไหร่พวกเขาก็ต้องยอมจ่าย (แผนที่มีคือจะให้รัฐ California จ่ายมา 5,000,000 USD)
1
"We needed multiple victims to get multiple millions, and we picked children because children are precious. The state would be willing to pay ransom for them. And they don't fight back."
หลังจากส่งทุกคนลงไปในหลุมใต้ดินแล้ว ทั้งสามคนพยายามโทรไปเรียกค่าไถ่ ตามเบอร์ที่ศูนย์บัญชาการตำรวจประกาศไว้ แต่เนื่องจากสายที่โทรเข้ามามีจำนวนมาก (คนพยายามจะหาเบาะแสมาให้ตำรวจ) ทำให้ทั้งสามโทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด พวกเขาเลยตัดสินใจไปงีบเอาแรง พอตื่นขึ้นมาก็พบว่า ทั้ง 27 ชีวิตนั้น หนีออกมาได้ และได้รับการช่วยเหลือโดยตำรวจไปแล้ว (แอบขำในใจเมื่ออ่านมาถึงตอนนี้)
เนื่องจากพยานหลักฐานที่ท้วมท้น ทั้งสามคนยอมรับสารภาพผิดและโดนศาลลงโทษให้จำคุกตลอดชีวิต โดยไม่ให้ได้รับทัณฑ์บน แต่เมื่อเรื่องไปที่ศาลอุทธรณ์ ศาลกลับพิพากษากลับโดยให้โทษนั้นเป็นโทษจำคุกแต่มีสิทธิได้รับทัณฑ์บนแทน โดยให้เหตุผลว่า ทั้ง 27 ชีวิตไม่มีบาดแผลอะไรทางกายเลย จะมีแค่เพียงรอยข่วนเท่านั้น ไม่ได้รับอันตรายหนักหนาสาหัสอะไร จึงพิพากษากลับ
**มีแต่คน comment นะคะ ว่าในสมัยนั้น คนคงยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้มันถือว่าเป็น trauma และส่งผลกระทบต่อจิตใจในระยะยาวขนาดไหน หากเป็นสมัยนี้คงเป็นอีกเรื่อง
2
The Aftermath:
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ชุมชนรวบรวมเงินกัน เพื่อส่งทั้ง 27 ชีวิตไปเที่ยวที่ Disneyland โดยหวังจะให้ปลอบประโลมความเศร้า ความตกใจและเรื่องระทึกขวัญที่เกิดขึ้นได้ เด็กๆหลายคนเติบโตขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว บางคนมีปัญหาทางจิตใจระยะยาว
Ed หรือ Mr. Ed ของเด็กๆ เสียชีวิตลงในปี 2012 นอกจากจะได้รับรางวัลพนักงานดีเด่นแห่งปี เด็กๆที่เคยร่วมชะตากรรมกับ Ed ก็พากันมาเยี่ยมเยียน Ed ที่บ้านก่อนที่ Ed จะเสียชีวิตลง ชาวเมือง Chowchilla เลยพร้อมใจกันสถาปนาให้วันที่ 26 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวัน “Edward Ray” ในเมือง Chowchilla (วันเกิด Ed นั้นเองค่ะ)
2
ในปี 2015 เด็กๆที่กลายมาเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ รวมตัวกันฟ้องร้อง Frederick, James และ Richard และจบลงที่ได้รับเงินมาเพื่อรักษาสภาพจิตใจและเยียวยาตัวเอง (จำนวนไม่ได้บอก) และเงินส่วนใหญ่ ได้มาจากกองมรดกของ Frederick
ณ ปัจจุบัน James กับ Richard ได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้ว ส่วน Frederick ยังคงถูกจองจำอยู่ในคุก เพราะไม่ได้ทำตัวเป็นนักโทษที่ดี (ลักลอบนำของเข้าคุกบ้าง ค้นเจอพวกภาพลามกอนาจารบ้าง) แต่ Frederick ดันสามารถมีธุรกิจเล็กๆน้อยๆที่ถูกกฎหมายอยู่นอกคุก เช่นฟาร์มต้น Christmas เป็นต้น คาดว่าน่าจะเอาเงินไปลงทุนแล้วให้คนอื่นดำเนินกิจการให้ค่ะ เขาถูกปฏิเสธการพิจารณาทัณฑ์บนมา 19 ครั้งแล้ว และครั้งต่อไปที่เขาสามารถยื่นขอทัณฑ์บนได้อีกครั้งในปี 2024
EP. เก่าๆดูได้อีกทางที่นี้ค่ะ
1
Facebook Page:
Blockdit:
โฆษณา