วันที่ 15 กรกฎาคม ปี 1976 ช่วงหน้าฤดูร้อนในเมือง Chowchilla รัฐ California ซึ่งก็เหมือนฤดูร้อนทั่วไปของสหรัฐอเมริกา เด็กๆบางส่วนใช้เวลาในวันหยุดฤดูร้อนเข้าร่วม summer program ที่จัดขึ้นโดยโรงเรียน ที่โรงเรียน Dairyland Elementary School ก็จัดกิจกรรมนี้เหมือนกัน ในวันดังกล่าว โรงเรียนจัดกิจกรรมให้นักเรียนไปว่ายน้ำเล่นที่สระว่ายน้ำในเมือง ก่อนที่จะจบกิจกรรมในตอน 4 โมงเย็น และนักเรียนทั้งหมดจะถูกนำตัวไปส่งที่บ้านโดยรถบัสของโรงเรียน
1
Frank Edward Ray คนขับรถโรงเรียน วัย 56 ปี หรือที่เด็กๆต่างเรียกกันว่า “Mr. Ed” นั้น เป็นคนขับรถพาเด็กๆไปทำกิจกรรมต่างๆทั้งในและนอกโรงเรียน พร้อมทั้งพาเด็กๆไปส่งบ้าน เด็กๆนั้นชอบ Ed มาก โดยเฉพาะเด็กเล็ก เพราะ Ed เป็นคนใจดี และมักจะคุ้นหน้าคุ้นตาเด็กๆอยู่แล้ว เพราะปรกติก็ขับรถโรงเรียนรับส่งเด็กๆเป็นประจำ Ed เติบโตที่เมือง Chowchilla และนอกจากจะเป็นคนขับรถโรงเรียนแล้ว เขายังเป็นเกษตรกร ดูแลฟาร์มของตัวเอง เด็กๆที่เขาขับรถรับส่ง บางคนก็เป็นลูกหลานของเพื่อนที่เคยไปโรงเรียนเดียวกันกับ Ed นี่แหละ Ed ทำงานเป็นคนขับรถโรงเรียนมามากกว่า 30 ปี และจริงๆแล้วจะเกษียณก็ได้ แต่ Ed รักงานนี้และรักเด็กๆ เขาจึงยังขับรถโรงเรียนต่อไป
เมือง Chowchilla นั้นต่างหากเมืองใหญ่อื่นๆในรัฐ California คนส่วนมากชอบเรียกเมืองนี้ว่า Cow Town เพราะในสมัยนั้น ถึงแม้จะห่างไกลความเจริญ แต่คนในเมืองก็ทำงานอย่างหนัก และถือว่าเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูง ตนส่วนมากไม่ล็อกประตูบ้าน
1
ในวันดังกล่าวรถโรงเรียนของ Ed เป็นรถคันสุดท้ายที่ออกจากสระว่ายน้ำ และ Ed จะต้องไปที่จุดจอดรถเพื่อส่งนักเรียนให้ลงและเดินกลับบ้านทั้งหมด 4 จุด สามจุดแรก เด็กๆบอกลา Ed และลงจากรถเดินกลับบ้านอย่างไม่มีปัญหา Ed เหลือแค่พาเด็กๆไปที่จุดสุดท้ายซึ่งเด็กทั้งหมดที่เหลืออยู่ 26 คน จะลงจากรถที่จุดนี้
**ตอนนี้เจ้าหน้าที่เริ่มส่งกำลังอีกส่วนไปคอยสอดส่องที่ธนาคาร เพราะอะไรเหรอคะ? เกี่ยวอะไรกัน? มันดันมีหนังสือเล่มนึง (กึ่งนิยาย) ที่มีชื่อว่า “The day the children vanished” ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการหายตัวไปของเด็กๆทั้งคันรถ (รถโรงเรียน) และในขณะที่ทั้งเมืองกำลังตามหาตัวเด็กๆ คนร้ายได้ที เลยตระเวนปล้นธนาคารในเมืองนั้นเองค่ะ
….ในจังหวะที่ทุกคนพยายามตามหาเด็กๆเพื่อพาพวกเขากลับบ้านนั้นเอง ในคืนวันที่ 16 กรกฎาคม 1976 ตำรวจได้รับโทรศัพท์จากเหมืองหินที่ตั้งอยู่ในเมือง Livermore รัฐ California (หากจากเมือง Chowchilla ไปร้อยกว่าไมล์) และพวกเขามีข่าวดี พวกเขาเจอกับเด็กๆทั้ง 26 คน รวมทั้ง Ed คนขับรถแล้ว และทุกคนปลอดภัยดี
ในวันดังกล่าว Ed ขับรถมาตามเส้นทางเดิมนั้นแหละ ขับมาเรื่อยๆ เหมือนเดิมทุกอย่าง หากแต่วันนี้ มีรถตู้สีขาวจอดอยู่ข้างหน้า ไม่ขยับไปไหนเลย Ed คิดว่ารถคันนั้นเสีย รถก็จอดอยุ่กึ่งกลางถนน จะขับอ้อมไปก็ไม่ได้ อยู่ดีๆเมื่อรถโรงเรียนชะลอและใกล้จอด มีชายสามคนกระโดดออกมาจากรถตู้พร้อมกับปืน ทุกคนใส่ถุงน่องคลุมหัวไว้ ก่อนจะบังคับให้ Ed เปิดประตูรถ เมื่อขึ้นมาได้แล้ว ชายคนร้ายขู่เด็กๆให้อยู่เงียบๆและทำตามที่เขาสั่ง (เด็กๆมีอายุตั้งแต่ 4 - 14 ปี ส่วนมากแล้วจะอายุน้อยกว่า 10 ขวบ เด็กบางคนยังเป็นพี่น้องกันอีกด้วย)
2
Ed กับรถโรงเรียนคู่ใจ
Ed บอกเด็กๆทุกคนว่าไม่เป็นไร ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไร และให้ทุกคนทำตามคำสั่งของชายคนร้าย (เด็กๆถึงกับแปลกใจว่าทำไม Mr. Ed ของพวกเขาพูดจาด้วยน้ำเสียงดุ และหนักแน่นมาก ปรกติ Ed ไม่พูดจากับพวกเขาแบบนี้นี่นา)
ชายคนร้ายคนนึงถือปืนคุมตัวทุกคนไว้ ชายคนที่สองไปขับรถโรงเรียน และชายคนที่สามขับรถตู้สีขาวคันดังกล่าวตามมา เมื่อพวกเขามาถึงแม่น้ำ ชายคนร้ายขับรถลงจากถนนลงไปข้างทาง ที่นั้นพวกเด็กๆเห็นได้ว่ามีรถตู้คันที่สองจอดอยู่เหมือนกัน ชายคนร้ายขับรถตู้เข้ามาจอดเทียบใกล้ๆกับประตูรถโรงเรียน และสั่งให้ทุกคนกระโดดเข้าไปในหลังรถตู้ (เพื่อที่จะได้ไม่ทิ้งรอยเท้าไว้) เด็กๆถูกแยกออกเป็นสองกลุ่ม บางส่วนถูกจับแยกจากพี่หรือน้องตัวเอง ในรถตู้คันแรกมี Ed พร้อมกับเด็กจำนวนนึง และอีกคันนึงมี Mike เด็กชายอายุ 14 ซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนที่โตสุด และเป็นเด็กวัยรุ่นคนเดียวในรถ
สภาพภายในรถตู้
**ปรกติแล้ว MIke จะไม่ได้ขึ้นรถโรงเรียนนะคะ เพราะแม่ของ Mike จะมารับ Mike เสมอ (ก่อนเวลาเลิกทำกิจกรรมปรกติ) แต่ในคืนก่อนหน้านั้น Mike ดันทำตัวออกนอกลู่นอกทาง กลับบ้านหลัง curfew และแม่มาเจอเขานั่งดื่มเบียร์กับเพื่อน แม่เลยบอก Mike ว่า ไหนๆก็มีเวลาว่างเยอะเอาไว้ทำเรื่องไม่ดี ก็อยู่ที่โรงเรียน แล้วหาเรื่องมีสาระเรื่องดีๆทำละกันและจะไม่ไปรับด้วย ให้นั่งรถโรงเรียนกลับมาเองละกัน Mike เลยต้องขึ้นรถโรงเรียนในวันที่ดันเกิดเหตุพอดี
เมื่อ Monica ปีนลงบันไดไปเสร็จ ชายคนร้ายบอกกับพวกเขาว่าให้อยู่ในนั้นและพวกเขาจะมาหาอีกในไม่ช้า ก่อนที่ทุกคนจะได้ยินเสียงลากของมาปิดปากทางขึ้นไว้ และพวกมันชักบันไดหนี ตอนนี้ทั้งตู้ที่พวกเด็กๆถูกขังอยู่มืดสนิท มีเพียงแค่ไฟฉายอันเล็กๆที่คนร้ายทิ้งไว้ให้ Ed เท่านั้น เด็กส่วนมาก กลัวมาก และเริ่มคิดว่าพวกเขาจะต้องถูกฝังทั้งเป็นแน่ๆ อาหารเริ่มหมดและน้ำดื่มก็ไม่มีอีกแล้ว เด็กคนนึงร้องไห้อยากกลับบ้านจนไปเตะเอากับเสาอันนึงที่ค้ำเพดานของตู้ trailer ไว้ จนผนังกับเพดานเริ่มยุบตัวลงมา และมีทั้งดินและฝุ่นร่วงลงมาเต็มไปหมด สร้างความกลัวเพิ่มให้กับเด็กๆมากเข้าไปอีก เพราะในตอนนี้ ดินจากข้างบนจะถล่มลงมาทับพวกเขาเมื่อไหร่ก็ได้ ที่แย่ไปกว่านั้นคือพัดลมที่เคยเปิดเพื่อระบายอากาศ ตอนนี้มันหยุดทำงานแล้ว (คาดว่าแบตหมด) อากาศภายในเริ่มร้อนและอากาศเริ่มเหลือน้อยลงทุกที Ed และเด็กผู้ชายที่โตกว่า ไม่ยอมแพ้ พวกเขาคิดว่า หากจะตายก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด Ed กับ Mike เริ่มเอาฟูกนอนทั้งหมดที่มีอยู่มาต่อกันเป็นชั้นๆ เพื่อที่จะปีนขึ้นไปยังรูทางเข้าที่ทุกคนปีนบันไดลงมา (แต่ในตอนนี้บันไดหายไปแล้ว) เมื่อปีนขึ้นไปได้แล้ว พวกเขาไม่สามารถเปิดแผ่นเหล็กที่ใช้ปิดรูทางเข้าได้ Ed กับ Mike เลยเอาท่อนไม้ที่ใช้ดันผนังตู้ trailer ไว้มาแงะแผ่นเหล็กดังกล่าวดู (รู้ทั้งรู้ว่าเสี่ยงมาก เพราะหากเอาท่อนไม้ที่คานน้ำหนักนี่ออก ผนังตู้ trailer อาจจะถล่มลงมาเมื่อไหร่ก็ได้) และเมื่องัดออกก็ถึงเห็นว่า ที่พวกเขาเปิดและดันแผ่นเหล็กออกไม่ได้นั้น เพราะมีการเอาแบตเตอร์รี่รถยนต์ขนาดใหญ่ ที่ใช้กับรถ tractor ถึงสองอันมาปิดบนแผ่นเหล็กอีกทีพร้อมกับดินอีกจำนวนนึง
2
Ed Mike และเด็กผู้ชายที่โตขึ้นมาหน่อยพยายามช่วยกันผลักแบตเตอร์รี่ออก และส่ง Mike ให้ลอดผ่านช่องที่มีขนาดแค่เพียงครึ่งฟุต ขึ้นไปข้างบน เมื่อ Mike ขึ้นมาได้ เขาพึ่งเห็นว่า มันมีลังไม้ที่สร้างล้อมรอบรู้ทางเข้าอีกที Mike ทั้งเตะ ทุบ ตี กล่องลังไม้ดังกล่าวอย่างสุดแรง และใช้มือขุดดินเพื่อเปิดทางให้กว้างขึ้น โดยมีเสียงเชียร์จากเด็กตัวน้อยๆที่ยังอยู่ใน trailer ดังกล่าว "Come on Mike, you can do it. You can do it." เด็กๆมาให้สัมภาษณ์ทีหลังว่า Mike ขุดดินจนเหนื่อยหอบ แต่ยังไม่ยอมหยุด ขุดต่อไปจนกระทั่งรูนั้นกว้างพอที่เด็กๆทั้งหมดจะปีนขึ้นมาได้
หลังจากหาตัวเด็กๆเจอแล้ว ปัญหาต่อไปคือหาว่า ใครเป็นคนที่ริอาจทำการอุกอาจเช่นนี้??? ตำรวจไปที่เหมืองหินดังกล่าว และขุดเจอรถ trailer ที่อยู่ใต้ดิน พร้อมกับพยานหลักฐานอื่นๆ แน่นอนคนที่เข้ามาขุดหลุมขนาดใหญ่แบบนี้ได้ ต้องเป็นคนที่เข้าออกสถานที่นี้เป็นประจำ และจากคำบอกเล่าของลูกจ้าง ก็เป็นที่แน่ชัดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะเป็น Frederick Newhall Woods IV อายุ 24 ปี ลูกชายของเจ้าของเหมืองหินดังกล่าว และเพื่อนของเขาสองคน James Schoenfeld อายุ 24 ปี และ Richard Schoenfeld อายุ 22 ปี ที่มีธุรกิจขายรถยนต์มือสอง ทั้งสามคนยังเคยต้องโทษคดีขโมยรถและอยู่ในช่วงรับทัณฑ์บนอยู่ พนักงานหลายคนในเมืองให้การว่าเห็นทั้งสามคนนี้แหละเป็นคนขุดหลุมดังกล่าวเอง
ตำรวจออกหมายจับ และเข้าค้นบ้านชายทั้งสามคนทันที ที่บ้านของครอบครัว Frederick ตำรวจเจอปืน พร้อมจดหมายข้อความขู่เรียกค่าไถ่ในบ้าน แต่ชายทั้งสามคนหนีหายไปแล้ว
3
แต่แค่เพียง 8 วันหลังจากวันที่เกิดเหตุ Richard เดินเข้าไปยังสถานีตำรวจเพื่อมอบตัว เขาให้การว่า เขามีความเห็นแตกต่างจากพี่ชายและเพื่อน และทั้งหมดแยกย้ายกันหนี สองอาทิตย์หลังจากนั้นตำรวจจับ Frederick ได้ที่ประเทศแคนาดา ส่วน James ถูกจับได้ในวันเดียวกันที่รัฐ California
เมื่อทุกคนถูกจับตัวได้ สังคมต่างตกตะลึงกับรูปลักษณ์หน้าตาของทั้งสาม มันเป็นไปได้ยากที่จะนึกภาพชายหนุ่มสามคนที่มาจากครอบครัวที่ดี และมีฐานะดีมากถึงมากที่สุด (บ้านก็อยู่ใน area ที่แพงมากถึงมากที่สุด) ทำไมถึงมาทำเรื่องทุเรศทุรังขนาดนี้ได้????
"We needed multiple victims to get multiple millions, and we picked children because children are precious. The state would be willing to pay ransom for them. And they don't fight back."
Ed หรือ Mr. Ed ของเด็กๆ เสียชีวิตลงในปี 2012 นอกจากจะได้รับรางวัลพนักงานดีเด่นแห่งปี เด็กๆที่เคยร่วมชะตากรรมกับ Ed ก็พากันมาเยี่ยมเยียน Ed ที่บ้านก่อนที่ Ed จะเสียชีวิตลง ชาวเมือง Chowchilla เลยพร้อมใจกันสถาปนาให้วันที่ 26 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวัน “Edward Ray” ในเมือง Chowchilla (วันเกิด Ed นั้นเองค่ะ)
2
ในปี 2015 เด็กๆที่กลายมาเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ รวมตัวกันฟ้องร้อง Frederick, James และ Richard และจบลงที่ได้รับเงินมาเพื่อรักษาสภาพจิตใจและเยียวยาตัวเอง (จำนวนไม่ได้บอก) และเงินส่วนใหญ่ ได้มาจากกองมรดกของ Frederick
ณ ปัจจุบัน James กับ Richard ได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้ว ส่วน Frederick ยังคงถูกจองจำอยู่ในคุก เพราะไม่ได้ทำตัวเป็นนักโทษที่ดี (ลักลอบนำของเข้าคุกบ้าง ค้นเจอพวกภาพลามกอนาจารบ้าง) แต่ Frederick ดันสามารถมีธุรกิจเล็กๆน้อยๆที่ถูกกฎหมายอยู่นอกคุก เช่นฟาร์มต้น Christmas เป็นต้น คาดว่าน่าจะเอาเงินไปลงทุนแล้วให้คนอื่นดำเนินกิจการให้ค่ะ เขาถูกปฏิเสธการพิจารณาทัณฑ์บนมา 19 ครั้งแล้ว และครั้งต่อไปที่เขาสามารถยื่นขอทัณฑ์บนได้อีกครั้งในปี 2024