Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่ารัฐฉาน ล้านนา ล้านช้างและสยามประเทศ
•
ติดตาม
5 ก.ย. 2020 เวลา 20:39 • ประวัติศาสตร์
ความหึงหวง ความไม่ลงรอยกันในราชสำนักฝ่ายใน เป็นเหตุให้ถูกลดพระอิสริยยศลง
ในระหว่าง ๑๐ ปี รัชกาลที่ ๖ เสด็จขึ้นครองราชย์ ทุกฝ่ายต่างก็เฝ้าคอยข่าวคราวจากราชสำนักว่าเมื่อใดจะมีพระมเหสีราชินีคู่บัลลังก์ เพราะแม้แต่สมเด็จพระพันปีหลวงเองก็ทรงมีพระราชประสงค์เป็นอย่างยิ่งที่จะให้พระราชโอรสมีพระอัครมเหสี เพื่อพระสวัสดิภาพส่วนพระองค์และความมั่นคงแห่งราชบัลลังก์ แต่ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ก็มิได้สมดังพระราชประสงค์ สมเด็จพระพันปีหลวง เสด็จสวรรคตลง ในปี ๒๔๖๒
จนกระทั่งผ่านการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระพันปีหลวง ในในปี ๒๔๖๓ ไปแล้ว ครั้งนั้นพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้จัดงานประกวดภาพล้อขึ้นที่พระราชวังพญาไท และ ณ พระราชฐานแห่งนั้นเองก็ได้ทรงพบกับรักครั้งแรก และเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวความรักของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ ๖ ที่เกิดขึ้นใน ๕ ปีสุดท้ายในรัชสมัยของพระองค์ คือ “สมเด็จอินทร์”
พระองค์ ทรงมีพระนามเดิมว่า ประไพ สุจริตกุล พระองค์ได้รับราชการฝ่ายในและพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้จัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ดำรงตำแหน่งพระสนมเอกที่ “พระอินทราณี” จากนั้นในวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๔๖๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ดำรงพระยศพระมเหสีที่ “พระวรราชชายาเธอ พระอินทรศักดิศจี ”
และในเวลาต่อมา พระองค์ทรงพระครรภ์ จึงเป็นสาเหตุให้ทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น “สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินี” ตำแหน่งสมเด็จพระอัครมเหสี เมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๔๖๕ พระราชประสงค์ของพระเจ้าอยู่หัวในการที่จะทรงมีพระราชโอรสไว้สืบสันตติวงศ์ก็เป็นอันสิ้นสลายลงเมื่อการทรงพระครรภ์ของพระบรมราชินีก็ไม่สามารถมีพระราชโอรสได้เนื่องจากตกเสียไม่เป็นพระองค์ ในระหว่างแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระที่นั่งสมุทรพิมาน พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงเสียพระทัยมากเป็นอันมาก แม้กระนั้นก็ยังทรงดูแลพระบรมราชินีด้วยทรงเป็นห่วงเป็นที่ยิ่ง
ส่วนเรื่องการทรงครรภ์ พระองค์ตกเสียสองครั้ง เนื่องจากพระองค์ตามเสด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดไม่ได้หยุด จึงทำให้ตก และมีครั้งหนึ่งที่มีพระประสูติกาลก่อนกำหนด ประมาณ ๖ เดือน เป็นพระราชโอรส พระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรแล้วถึงกับน้ำพระเนตรไหล กระนั้นก็ยังทรงมีพระเมตตาต่อสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี ทรงอ่านหนังสือพระราชทาน ทรงประคองและดูแลเป็นอย่างดี
แต่ด้วยเหตุที่ไม่อาจฉลองพระเดชพระคุณในฐานะพระบรมราชินีได้อย่างสมบูรณ์ จึงมีพระบรมราชโองการให้เปลี่ยนพระอิสริยยศลง
จนกระทั่งในวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๔๖๘ เนื่องจากพระบรมราชินีไม่สามารถรับราชการสนองพระเดชพระคุณได้ตามหน้าที่อันควรในตำแหน่ง “สมเด็จพระบรมราชินี” พระเจ้าอยู่หัว จึงทรงประกาศเปลี่ยนพระอิสริยยศของพระนางลงจาก “พระบรมราชินี” ให้คงมีพระนามเพียงว่า “สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี พระวรราชชายา” แล้วโปรดฯ ให้เสด็จไปประทับยังพระที่นั่งวิมานเมฆ
เป็นอันว่าสมเด็จอินทร์ ทรงพ้นจากตำแหน่งพระบรมราชินี หลังจากทรงดำรงตำแหน่งมา ๒ ปี ๘ เดือน นับจากวันสถาปนาจนถึงวันถูกเปลี่ยนพระอิสริยยศ ภายหลังเมื่อพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตแล้ว จึงเสด็จย้ายไปประทับยังพระตำหนักสวนหงษ์ ในพระราชวังดุสิต และ วังคลองภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี ตามลำดับ จนสิ้นพระชนม์ชีพของพระองค์
สาเหตุที่ทรงลดพระอิสริยยศมีหลายประการ รัชกาลที่ ๖ ทรงอธิบายพระราชทานแก่สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจีฯ อย่างละเอียด ปรากฏอยู่ในพระราชบันทึกส่วนพระองค์ ซึ่งบัดนี้ถูกเก็บรักษาไว้ในที่เฉพาะและไม่อาจเผยแพร่ได้ด้วยเหตุผลนานาประการ แต่มีปรากฏในพระราชพินัยกรรม เรื่อง การสืบพระราชสันตติวงศ์แลตั้งพระบรมอัษฐิ ซึ่งได้รับการเผยแพร่ เป็นพระราชพินัยกรรมสั่งถึงเมื่อถวายพระเพลิงพระศพแล้วจะจัดการอย่างไรกับพระบรมอัฐิ โดยได้รับการตีพิมพ์ลงในหนังสือศิลปวัฒนธรรม ในปี ๒๕๒๘ เป็นพระราชพินัยกรรม ฉบับบันทึกประจำวัน ลงวันที่ ๘ กันยายน ๒๔๖๘ ก่อนวันประกาศลดพระอิสริยยศประมาณ ๑ สัปดาห์ ในพระราชพินัยกรรมปรากฏข้อความเป็นพระบรมราชโองการความว่า
“...ข้อ ๔ ต่อไปภายหน้าก็คงจะมีเหตุเรื่องตั้งพระบรมอัษฐิ คือ จะเอาองค์ใดขึ้นมาตั้งคู่กับฃ้าพเจ้า. ฃ้าพเจ้าขอสั่งเด็ดขาดไว้เสียแต่บัดนี้ , ห้ามมิให้เอาพระอัษฐิสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจีขึ้นมาตั้งเคียงฃ้าพเจ้าเป็นอันขาด; เพราะตั้งแต่ได้มาเป็นเมียฃ้าพเจ้า ก็ได้บำรุงบำเรอน้ำใจฃ้าพเจ้าเพียง ๑ เดือนเท่านั้น, ต่อแต่นั้นมาเอาแต่ความร้อนใจหรือรำคาญมาสู่ฃ้าพเจ้าอยู่เป็นเนืองนิตย์...”
เรื่องที่สมเด็จอินทร์ ทรงตกพระโลหิตพระกุมารนั้นเป็นเพียงเหตุผลหนึ่ง เพราะมีบันทึกปรากฏชัดเจนว่าแม้สมเด็จอินทร์ ทรงแท้งแล้ว พระเจ้าอยู่หัว ก็ยังทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ทะนุถนอมอย่างดี ถึงกับเสด็จไปรับ และทรงเข็นพระเก้าอี้เข็นที่สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจีประทับมาร่วมเสวยกับพระองค์ทุกวัน
เหตุการณ์ที่เป็นเรื่องใหญ่โต เห็นจะเป็นเมื่อคราวที่พระเจ้าอยู่หัว ทรงซ้อมละครเรื่องพระร่วง ณ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน จังหวัดเพชรบุรี ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จอินทร์ ครั้งนั้น ในบทบาทการแสดงต้องมีการแตะเนื้อต้องตัว เจรจาตอบโต้ และผลักไสกันระหว่างนายมั่น (แสดงโดยพระเจ้าอยู่หัว) กับสาวใช้ของนางจันทร์ (แสดงโดยพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี)
ภาพนั้นคงไม่สบพระทัยของสมเด็จอินทร์ ผู้ประทับทอดพระเนตรการซ้อมอยู่ชั้นบน จึงเกิดเหตุการณ์ขึ้น คือสมเด็จอินทร์ ทรงกระทืบพระบาท และโปรดให้ข้าหลวงของพระองค์ โห่ฮาและตบพื้นพระที่นั่ง แสดงให้เห็นว่าพระองค์ ไม่ทรงพอพระทัย เป็นอันตะลึงงันกันไปทั้งโรงละคร พระเจ้าอยู่หัว ทรงหยุดการซ้อม และเสด็จขึ้นทันที
วันรุ่งขึ้นก็มีพระราชหัตถเลขาปลอบใจไปยังคุณเครือแก้ว อภัยวงศ์ (พระนางเจ้าสุวัทนา) ว่าไม่ได้ทำอะไรผิด จากนั้นก็พระราชทานนามใหม่ว่า “สุวัทนา” ขณะนั้น สมเด็จอินทร์ มีพระชนมายุก็เพียง ๒๑ พรรษา เป็นธรรมดาที่จะมีพระอาการหึงหวงต่าง ๆ บางครั้งก็ไม่ทรงสามารถเก็บกลั้นพระอารมณ์ได้ เช่น ทรงขอพระบรมราชานุญาตกลับพระนครก่อน ไม่ทรงร่วมขบวนเสด็จ ทำให้ต้องตระเตรียมเรือพระที่นั่งอย่างฉุกละหุก ทั้งยังต้องต่อสะพานยาวลงไปให้ถึงเรือเพื่อไม่ต้องให้พระบาทสัมผัสน้ำ
ในครั้งนั้น พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงขุ่นพระราชหฤทัยอยู่ไม่น้อย ครั้งหนึ่ง ที่ท่าราชวรดิฐ เมื่อพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงจากเรือพระที่นั่ง มีพระราชกระแสรับสั่งให้คุณสุวัทนาซึ่งตามเสด็จมาในขบวน ลงกราบพระบาทสมเด็จอินทร์ ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินมารับเสด็จตามราชประเพณี พระองค์ก็ทรงชักพระบาทหลบและเบือนพระพักตร์ ก็เป็นเหตุให้พระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงพอพระทัย เพราะทรงถือว่าเป็นการ “หักหน้า” พระองค์
เมื่อเจ้าจอมสุวัทนา มีครรภ์แก่จวนประสูติพระหน่อ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น “พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี” เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๔๖๘ การสถาปนาเจ้าจอมสุวัทนาขึ้นเป็นเจ้านั้น ก็ด้วยเหตุผลที่จะให้พระหน่อซึ่งทรงหวังว่าจะเป็นพระราชโอรสเพื่อเป็นพระรัชทายาท ที่จะมีพระประสูติกาลในเบื้องหน้า ประสูติเป็น “สมเด็จเจ้าฟ้า” ตามธรรมเนียมราชตระกูล หากเจ้าจอมสุวัทนา ประสูติพระราชโอรส แล้วสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี ยังคงเป็นสมเด็จพระบรมราชินี ก็คงจะดูไม่ปกติที่พระราชโอรสผู้เป็นพระรัชทายาท ไม่ได้ประสูติจากสมเด็จพระบรมราชินี ซึ่งความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระเจ้าอยู่หัว ก็คือการมีพระรัชทายาทสืบสนองพระองค์
เมื่อสมเด็จอินทร์ยังประทับอยู่ภายในสวนดุสิต พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี มักจะโปรดให้สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ไปทรงเยี่ยมสมเด็จอินทร์อยู่เสมอ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ ทรงออกพระนามสมเด็จอินทร์ว่า “แม่อินทร์” ครั้นสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ และพระชนนี เสด็จไปประทับที่อังกฤษ ก็ไม่ได้ทรงติดต่อกันอีกจนกระทั่งนิวัตประเทศไทยแล้วใน ๒๕๐๒ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ และพระนางเจ้าสุวัทนาฯ จะโปรดให้ผู้แทนพระองค์เชิญของขวัญมาพระราชทานสมเด็จอินทร์ในวันคล้ายวันประสูติเป็นประจำทุกปี และสมเด็จอินทร์ก็ทรงปฏิบัติเช่นเดียวกันในวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จเจ้าฟ้าฯ และเสด็จพระนางฯ คือให้ผู้แทนพระองค์ เชิญของขวัญไปถวายสมเด็จเจ้าฟ้าฯ และเสด็จพระนางฯ ที่วังรื่นฤดี แต่ก็ไม่ได้เสด็จไปมาหาสู่กันด้วยพระองค์เอง
พระชนม์ชีพสมเด็จอินทร์ หลังรัชกาลที่ ๖ สวรรคต ในปี ๒๔๖๘ สมเด็จอินทร์ ทรงย้ายไปประทับยังพระตำหนักสวนนกไม้ ในพระราชวังดุสิต ต่อมาจึงทรงย้ายไปประทับที่วังริมคลองภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรีซึ่งเป็นบ้านของท่านเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี พระบิดานั่นเอง สมเด็จอินทร์ ได้ประทับอยู่ ณ วังภาษีเจริญนี้มาโดยตลอดท่ามกลางพระประยูรญาติอย่างอบอุ่นต่อมาอีกกว่า ๔๐ ปี
สมเด็จอินทร์ สิ้นพระชนม์ ณ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๑๘ สิริพระชนมายุได้ ๗๓ พรรษา Cr.โบราณนานมา
บันทึก
3
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เหตุเกิดในรัชกาลที่ 6
3
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย