Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ปันสุข-ภูมิปัญญาสุขภาพไทย
•
ติดตาม
6 ก.ย. 2020 เวลา 00:28 • สุขภาพ
#ทำไมต้องอบสมุนไพร.... อบสมุนไพรดีอย่างไร???
การอบสมุนไพรเป็นหนึ่งในวิธีการ เตโชบำบัด (พลังงานความร้อน) เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดลม ขับพิษ รักษาอาการเจ็บป่วยของร่างกายอันเนื่องมาจากเลือดลมติดขัด บรรเทาอาการปวดเมื่อย ผู้ที่มีอาการท้องอืด หญิงหลังคลอดที่มีการตกค้างของน้ำคาวปลา และโลหิตตกค้างอันเนื่องมาจากการคลอด รวมทั้งผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ (ต้องไม่มีอาการอักเสบ บวมแดง) เช่น พลัดตกจากที่สูง หกล้มอย่างแรง เป็นต้น
🍀อบสมุนไพรตอนไหนดี??
🌱ช่วงเช้า
ก่อนเข้าอบสมุนไพรให้ดื่มน้ำ (อย่างน้อย 0.5 ลิตร) เข้าห้องน้ำ ขับถ่ายให้เรียบร้อย หากมีเวลาอบช่วงนี้ จะเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดลม เพื่อขับพิษ ปลุกพลังการทำงานของร่างกาย ช่วยกระตุ้นธาตุไฟในการย่อยอาหาร และเผาผลาญของเสียออกได้ดีกว่าช่วงเวลาอื่นๆ
🌱ช่วงเย็น
การอบสมุนไพรในช่วงเย็น เป็นช่วงแดดร่มลมตก จะช่วยทำให้เกิดการผ่อนคลาย ลดอาการปวดเมื่อย
อาการตึงคอบ่าไหล่ ท้องอืดเฟ้อ ขับลม ขับของเสียที่คั่งค้างอยู่ในตัวที่ทำงานมาตลอดทั้งวันได้ดี
🌱อบสมุนไพรจุดสะท้อนอวัยวะภายใน ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
ในกรณีที่ไม่อบสมุนไพรทั้งตัว สามารถที่จะอบเฉพาะจุดจุดสะท้อนอวัยวะภายใน ฝ่ามือ ฝ่าเท้า โดยนำฝ่ามือ ฝ่าเท้าไปอังที่หม้อต้มสมุนไพร ซึ่งในกรณีนี้เหมาะสำหรับคนมือ เท้าเย็น (หรือจะใช้สมุนไพรต้มแล้วแช่มือ แช่เท้าก็ได้)
🏵️ตอนไหนที่ไม่ควรอบสมุนไพร??
ช่วงกลางวันที่ร้อนจัดๆ มากจนเกินไป เพราะปกติความร้อนก็สูงมากอยู่แล้ว การอบสมุนไพรในช่วงกลางวันจะทำให้ร่างกายร้อนจนทนไม่ได้ และไม่ปลอดภัยนักสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตค่อนข้างสูง
หลังกินอาหารเสร็จใหม่ๆ (ควรอบหลังจากกินอาหารเสร็จอย่างน้อย 2 ชั่วโมง) เพราะหลังกินอาหารเสร็จใหม่ๆ ไฟย่อยอาหารกำลังทำงาน หากอบสมุนไพร จะไปเพิ่มไฟอุ่นกาย (ในแพทย์แผนไทยมีธาตุไฟทำงานอยู่ 4 ประเภทไม่กล่าวในรายละเอียด) เมื่อไฟอุ่นกายเพิ่มมากขึ้น จะไปปรับลดไฟย่อยอาหารลง ทำให้เกิดการย่อยอาหารน้อยลง หรือไม่ย่อยเลย จะทำให้มีอาการอยากอาเจียน คลื่นไส้
🌳ควรอบสมุนไพรในสถานที่แบบไหน??
สำหรับสถานที่และอุปกรณ์ในการอบสมุนไพร ควรเป็นสถานที่โปร่ง การใช้กระโจมผ้า (อาจเป็นผ้าห่ม ผ้าถุง มาเย็บต่อกันได้ แต่เหมาะที่สุดคือผ้าฝ้าย เพราะเป็นเส้นใยธรรมชาติ) กระโจมผ้าจะไม่ทึบมากทำให้ความร้อนค่อยๆ เพิ่มขึ้นร่างกายจะค่อยๆ ปรับตัวตามไปด้วย แบบค่อยเป็นค่อยไป และกระโจมผ้าที่ไม่ทึบเกินไป จะทำให้มีการแลกเปลี่ยนอากาศกับข้างนอกได้ ไม่สะสมพลังงานของเสียไว้ข้างใน ผู้อบไม่อึดอัดจนเกินไป มีความปลอดภัยสูง รวมถึงหากมีเหตุฉุกเฉินอะไรก็สามารถออกมาได้ทันที
🌳ปฏิบัติตัวอย่างไรระหว่างการอบสมุนไพร??
การอบสมุนไพรหัวใจสำคัญคือ การเพิ่มการไหลเวียนเลือดลม เป็นการปรับสมดุล ขับพิษคั่งค้างออกจากร่างกาย ดังนั้นระหว่างอบสมุนไพร ควรตั้งสมาธิ ตามดูลมหายใจเข้าออก ค่อยๆ หายใจเข้า-ออกยาวๆ อย่างนิ่มนวล เพื่อให้การขับพิษเกิดขึ้นได้อย่างหมดจน
🏵️ผลของการอบสมุนไพร
หลังการอบ จะรู้สึกโล่ง เบา สบายตัวขึ้น หายใจสะดวกขึ้น และเลือดลมในตัวไหลเวียนได้ดีขึ้น อาการปวดเมื่อยควรจะลดลง รู้สึกผ่อนคลาย
🏵️อบสมุนไพรได้บ่อยแค่ไหน??
โดยปกติ การอบสมุนไพร ไม่ควรเกินครั้งละ 3 รอบๆ ละ 10-15 นาที และดื่มน้ำทุกครั้งหลังออกจากกระโจมอบสมุนไพร และสามารถทำได้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอที่จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดลม และขับของเสียที่คั่งค้างออกจากร่างกายได้
🌱หากอบสมุนไพรบ่อยหรือมากเกินไป จะทำให้เกิดการสูญเสียน้ำ สูญเสียสารอาหารบางจำพวก โดยเฉพาะจำพวกเกลือแร่ออกทางเหงื่อ ทำให้ความร้อนในตัวสูงมากเกินไป อาจมีอาการปวดศีรษะ ปวดเสียวเนื้อตัว เป็นไข้ตามมาได้
🏵️ข้อควรระวังในการอบสมุไพร
สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไขมันในเส้นเลือดสูง ผู้สูงวัย เด็ก ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก
หญิงมีครรภ์ ห้ามเด็ดขาด เพราะจะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดมากจนอาจเกิดอาการแท้งได้ (หญิงมีครรภ์ อาจจะประคบร้อนด้วยลูกประคบได้เฉพาะบริเวณบ่า ไหล่ ให้พอสบาย หากมีการปวดเมื่อย)
🍀 อุปกรณ์....ตำรับสมุนไพรอบตัว...มีอะไรบ้าง??
1) กระโจมผ้า (ผ้าห่ม ผ้าขาวม้า ผ้าถุง ผ้าอะไรก็ได้เอามาเย็บรวมๆ กันทำเป็นกระโจม แต่ให้ดีใช้ผ้าฝ้ายจะดีสุด)
2) ฝาชี หรือ กระด้งหรืออะไรก็ได้ ที่ใส่ไว้ด้านบนให้กระโจมกางออก
3) เชือกสำหรับแขวน กระโจม
4) เก้าอี้สำหรับนั่งเข้ากระโจม (แต่ถ้าชอบยืนไม่มีเก้าอี้ก็ไม่ว่ากัน)
5) หม้อหุงข้าวไฟฟ้า (ซื้อมาไว้สำหรับเข้ากระโจมโดยเฉพาะ)
6) สมุนไพรเข้ากระโจม
🌳วิธีทำ....ง่ายมาก
ผูกกระโจมกับขื่อ หรืออะไรก็ที่จะแขวนกระโจมได้ เสียบปลั๊กหม้อหุงข้าวไฟฟ้า เอาเก้าอี้เข้ากระโจม เตรียมสมุนไพร (ทุบๆๆ พอหยาบๆ ให้ต่อมน้ำมันหอมระเหยแตกแล้วใส่ลงไปในหม้อ รอให้เดือด เข้าอบได้เลย รอบละ 10-15 นาที 3 รอบ และดื่มน้ำทุกครั้งที่ออกจากกระโจม)
🌴สมุนไพรเข้ากระโจม (จะสด หรือ แห้งก็ได้)
ตำรับพื้นฐานสามัญประจำบ้าน
(ใช้สัดส่วนเท่าๆ กัน ยกเว้น เกลือแกง 1 ช้อนชา หรืออยากให้ตัวไหนออกฤทธิ์มากก็ใส่ตัวนั้นมากกว่าได้)
สมุนไพร
1.ขิง (เหง้า) รสหวานเผ็ดร้อน ขับลม แก้ปวดท้อง แก้จุกเสียด เจริญอากาศธาตุ
2. ข่า (เหง้า,หัว) รสเผ็ดร้อนขม แก้ปวดท้อง แก้จุกเสียดแน่น ขับลมให้กระจาย แก้ฟกบวม แก้พิษ แก้บิดตกโลหิต แก้ลมป่วง แก้เกลื้อน ขับเลือด ขับน้ำคาวปลา
3. ตะไคร้ ราก /ต้น รสปร่า ขับลมในลำไส้ ดับกลิ่นคาว ขับผายลม ทำให้เรอ แก้ปัสสาวะพิการ
4. ผิวมะกรูด (หั่นใส่ทั้งลูกได้) รสร้อนปร่าขับลม ฟอกโลหิตระดู
5.ไพล หัว รสฝาดขื่นเอียน ขับลมในลำไส้ ขับประจำเดือนสตรี แก้เคล็ดบวมยอก สมานแผล
6. มะขามเปียก (ใบมะขาม/ใบส้มป่อย) อย่างใดอย่างหนึ่ง รสเปรี้ยวจัด กัดเสมหะ (ทำให้ผิวสะอาด) แก้กระหายน้ำ ทำให้เกิดน้ำลาย ขับเลือด ขับลมสำหรับสตรี
7. เกลือแกง 1 ช้อนชา ชำระเมือกมัน บำรุงธาตุทั้ง 4 แก้น้ำเหลืองเสีย
ถ้าเป็นสูตรแก้ปวดเมื่อย ขับเหงื่อ ขับพิษจากสารเคมีตกค้าง ให้เพิ่ม
8. เถาวัลย์เปรียง รสเบื่อเอียน ถ่ายเส้น ถ่ายกระษัย แก้เส้นเอ็นขอด เส้นตึง แก้ปวดเมื่อย ทำให้เส้นเอ็นหย่อน ขับปัสสาวะ ถ่ายเสหะลงสู่คูถวาร
9. รางจืด (ใช้ได้ทั้งใบ เถาเครือ และ) ราก รสเย็น ถอนพิษเบื่อเมา แก้ไข้ตัวร้อน ถอนพิษไข้ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ
10 ผักบุ้งแดง แก้พิษลมเพลมพัด แก้พิษเมาเบื่อ
✍️หมายเหตุ หาสมุนไพรได้ไม่ครบไม่เป็นไร ใช้เท่าที่มี
ปันสุข By หมอปรางค์
#หมอปรางค์ #แพทย์แผนไทย
#อบสมุนไพร. #เตโชบำบัด
#ThaiTraditionalMedicine
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย