Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
A
A major 🎶
•
ติดตาม
8 ก.ย. 2020 เวลา 15:04 • บันเทิง
เรื่องเล่าลี้ลับของพระใหม่ :: ภารกิจธุดงค์ในป่าช้ากับพระเมธีวชิโรดม (ว. วชิรเมธี) :: เรื่องเล่าจาก เก่ง อธิป
* คำเตือน: เนื้อหาบทความเรื่องนี้ มีเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อและสิ่งลี้ลับ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
พระอฺธิป สุเขสิโน (เก่ง - อธิป เจริญชัยสกุลสุข)
เก่ง อธิป ที่หลายๆ คนรู้จัก คือนักร้อง นักดนตรี โปรดิวเซอร์เพลง และนักพากย์ ผู้มากความสามารถ… วันนี้ เราจะมารู้จักกับอีกบทบาทที่เก่งเคยเป็น (ณ ช่วงเวลาหนึ่ง) คือ เก่ง เมื่อครั้งเป็นนักบวช เมื่อครั้งที่เขาอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ในบวรพุทธศาสนา
อันที่จริงแล้ว… ก่อนเริ่มการสัมภาษณ์ เรายังไม่มีหัวข้อที่จะคุยกันแน่ชัด เราจึงชวนเก่งคุยถึงเรื่องสัพเพเหระก่อน… พอคุยไปคุยมา เลยนึกขึ้นได้ว่า อีกไม่กี่วัน จะครบรอบ 4 ปี ของวันที่เก่งบวชเป็นพระภิกษุ
เราเลยได้ไอเดียขึ้นมาว่า งั้นวันนี้… เราคุยกันเรื่องประสบการณ์ในช่วงที่เก่งบวชเป็นพระก็น่าจะดี เมื่อเก่งตกลง… เรื่องเล่าเมื่อครั้งบวชเป็นพระจึงเริ่มขึ้น
ขอย้อนอดีตไปสักหน่อย เพื่อท้าวความให้ทุกคนได้เห็นที่มาที่ไปของเรื่องนี้สักนิด
เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2559 เก่งได้อุปสมบทโดยได้ฉายาทางธรรมว่า อฺธิป สุเขสิโน ซึ่งแปลว่า ผู้แสวงหาสุข พิธีอุปสมบทถูกจัดขึ้น ณ วัดลาดปลาเค้า กรุงเทพมหานคร แล้วต่อมาเก่งก็ได้เดินทางไปจำพรรษาอยู่ที่ศูนย์วิปัสสนาไร่เชิญตะวัน จังหวัดเชียงราย โดยได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของพระเมธีวชิโรดม (วุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว. วชิรเมธี) ผู้เป็นอาจารย์ทางธรรมะของเขา
วันอุปสมบทของ เก่ง อธิป หรือ พระอฺธิป สุเขสิโน
เก่ง เริ่มเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า “สิ่งที่พิเศษอย่างนึง จากประสบการณ์ของผมในช่วงที่ผมบวชอยู่… วันนึง ท่านพระอาจารย์ ว. ท่านได้รวบรวมพระกลุ่มหนึ่ง มี 3 รูป คือ ท่านต้อม, พระฟิลลิปส์ และตัวผมเอง เราได้ไปธุดงค์กันครับ และการธุดงค์ในครั้งนั้น เป็นสิ่งที่ค่อนข้างที่จะแปลกมาก… ท่านพระอาจารย์ ว. บอกว่า พระอาจารย์อยากให้เราไปฝึกจิตในสถานที่ที่แอดวานซ์ พวกเราเป็นเหมือนพระโอลิมปิกของพระอาจารย์ พระอาจารย์เลยอยากพาไปฝึกในสถานที่ที่วัดใจพวกเรา และท้าทายยิ่งขึ้น
ผมเลยถามท่านว่า ‘ที่ไหนล่ะครับ’ ท่านตอบมาว่า ‘ที่บ้านโยมพ่อท่านเอง บ้านพ่ออุ๊ย ที่เชียงของ’ ผมเลยตอบกลับไปว่า ‘อ้าว… ก็บ้านพ่อท่านจะน่ากลัวอะไรล่ะครับ ไม่น่ากลัวเลย’ ครับ“
“แต่ในอำเภอนั้นมีสุสานอยู่” เก่งเริ่มเน้นเสียงเพื่อเพิ่มความตื่นเต้น
เราเริ่มตื่นเต้นตามเรื่องที่เก่งจะเล่า เพราะพอจะเดาได้ว่า… ถ้ามาแนวนี้ คงเป็นเรื่องลี้ลับแน่ๆ
เก่งเล่าต่อว่า “แล้วตอนนั้น คือเราก็อยู่ในผ้าเหลือง เราก็ถามท่านไปว่า ‘ท่านจะพาพวกเราไปที่ไหนครับ’ ท่านเลยบอกว่า ‘เราจะไปธุดงค์กันที่สุสานครึ่งใต้’ ซึ่งสุสานนี้อยู่ที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงรายครับ”
“สุสานนี้ เป็นสุสานที่ลือกันว่า ดุมาก และเฮี้ยนมาก”
“เราก็ใจดีสู้เสือครับ… นึกในใจว่า ในผ้าเหลือง ผีไม่ทำร้าย ผีไม่หลอกเราหรอก… เราก็มีความเชื่อแบบนี้ครับ แต่ว่าในย่ามผมนี่ เต็มเลยครับ บทสวด… ผมเตรียมไปหมดเลย ‘กรณียเมตตสูตร’ นี่ผมเตรียมสวดได้เรียบร้อยครับ”
“ในระหว่างเดินทาง ซึ่งเราต้องเดินเท้าจากบ้านพ่ออุ๊ยจนไปถึงที่สุสานครึ่งใต้ ก็จะใช้เวลาประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงครับ พวกเราก็ถือกลดที่เราจะใช้ปักในสุสานครับ ระหว่างเดินเท้า ผมก็บริกรรม ภาวนาในใจครับ ตอนนั้นนึกอะไรไม่ออก ผมสวดพระคาถาชินบัญชรตลอดทุกก้าวเลยครับ ‘ขอให้ลูกได้ปฏิบัติได้ดี อย่ามีอะไรมารบกวนเลยนะครับ’ ในใจผมนี่คือนึกแบบนี้ไปตลอดทางเลยครับ”
“พอไปถึง เราก็ปักกลด… คือท่านอาจารย์มีกฎอยู่อย่างนึงคือ เราจะปักกลดกันตั้งแต่ 6 โมงเย็น และจะอยู่กันจนถึง 7 โมงเช้า จนฟ้าสว่างน่ะครับ… และเราจะครึ่งชั่วโมงเราต้องนั่งสมาธิ อีกครึ่งชั่วโมงเราต้องเดินจงกรมทั้ง 5 ระยะ (ยกซ่นหนอ - ยกหนอ - ย่างหนอ - ลงหนอ - ถูกหนอ) ตอนนั้นผมก็คิดในใจนะครับว่า เราจะผ่านได้หรอ เดินจงกรม 1 ระยะ (ขวาย่างหนอ -ซ้ายย่างหนอ) ต้องตั้งสติกำหนด ซึ่งผมก็ว่ายากแล้ว และถ้าเดินอยู่ที่ไร่เชิญตะวัน ผมก็ยังไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ แต่นี่เราต้องมาเดินในสุสาน เพราะฉะนั้นเนี่ย… ด้วยบรรยากาศหลายๆ อย่าง ก็ทำให้เรารู้สึกครับว่า… อื้อหืมมมม… ถ้าเราสติไม่อยู่จริงๆ เนี่ย คงจะมีคำว่า ‘สติกระเจิง’ เกิดขึ้นได้จริงๆ น่ะครับ”
น้ำเสียงของเก่งเริ่มตื่นเต้นขึ้น เราก็ตื่นเต้นไปตามเรื่องที่เก่งกำลังเล่า
“กลดของพระแต่ละรูป จะอยู่ห่างกันประมาณ 5 เมตร… 5 เมตร… แล้วเราจุดเทียนพรรษาไว้ที่ศาลาการเปรียญไกลๆ แค่ไม่กี่เล่ม เราก็จะเห็นแสงเทียนส่องมารางๆ ครับ คือเราก็แทบจะมองไม่เห็นกลดอื่นเลยครับ… ผมเลยตั้งใจว่า ถ้าเดินจงกรม เราก็จะเดินรอบกลด ถ้านั่งสมาธิ ก็จะนั่งอยู่แต่ในกลด จะไม่เดินไปไหนก็แล้วกัน เพราะถ้าเดิน มันเหมือนเดินหาเรื่องครับ อาจทำให้เราไปเห็นอะไรต่างๆ แล้วเดี๋ยวจิตปรุงแต่งอีก” แล้วเก่งก็หัวเราะเบาๆ เราจึงหัวเราะตาม
เก่งเล่าต่ออีกว่า “นั่งสมาธิของผม ตอนนั้นคือการหลับตาครึ่งเดียวนะครับ” เราหัวเราะ แล้วถามกลับไป - อะไรนะ!
เก่งย้ำอีกครึ่ง “ครับ… หลับตาแค่ครึ่งเดียว เพราะว่า อีกครึ่งนึงคือแบบ… ผมมองซ้ายมองขวาไปด้วยครับ” แล้วเก่งก็หรี่ตาลงเหลือครึ่งเดียวให้เราดู แล้วเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นทั้งจากเก่งและจากเรา
“กลดข้างๆ คือพระรุ่นน้อง คือ พระฟิลลิปส์ ทินโรจน์ (ฟิลลิปส์ The Face Men) เราก็เห็นละว่า เฮ้ย… ทำไมกลดข้างๆ มีอะไรสะบัดๆ เราก็เริ่มจินตนาการครับ… นี่เราอยู่ที่สุสาน เป็นป่าช้าที่ดุมากเลยนะ หรือว่าจะมีอะไรมาเทสต์เรา”
“แล้วพอเราเพ่งมองดีๆ… โอ๊ยยย… ท่านปัดยุง!” นี่คือพระต้อมนะครับ เป็นพระที่อยู่ในรุ่นเดียวกัน
“จิตเราก็ปล่อยวางไปแป๊บนึงครับ”
“แล้ว… ซ้ายมือยังมีอีกกลดครับ ตาเราก็หาเรื่องอีก… มองไปทางนั้นอีกครับ คราวนี้คือ… ข้างบนกลดคือมีอะไรพุ่งขึ้นมา แล้วในใจผมนึกเลยครับว่า ‘น่าจะเป็นเปรต’ แน่ๆ เลยครับ เพราะถ้ามันสูงขนาดนี้” เก่งยกมือขึ้นไปที่ระดับเหนือศรีษะ เพื่อประกอบการเล่าเรื่อง
“ไม่ใช่ครับ… หลวงพี่ท่านลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ”
เราโล่งใจ… เพราะตอนนั้น เราก็ลุ้น และจินตนาการภาพตามเรื่องที่เก่งกำลังเล่า
“แล้วหลังจากนั้น… ก็มีอีกช่วงนึงครับ ที่ผมได้กลิ่นธูปครับ คืออย่างที่เล่าไป เราจุดเทียนพรรษา เล่มใหญ่เลยครับ จุดไว้ที่ศาลาการเปรียญ ซึ่งแน่ใจครับว่าไม่มีใครจุดธูปแน่นอน แล้วกลิ่นธูปมันมาจากไหน!”
“ผมตั้งสติดีๆ แล้วสวดมนต์หลายๆ บท พาหุงฯ เอย ชินบัญชรฯ เอย… ตั้งใจสวด พยายามไม่ให้สติหลุด…ซักพัก… กลิ่นหายไปครับ!”
เราโล่งใจอีกครั้ง
เก่งเล่าต่ออีกว่า “ผลสรุปแล้ว… ทั้งหมดทั้งมวลที่เล่ามานี้คือ จิตปรุงแต่งทั้งนั้นเลยครับ จิตเรานี่มันปรุงแต่งขึ้นมาจริงๆ ครับ”
“พอผมบริกรรมเสร็จจนถึงเวลาเช้า เราก็ได้มาคุยกันครับ คุยกับพระอาจารย์ และพระรูปอื่นๆ ครับ… ท่านก็เลยบอกว่า ‘สิ่งเหล่านี้มันอยู่ที่จิตปรุงแต่งหมดเลย ทุกๆ อย่าง’ ครับผม”
“และนี่คือส่วนหนึ่งของประสบการณ์การบวชของผมนะครับ ซึ่งได้รับความกรุณามากๆ จากท่านอาจารย์ ว.วชิรเมธี ครับ”
เก่งยังขยายความเรื่องจิตปรุงแต่งให้เราฟังด้วยว่า “สำหรับคำว่า ‘จิตปรุงแต่ง’ นะครับ… ตัวอย่างก็คือ ผงชูรส เมื่อมันปรุงแต่งเข้าไปในอาหาร มันก็ได้รสจัดจ้าน ถูกมั้ยครับ… แต่จัดจ้านมากเกินไป ไตทำงานหนัก เมื่อจิตเหมือนผงชูรส เมื่อจิตปรุงแต่งมากเกินไป ชีวิตเราก็ทำงานหนักครับ ชีวิตทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆ ครับ ถ้าสมมติว่าเราอยากให้ชีวิตเราเรียบง่ายและสบายขึ้น เราเติมผงชูรสให้น้อยลงครับ”
เราเลยตอบเก่งไปว่า - งั้นไม่ใส่เลยก็น่าจะดี!
เก่งยิ้ม แล้วตอบว่า “อ้อ… ไม่ใส่เลยได้ ยิ่งดีเลยครับ! เป็น Organic จะดีกว่า ใช่มั้ยครับ” แล้วเก่งก็หัวเราะ
พระอธิปฺ สุเขสิโน ที่ไร่เชิญตะวัน จังหวัดเชียงราย
“ตรงนี้ก็เป็นประสบการณ์เล็กๆ น้อยๆ เป็นจุดเล็กๆ อีกจุดหนึ่งในหลายๆ จุดที่ผมได้รับมาจากช่วงเวลาที่ผมบวชเรียนอยู่ที่ไร่เชิญตะวันครับผม”
เราชวนเก่งคุยอีกนิดหน่อยว่า ดีจริงๆ ที่วันนี้ได้คุยเรื่องที่ช่วยให้เราคิดใคร่ครวญในเรื่องเกี่ยวกับธรรมะบ้าง ชีวิตทุกวันนี้เร่งรีบ จนไม่มีเวลาได้คิดถึงเรื่องธรรมะซักเท่าไหร่ เก่งจึงพูดต่อเกี่ยวกับ ‘ธรรมะ’ ว่า
“ผมรู้สึกอิ่มเอมใจมากเลยครับ กับช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ที่ผมเคยได้บวชเป็นพระภิกษุ และ ได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์ ว.วชิรเมธีให้ผมได้ศึกษาธรรมะในหลายๆ แง่มุม หลายๆ เรื่องราว ซึ่งธรรมะหลายๆ บท เรานำไปปรับใช้ได้ทั้งในทางธรรมและชีวิตทางโลกเลยครับ”
“สำหรับผมแล้ว ธรรมะ ก็คือ ธรรมชาติ และความธรรมดาครับผม”
เราขอบคุณเก่ง ที่เล่าเรื่องสนุกๆ ให้ฟัง และยังฝากข้อคิดไว้ให้ด้วย
เก่งทิ้งท้ายการสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องความสุขไว้อีกเรื่องว่า “คนเรามักจะไขว่คว้าหาความสุข ทั้งๆ ที่ความสุขมันอยู่ในตัวของเราอยู่แล้ว แค่เรายิ้มให้กัน ความสุขก็เกิดที่ในใจเราก่อน เป็นอันดับแรกเลยครับ และคนที่ได้เห็นเรายิ้ม เค้าก็จะมีความสุขตามไปด้วยครับ… ผมคิดว่าแค่เพียงรอยยิ้ม… พลังของมันก็มีมากมายมหาศาลเลยนะครับ” แล้วเก่งก็ยิ้ม
เจ้าของเรื่องเล่า เรื่องราวดีๆ สร้างพลัง และแรงบันดาลใจ :: เก่ง - อธิป เจริญชัยสกุลสุข
Facebook Fanpage: Atip Official
https://www.facebook.com/atip.keng
Facebook: Atip Keng Charoenchaisakulsuk
https://www.facebook.com/keng.atip
YouTube: Atip Channel
2 บันทึก
3
5
2
3
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย